กลายเป็นเรื่องที่น่าจับตาไม่น้อยทีเดียวสำหรับการเข้ามารับตำแหน่งรองประธานกรรมการ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ของผู้ประกาศข่าวรุ่นเก่า "จักรพันธุ์ ยมจินดา" พร้อมกับบทบาทที่เจ้าตัวเผยว่าได้รับมอบหมายจากบอร์ด อสมท ( คณะกรรมการ บมจ.อสมท) ให้รับผิดชอบการปรับปรุงข่าวโดยเฉพาะ
"ต้องการเห็นหน้าจอข่าวช่อง 9 เปลี่ยนโฉมใหม่ในวันที่ 9 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันเกิดของ อสมท และจะเป็นผลงานที่เป็นรูปธรรมในการทำงานของบอร์ดชุดนี้" คือสิ่งที่รองประธานฯ แถลงภายหลังจากการเข้ารับหน้าที่ดังกล่าว
แม้จะยังเป็นที่แน่ชัดว่าการ "เปลี่ยนโฉม" ที่ว่านี้จะมีมากน้อยเพียงใด และ "โฉมใหม่" ที่ออกมาจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร? แต่ว่ากันว่าหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นสูงเป็นอย่างมากก็คือการเด้งหลุดจากจอของ 2 รายการตระกูล "ข่าวข้น" ทั้ง "เช้าข่าวข้น คนข่าวเช้า" และ "ข่าวข้น คนข่าว" ซึ่งเป็นการผลิตร่วมกันระหว่าง บ.อสมท. และ บ.เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เรื่องนี้เมื่อพิจารณาถึงแง่มุมต่างๆ ก็ต้องบอกว่ามีน้ำหนักอยู่พอสมควรทีเดียว
ที่ผ่านมาต้องบอกว่าเนื้อหาตลอดจนการแสดงความคิดเห็นของตัวผู้ดำเนินรายการทั้ง 2 รายการนั้นดูจะเป็นที่ขัดหูขัดตาคนของฟากฝั่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอยู่พอสมควร เพราะถึงแม้จะไม่ง้างหอกแทงสุดลิ่ม แต่ก็มิได้จะเออออห่อหมกแบบสุดประตู อันเป็นที่มาของกระแสข่าวที่ว่าทางช่อง 9 มีแผนเตรียมที่จะเด้งรายการข่าวข้น คนข่าว ออกจากผังในช่วงระหว่างที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารเมื่อปลายปีที่ผ่านมาแล้วนั่นเอง
ในครั้งนั้นแม้นายสุระ เกนทะนะศิล รองกรรมการผู้อำนวยการ อสมท. ซึ่งเข้ามารักษาการแทนนายธนวัฒน์ วันสม ผอ.อสมท.คนเก่าที่เพิ่งถูกเด้งออกไปจะปฏิเสธว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทว่าเจ้าตัวก็ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยตักเตือนไปยังผู้ดำเนินรายการในเรื่องของการแสดงความคิดเห็นซึ่งอาจจะไปกระทบถึงบุคคลที่ 3 แถมยังย้ำด้วยว่าหากทุกรายการทำตามนโยบายของช่องรับรองว่าไม่หลุดผังแน่นอน
หลายคนมองว่านั่นคือการเผาหลอก แต่ครั้งนี้เผาจริง
เพราะนอกจากเรื่องของเนื้อหา รวมถึงผู้ผลิตอย่างบริษัทเนชั่นจะถูกมองว่ามีสีเสื้อของพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามของพรรคการเมืองฟากรัฐบาลชุดปัจจุบันคลุมอยู่แล้ว ภาพของตัวของรองประธานฯ คนล่าสุดอย่าง "จักรพันธุ์ ยมจินดา" ที่เข้ามามีสิทธิ์ขาดในเรื่องรายการข่าวนั้นก็ต้องบอกว่าค่อนข้างจะมีความผูกพันธ์ใกล้ชิดอยู่กับพรรคเพื่อไทยเยอะทีเดียว
โดยเฉพาะเมื่อมองถึงฐานะของการเป็นอดีตสมาชิกพรรคพลังประชาชน และบทบาทการแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องการเมืองที่ผ่านๆ มา
"แต่ถ้าจะบอกว่าเปลี่ยนเพราะการเมืองมันก็คงจะน่าเกลียดเกินไปนะ เพราะฉะนั้นเชื่อว่าเหตุผลที่ออกมาก็คงจะเป็นไปในทำนองที่ว่า อสมท. นั้นมีทรัพยากร มีบุคคลากรพร้อมอยู่แล้วที่จะสามารถทำรายการเองได้ทำนองนี้มากกว่า..." แหล่งข่าวคนหนึ่งให้ความเห็นซึ่งค่อนข้างจะสอดคล้องทีเดียวต่อการให้สัมภาษณ์ของนายเขมทัตต์ พลเดช รองกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ สายงานการตลาดและการขาย ของอสมท. ที่ออกมาเผยว่าทางบอร์ดชุดปัจจุบันของอสมท.มีความต้องการที่จะให้ช่อง 9 นั้นผลิตรายการข่าวเพิ่มขึ้นเป็น 51% จากปัจจุบันที่ทำอยู่ 37%
คงจะต้องจับตาดูกันว่าแผนการปรับปรุง-เปลี่ยนแปลงรายการข่าวที่ทางช่อง 9 ที่มีคนชื่อ จักรพันธุ์ ยมจินดา นั่งเป็นหัวเรือใหญ่ซึ่งเตรียมที่จะนำเสนอให้บอร์ดพิจารณาในวันที่ 24 ม.ค.นี้จะออกมาเป็นเช่นไร?
ท้ายสุด แม้รายการข่าวข้นฯ ที่ได้รับความนิยมและมีเรตติ้งค่อนข้างจะดีในระดับหนึ่งมีอันต้องหลุดไปจากผังของโมเดิร์นไนน์ จริงๆ เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้สึกว่ามันหาใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดในสภาพการสังคมและการเมืองแบบไทยๆ เรา
เพียงแต่มันคงจะไม่ถูกต้องนักหากคนส่วนใหญ่ต่างพากันเพิกเฉยและมองกันว่าเรื่องเหล่านี้คือเรื่อง "ปกติ"