xs
xsm
sm
md
lg

“จักรพันธุ์” ไม่ฟันธง “ข่าวข้นฯ” จะอยู่หรือไป แต่ต้องนำเสนอให้เป็นกลาง ยันไม่ให้รายการเสื้อแดงผลิตในช่อง 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“จักรพันธุ์ ยมจินดา” รองประธานกรรมการอสมท. ยังไม่ฟันธงรายการ “ข่าวข้น” ของเนชั่นจะอยู่หรือไปหลังวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอย่างหนัก แต่ควรจะนำเสนออย่างเป็นกลาง ลั่นจะไม่มีรายการของคนเสื้อแดงมาอยู่ช่อง 9 เพราะต้องทำให้สถานีเป็นกลางไม่มีสี เตรียมปรับโฉมข่าวใหม่ใช้เทคโนโลยีด้านกราฟฟิกที่ไม่เคยมีช่องไหนทำมาก่อน

เป็นที่จับตามองสำหรับแวดวงสื่อมวลชนหลังผู้ประกาศข่าวรุ่นเก่า "จักรพันธุ์ ยมจินดา" อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่ตอนหลังไปเป็นสมาชิกไทยรักไทย ก่อนจะถูกศาลตัดสินใจให้เลิกเล่นการเมือง 10 ปี จักรพันธ์ค่อนข้างมีความสนิทสนมกับ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีและนักโทษหนีคดี ถึงขั้นเคยสัมภาษณ์เอ็กคูลซีฟก่อนจะเดินทางไปต่างประเทศและถูกรัฐประหาร

การโดดมารับตำแหน่ง รองประธานบริษัทอสมท จำกัด(มหาชน) ของจักรพันธ์ครั้งนี้ ต้องมารับผิดชอบการปรับปรุงข่าวโดยเฉพาะ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า รายการ “ข่าวข้น คนข่าว” ของบริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ปที่ออกอากาศช่อง 9 อาจจะหลุดผัง เพราะ “กนก รัตน์วงศ์สกุล” และผู้ดำเนินรายการร่วมคนอื่นๆ นั้น ค่อนข้างมีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา เรียกว่าไม่ได้เกรงใจ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีคนสวยเอาซะเลย

ในงานเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชนของช่อง 9 เมื่อวานที่ผ่านมา(20/ม.ค./55) จักรพันธ์ ยมจินดา รองประธานอสมท.คนใหม่ก็โผล่มาร่วมงานด้วย งานนี้บันเทิงผู้จัดการออนไลน์จึงไม่พลาดที่จะไปตามติดเรื่องดังกล่าว

“ผมได้รับหน้าที่มาดูแลด้านงานข่าวอย่างเดียวครับ คือตอนนี้ในเรื่องของนโยบายต้องรอบอร์ดบริหาร แต่ผมได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการให้มาดูและปรับปรุงในรูปแบบข่าว ผมก็ได้ทำการประชุมทุกสำนักหมดแล้วไม่ว่าจะสำนักโทรทัศน์ สำนักข่าวไทย สำนักการตลาด 4 - 5 วันเต็มๆ ที่เราประชุมกันตั้งแต่เช้ายันเย็น ก็ได้แผนที่จะเสนอในที่ประชุม รายละเอียดเยอะมากๆ”

“โดยหลักๆ ก็คือในเรื่องของเนื้อหาข่าว ตลอดจนเรื่องการสนับสนุนเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ประกอบฉากจะปรับปรุงทุถด้านเพื่อให้เกิดสีสันใหม่ อีกทั้งยังเพิ่มศักยภาพของผู้ประกาศข่าว ผู้สื่อข่าวจะต้องให้ผู้สื่อข่าวเป็นผู้ที่ได้รับเชื่อถือให้ได้ให้สมกับเป็นสำนักข่าวไทย เสรีภาพที่เราจะนำเสนอต้องปราศจากความครอบงำ เสรีภาพที่ตกต่ำมาหลายปีมันควรจะหมดไปในยุคนี้ และให้เสรีภาพอย่างเต็มที่ โดยเสรีภาพเหล่านั้นต้องอยู่บนหลักกฏหมาย ศีลธรรมอันดีงาม ต้องมีความเป็นกลาง”

