xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

2 ปี 8 เดือน มัวเหลาะแหละ ปชป.โดน“ผังล้มเจ้า”ย้อนศร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เป็นความจริงที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่ามีกลุ่มคนไทยจำนวนหนึ่งที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไปเป็นระบอบอื่นที่ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์หรือหากมีก็เป็นเพียงสัญญลักษณ์

และเป็นความจริงอีกเช่นกันว่า กลุ่มคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็อยู่ในเครือข่ายคนเสื้อแดงซึ่งเป็นฐานมวลชนของรัฐบาลปัจจุบันและบางคนก็เป็นผู้รับใช้ใกล้ชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริงที่กุมอำนาจรัฐอยู่ในขณะนี้

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่เกินความจริง หากจะบอกว่าขณะนี้ “ขบวนการล้มเจ้า”กำลังรุกคืบฉวยจังหวะที่ฝ่ายตัวเองกุมอำนาจรัฐ กระทำการบั่นทอนความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ลงไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

ดังจะเห็นได้จากข้อเสนอให้มีการแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ว่าด้วยเรื่องการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งพยายามมีการปลุกกระแสให้มีคนออกมาต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ โดยยกเอากรณี “อากง”ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 20 ปีด้วยข้อหาส่งเอสเอ็มเอสหมิ่นสถาบันเบื้องสูง มาขยายความบิดเบือนว่าเป็นเพราะความรุนแรงและล้าสมัยของมาตรา 112

รวมไปถึงกรณีนักศึกษาหญิงที่ใช้ชื่อ “ก้านธูป” โพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูง ส่งผลให้มหาวิทยาลัยศิลปากรและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไม่รับเข้าศึกษา จนต้องเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลใหม่สอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อสื่อมวลชนได้ตีแผ่ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ก็ถูกนำไปบิดเบือนปั่นกระแสว่าเป็นการนำเสนอข่าวที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

ล่าสุด สมาชิกลุ่มนิติราษฎร์บางคนได้เหิมเกริมอวดเก่ง นอกจากเสนอให้ยกเลิกมาตรา 112 แล้วยังเสนอให้มีการห้ามพระมหากษัตริย์มิให้ทรงมีพระราชดำรัสต่อสาธารณะ หรือให้รัฐบาลตรวจบทพระราชดำรัสก่อน

แม้คนในรัฐบาลชุดนี้หลายคน โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีได้ออกมาประกาศว่าจะไม่แตะต้องมาตรา 112 และจะดำเนินการปราบปรามเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างเด็ดขาด แต่ในข้อเท็จจริงก็ยังคงมีข้อความหมิ่นเบื้องสูงอยู่ตามเว็บไซต์จำนวนมาก โดยเฉพาะเว็บไซต์ประเภทเครือข่ายสังคม ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือตามบล็อกต่างๆ ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที.ทำได้แค่บอกให้ประชาชนอย่าไปแชร์ อย่าไปแสดงความคิดเห็น หรือกด like ข้อความเหล่านั้น และเตรียมทำเรื่องของบประมาณซื้อเครื่องมือบล็อกเว็บไซต์ราคา 400 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ก็ไม่เคยเห็นรัฐมนตรีคนใดตำหนิติเตียนหรือห้ามปรามคนในเครือข่ายของตนเองแสดงพฤติกรรมจาบจ้วงเบื้องสูงแม้สักครั้งเดียว นอกจากพูดลอยๆ ว่าจะจัดการกับทุกคนโดยไม่เลือกสีเลือกฝ่ายเท่านั้น

ความจริงแล้ว “ขบวนการล้มเจ้า”ได้แสดงตัวตนและเคลื่อนไหวชัดเจนตั้งแต่เมื่อครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ดังกรณีการเกิดขึ้นของ “ปฏิญญาฟินแลนด์” และขบวนการนี้ได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เนื่องจากเครือข่ายทักษิณได้ทำการรุกกลับ โดยประสานผลประโยชน์กันกับขบวนการล้มเจ้า ขณะที่รัฐบาลหลังการรัฐประหารก็มีแต่ความไร้ประสิทธิภาพ

