“สุระ” รักษาการ ผอ.อสมท. บอกคนคิดกันไปเองว่าจะเด้งรายการ “ข่าวข้น คนข่าว” หลัง “จักรพันธุ์” โดดนั่งแท่นคุมข่าว อสมท. แต่ยอมรับยังตอบไม่ได้ว่าการที่สองฝ่ายอยู่คนละขั้วกันจะทำให้มีปัญหาในอนาคตหรือไม่ พร้อมเปรียบจักรพันธุ์เหมือนยา จะใช้แรงหรืออ่อนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เคลียร์ชัด อสมท.ไม่ได้ถูกรัฐบาลครอบงำ
ยังเป็นที่จับตามองสำหรับแวดวงสื่อมวลชน หลังผู้ประกาศข่าวรุ่นเก่า “จักรพันธุ์ ยมจินดา” อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่ตอนหลังไปเป็นสมาชิกไทยรักไทย กระโดดมารับตำแหน่ง รองประธานบริษัทอสมท จำกัด(มหาชน) โดยมีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมรายการข่าวโดยเฉพาะ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า รายการ “ข่าวข้น คนข่าว” ของบริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป ที่ออกอากาศช่อง 9 อาจจะหลุดผัง เพราะอยู่คนละขั้วกัน อีกทั้ง “กนก รัตน์วงศ์สกุล” และผู้ดำเนินรายการร่วมคนอื่นๆ นั้น ค่อนข้างมีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา จนเคยถูกตักเตือนไปแล้วชุดใหญ่ ยิ่งก่อนหน้านี้ทางด้านของจักรพันธุ์เองก็ไม่ฟันธงว่าข่าวข้นคนข่าวจะอยู่หรือไป บอกแต่เพียงว่าให้นำเสนออย่างเป็นกลาง และจะดูจากเรทติ้งเป็นหลัก
สอบถามประเด็นดังกล่าวไปยัง “นายสุระ เกนทะนะศิล” รองกรรมการผู้อำนวยการรักษาการ ตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ซึ่งเข้ามารักษาการแทน “นายธนวัฒน์ วันสม” ผอ.อสมท.คนเก่าที่ถูกเด้งไป ก็ได้รับการยืนยันว่า ณ ตอนนี้รายการข่าวข้นคนข่าวยังไม่หลุดผังอย่างแน่นอน แต่อนาคตรายการจะมีปัญหากับนายจักรพันธุ์หรือไม่ยังตอบไม่ได้ คงต้องจับตามองกันต่อไป
“เรื่องการปรับเปลี่ยนรายการข่าวข้นคนข่าว ผมว่าคงพูดกันไปเองมั้งครับ วันนี้เราถึงเวลาที่คนไทยต้องเปลี่ยน ตอนนี้เราเพิ่มพื้นที่ข่าวเยอะขึ้น มันน่าจะเป็นแบบนี้มากกว่าที่จะไปคิดว่าเราจะเปลี่ยน เราจะโยกหรือเราจะไม่ทำต่อ เราจะทำเป็นสำนักข่าวแห่งชาติ สำนักข่าวนานาชาติ เราจะยังคงไว้ให้ปีกกล้าขาแข็ง ส่วนที่ทางอสมท. ดึงคุณจักรพันธุ์เข้ามาดูแลฝ่ายข่าวเพราะเขามีความสามารถด้านข่าวมาก่อน บอร์ดที่มีความสามารถทุกคนเราก็จะพยายามใช้ให้เป็นประโยชน์ ผมอยากจะให้กลับมาเป็นรูปแบบเดิมสังคมอุดมปัญญา ซึ่งมันต้องเป็นแบบนั้นเพราะหุ้นของเราอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งของรัฐ กระทรวงการคลัง และเราก็ต้องพัฒนาคนขึ้นมา”
“ส่วนที่คุณจักรพันธุ์ ยอมรับว่าการเข้ามาทำหน้าที่การเมืองก็มีส่วน ผมว่าไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็แล้วแต่ เขาก็ต้องทำงานเพื่อประเทศ และแต่ละพรรคก็มีวิธีการบริหารประเทศ อสมท. เองก็เปลี่ยนบ่อย ผมว่ามันเป็นการชอบธรรมของการเมือง ใครที่ได้รับเสียงมากแสดงว่านโยบายของเขาถูกใจประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ เขาก็เข้ามามีบทบาทอันชอบธรรมที่จะเข้ามาบริหารในกระทรวงต่างๆ หรือบริหารสื่อ ยังไงก็ต้องลอง อย่าไปมองว่าไม่ถูกใจเราทุกอย่าง เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการบริหารงานในแนวนี้มันถูกใจไหม ใครเป็นรัฐบาลในชุดนี้ผมว่าลำบาก เจอทั้งน้ำท่วม โรงงานเสียหาย เยอะแยะครับ สื่อเองก็ต้องมีส่วนแต่วิธีไหนมันก็อยู่กับนโยบายของแต่ละรัฐบาล”