“ซึ่งเนื้อหาด้านข่าวก็จะเข้มข้นขึ้นแน่นอน แต่อาจจะบอกไม่ได้ต้องรอบอร์ดอนุมัติหลักการ บางเรื่องต้องขออุบเพราะมันยังไม่เคยมีใครในช่องไหนใช้เราจะใช้ก่อน เราจะได้รับเทคโนโลยีล่าสุดของพวกกราฟฟิกมาใช้เป็นช่องแรกในประเทศไทย เราจะนำเสนอเนื้อหาแบบใหม่ ไม่ว่าจะข่าวในประเทศหรือต่างประเทศ เราจะวางสคริปท์ข่าวให้สอดคล้องประสานงานกับทีมงานอื่นๆ สีสันอะไรมีแน่นอน ซึ่งอาจจะยังไม่ได้ใช้ในเร็ววัน เพราะต้องมีการซักซ้อม มันต้องมีการคำนึงถึงความละเอียดรอบคอบเยอะ น่าจะประมาณเดือนเมษายนนี้ถึงจะได้เห็นกัน”

“ส่วนกระแสที่ว่าผมเข้ามาแล้วทางรายการข่าวข้น คนข่าวจะถูกปลด สำหรับเรื่องนี้ผมเห็นแต่ในข่าวหนังสือพิมพ์นะ แต่ยังไม่เคยเห็นมีใครพูด ถามว่ามั่นใจไหมว่ารายการนี้ยังอยู่ ผมให้ความมั่นใจรายการไหนไม่ได้ รายการจะหลุดหรือไม่หลุดขึ้นอยู่กับเรทติ้งที่จะต้องมีคณะกรรมการประเมินในอนาคต”

“แต่ว่าสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นก็ขึ้นอยู่กับผู้บริหาร ในขณะนี้ผมไม่ใช่ผู้บริหารตรงนั้นพูดไม่ได้ รายการข่าวข้นคนข่าวเขาต้องไปปฏิบัติตัวให้เป็นกลาง เนชั่นเขาผลิตร่วมกับอสมท. เพราะฉะนั้นเขาต้องไปทำให้เป็นกลาง ถ้าประชาชนบอกว่าไม่เป็นกลางก็จะต้องเรียกเขามาคุย บอร์ดก็จะต้องถามว่าปล่อยให้เอียงอย่างนี้ได้ยังไง ซึ่งผมก็รู้ว่าประชาชนดูก็คงรู้อยู่แล้ว หรือเราจะมีรายการเอาใจคนเสื้อแดงมันก็ไม่ได้ คนเสื้อแดงเขาก็มีช่องเขาอยู่แล้ว เสื้อเหลืองก็มีช่องของเขาอยู่แล้ว ประชาธิปัตย์เขาก็มีบลูสกายของเขาอยู่แล้ว ตรงนี้จะต้องเป็นมืออาชีพต้องสนองผู้ถือหุ้น เราต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าสื่อของอสมท.ต้องไม่ฝักใฝ่ฝ่ายไหน”

“ส่วนในเรื่องรายการนี้มักถูกมองว่าไม่เป็นกลาง ผมไม่เชื่อหรอกว่าทุกคนเป็นกลางเวลาไปเลือกตั้งทุกคนก็จะรู้ว่าเลือกพรรคไหน ความเป็นกลางนั้นคือการทำหน้าที่ออกจอ คนดูอยู่เขารู้ว่าสิ่งที่คุณพูดคุณยิ้มสายตาของคุณ คุณอยู่ข้างไหนมันบอกชัดเจน เพราะฉะนั้นตรงนี้คนที่เป็นสื่อมวลชนมืออาชีพอย่างสำนักข่าวไทย อย่างอสมท.ต้องพยายามทำตรงนี้ให้ได้”

“ใครจะอยู่สีอะไรผมไม่สนใจหรอกครับ แต่ว่าเวลาคุณทำหน้าที่คุณต้องลืมสีให้หมด ถามว่าผมเคยเป็นสส.ของไทยรักไทยแล้วมาทำหน้าที่ตรงนี้เพราะการเมืองหรือเปล่า แล้วผมจะบอกว่าผมเคยเป็นสส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ครั้งที่ 2 เป็นสส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ยกมือให้คุณชวนเป็นนายกตั้ง 2 สมัย ครั้งที่ 3 เท่านั้นเองที่เป็นสส.พรรคไทยรักไทย ผมห่างจากการเมืองมาตั้งแต่ปี 49 ซึ่งมันเป็นคดีอยู่ในศาลฏีกา ตัดสิทธิ์ผมในการเลือกตั้ง 10 ปี ผมก็เคารพศาลชั้นต้นว่าถ้าเป็นแบบนี้ผมจะไม่ลงเลือกตั้งเป็นเวลา10 ปีจนกว่าคดีจะสิ้นสุด ผมพูดคำนั้นมาตั้งแต่รับฟังคำพิพากษา ผมก็ปฏิบัติตัวอย่างดีมาจนถึงวันนี้ มีคนชวนผมลงสมัครรับเลือกตั้งปีก่อน แต่คดีผมยังไม่สิ้นสุดผมก็ไม่ลง เพราะผมต้องการให้คำพูดของคนที่เคยเล่นการเมืองให้มีค่า ว่าพูดอะไรก็ต้องทำตามนั้น”

“ผมไม่กดดันหรอกครับ เพราะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ผมทำงานโทรทัศน์มา 30 ปี ตรงนั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ ผมไต่เต้ามาจากระดับล่างสุดจนมาเป็นผู้บริหาร ผมจะทุ่มเทชีวิตในขณะที่ตอนนี้ผมอายุ 57 ในช่วงปลายของการทำงานให้กับโทรทัศน์ การเมืองอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้คนเข้ามาเป็นคณะกรรมการ ไม่มีชุดไหนไม่ได้มาเพราะการเมือง ชุดที่แล้วก็มาเพราะการเมืองมีประชาธิปัตย์สนับสนุน ชุดนี้ก็มาเพราะการเมืองแต่การทำหน้าที่ของการทำตรงนี้ อสมท.เป็นบริษัทมหาชนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่เราต้องคำนึงถึงผู้ที่หุ้น เราต้องบริหารให้บริษัทมีกำไร เพราะฉะนั้นจะเอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ได้เด็ดขาด ไม่มีการนำการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน”

หลังจากถูกตัดสิทธิทางการเมือง “จักรพันธุ์ ยมจินดา” ก็ไปก่อตั้ง บริษัท แมกซิมา สตูดิโอ จำกัด ร่วมกับญาติพี่น้องและมิตรสหายหลายคน โดยดำรงตำแหน่งประธานบริหาร[1] เพื่อผลิตรายการข่าว สถานีสนามเป้า ออกอากาศทาง ททบ.5 ซึ่งเขาเป็นพิธีกรข่าวด้วยตนเอง พอได้ตำแหน่งใหญ่โตมีอำนาจในสายงานข่าวของอสมท. จึงมีคำถามตามมาว่า จักรพันธุ์อาจจะให้บริษัทแมกซีม่าผลิตรายการข่าวแทนเนชั่นหรือไม่

“ส่วนบริษัทแมกซีม่าก็จะเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ได้ ผมเป็นลูกจ้างน้องชายในปี 49 เพียงแค่รับจ้างดำเนินรายการให้กับช่อง 5 จากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไร จนมารับตำแหน่งที่นี่ก็เลยลาออกจางานโทรทัศน์ทุกอย่างที่เคยทำทั้งช่อง 5 และช่อง 9 และบริษัทแมกซีม่า หยุดทุกอย่างเพื่อตั้งใจทำงานที่นี่ที่เดียว และบริษัทแมกซีม่าจะมามีรายการที่นี่ไม่ได้โดยเด็ดขาด”




กำลังโหลดความคิดเห็น