“คุณจักรพันธุ์เองเขาก็เคยเป็นสส.ของไทยรักไทย หรือเพื่อไทยมาก่อน ถามว่ารายการข่าวข้นคนข่าวจะมีปัญหาไหม ผมว่าเรื่องนี้ต้องคอยดูก่อน มันเร็วไปที่จะตอบ หลายคนอาจคิดว่าเขาคนละแนวกัน เหมือนหมอฉีดยา จะต้องดูว่าจะใช้ยาแรง หรือยาอ่อนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เราอยู่กันคนละมุม อย่างกลุ่มของเนชั่นนั้น เราก็เคยเห็นว่าตอนรัฐบาลนี้เข้ามาบริหารก็มีการพูดจาอะไรที่ละเมิดถึงบุคคลที่3 พอผมเข้ามา ผมก็เรียกคุยว่าต้องให้เกียรติกันบ้างว่าการที่เขาเป็นรัฐบาลปกครองประเทศก็ต้องยอมรับกันบ้าง ความคิดความอ่านของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่เมื่ออยู่หน้าจอ อสมท.แล้วต้องเป็นกลางนะ เมื่อการทำหน้าที่เป็นพิธีกรจะมาพูดชี้นำเหมือนช่องอื่น ถ้าเป็นในยุคผม ผมยอมไม่ได้เพราะผมเคยบอกเสมอ”
“ถามว่าเขาสามารถเปลี่ยนสคริปต์ที่เราวางไว้ได้ไหม อันนี้เราตกลงกันแล้วเป็นมารยาท ว่าคุณมาอยู่บ้านผม ผมมีแนวนโยบายเป็นกลางผมไม่อยากให้คุณเสนอที่เป็นความคิดส่วนตัว แล้วไปชี้นำให้ประชาชนมาเชื่อคุณ เราต้องการเป็นกลาง นานาชาติอยู่กับเรา เพราะเรามีความเป็นกลาง อย่างรายการของข่าวข้นคนข่าว ทีมงานทั้งหมดเป็นของเรา ดึงมาแค่พิธีกรเท่านั้นเอง และก็เอาข่าวเรามาวิเคราะห์ เนื้อข่าวเราก็ของเราทั้งนั้น เพราะฉะนั้นผมว่าอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ”
“ถ้าเราไม่ได้เป็นสื่อกลางคงไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติหรอก วันนี้สื่อของเราก้าวไปอีกสเต็ป เรายกระดับเป็นที่เชื่อถือของสำนักข่าวต่างประเทศ เนื้อข่าว คอนเทนต์ หรือพิธีกรได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ผมว่ารัฐบาลน่าจะได้ใช้สื่อตรงนี้สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ”
เคลียร์ชัดปัจจุบัน อสมท.ไม่ได้ถูกรัฐบาลครอบงำสื่อ และในอนาคตก็คงไม่ถูกครอบงำเช่นกัน
“ถามว่าอสมท. โดยรัฐบาลครอบงำหรือเปล่า วันนี้ยังไม่ได้ครอบงำ วันนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นแค่นั้นเองและอนาคตเองผมก็เชื่อว่าก็ไม่ได้ครอบงำครับ ส่วนในเดือนเมษายนที่จะมีการประชุมนั้นจะเป็นแค่การคุยกันบนโต๊ะ ส่วนในวันที่ 24 มกราคมนี้นั้น คุณจักรพันธุ์ก็คงจะเอาแนวคิดมาเสนอกับบอร์ด ก็ต้องรอดูว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรยังไง ไปทางไหน ตอนนี้ยังตอบไม่ได้”
ยอมรับขาดแคลนบุคลากรด้านข่าวและผู้ประกาศข่าว และรับสภาพว่าช่องคู่แข่งกินขาดในเรื่องนี้
“ผมยอมรับว่าบุคคลากรด้านข่าวโดยเฉพาะพิธีกรเรายังอ่อนอยู่ แต่เนื้อหาข่าวแข็งแรง พิธีกรเราขาดประสบการณ์หลายๆ อย่างเราขาดตรงนี้ไปเยอะ ซึ่งทางช่อง3 เขามีพิธีกรที่แข็งแรง เรายอมรับว่าเขามีเงิน เขามีแนวที่ชัดเจน ข่าวของเรามันหลากหลายมีหลายแบบ เนื้อหาเราโอเคแล้ว เรายังขาดตรงนี้หรือช้ากว่าเขานิดเดียว ซึ่งมันก็ไม่ง่ายหรอกครับที่จะปั้นพิธีกรขึ้นมาใหม่ ผมว่าตอนนี้ผู้ประกาศหลายคนก็ดีขึ้น บางคนก็โดนตำหนิ อย่างข่าวพยากรณ์อากาศ มันก็ทำให้เขาไม่มั่นใจ ก็เปลี่ยนๆ ไป เรายอมรับว่าวันนี้เราสร้างคนไม่ทัน มีแต่นักข่าวเก่าๆ”