หลังจากปี 2551 เป็นต้นมา ซึ่งพรรคการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณชักใยอยู่เบื้องหลังชนะเลือกตั้งมาโดยตลอด หลายคนในเครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณได้แสดงพฤติกรรมจาบจ้วงเบื้องสูงออกมาชัดเจน จนถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่ว่าจะเป็นนายจักรภพ เพ็ญแข นายใจ อึ๊งภากรณ์ นายชูชีพ ชีวสุทธิ ที่หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ นายสุชาติ นาคบางไทร นางดารณี เชิงชาญศิลปกุล(ดา ตอร์ปิโด) นายอำพล ตั้งนพกุล(อากง) ที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุกไปแล้ว เพราะมีพยานหลักฐานชัดเจน หรือกรณีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายสุรชัย แซ่ด่าน ที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี

ทั้งหมด ล้วนเป็นการยืนยันว่า ขบวนการล้มเจ้านั้น แทรกซึมหรือแอบอิงอยู่กับเครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณนั่นเอง

หากย้อนกลับไปวันที่ 26 เม.ย.2553 ช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดง ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)ได้เปิดเผย “แผนผังขบวนการล้มเจ้า”ผ่านทางสื่อมวลชนมาแล้ว โดยแผนผังนี้ มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นแกนกลาง และเชื่อมโยงพาดพิงบุคคลในวงกว้าง ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ นักวิชาการ เว็บไซต์ รวมไปถึงแกนนำคนเสื้อแดง

แผนผังดังกล่าวนี้ได้กลายเป็นหลักฐานสำคัญที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอใช้ในการดำเนินคดีความผิดต่อความมั่นคงว่าด้วยการละเมิดสถาบันเบื้องสูง โดยมีการออกหมายเรียกบุคคลที่มีชื่อในแผนผังจำนวน 19 คน ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 2 มิ.ย.2554 ซึ่งคนที่ถูกออกหมายเรียกส่วนใหญ่เป็นแกนนำคนเสื้อแดง และคนในพรรคเพื่อไทย อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.เหวง โตจิราการ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ นายการุณ โหสกุล นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายขวัญชัย สาราคำ นายพายัพ ปั้นเกตุ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ด้วยความล่าช้าและไม่เด็ดขาดในการจัดการกับขบวนการล้มเจ้าของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างล่าช้า และถูกนายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ที่มีชื่อใน “ผังล้มเจ้า” แจ้งความดำเนินคดีต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ในฐานะโฆษก ศอฉ.ในข้อหาหมิ่นประมาท

ซึ่งในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2554 พ.อ.สรรเสริญ ได้ให้การต่อศาลว่า แผนผังขบวนการล้มเจ้าเป็นเพียงการให้ข้อมูลเพื่ออธิบายต่อประชาชน เนื่องจาก ศอฉ.เชื่อว่า มีขบวนการล้มล้างสถาบันอยู่จริง แต่มิได้หมายความว่าผู้ที่มีชื่อในเอกสารเป็นผู้เกี่ยวข้องในฐานะอยู่ในขบวนการล้มล้างสถาบัน แต่เป็นความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในลักษณะต่างๆ ซึ่งให้สังคมพิจารณาและวินิจฉัยเอาเอง มิได้แถลงเลยว่า บุคคลทั้งปวงเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นผู้อยู่ในขบวนการ และมิได้ให้หมายความเช่นนั้น

คำให้การของ พ.อ.สรรเสริญ ทำให้นายสุธาชัยไม่ติดใจเอาความและถอนฟ้องจำเลยทั้งสาม

แม้ว่าในเวลาต่อมา พ.อ.สรรเสริญจะแถลงต่อสื่อมวลชนว่าขบวนการล้มเจ้ามีอยู่จริง แต่การหาหลักฐานเอาผิดไม่ใช่หน้าที่ของ ศอฉ. แต่คำให้การเมื่อวันที่ 22 มี.ค.กลายเป็นหลักฐานสำคัญที่ฝ่ายบริวารทักษิณนำไปลดน้ำหนักของคดีหมิ่นเบื้องสูงตามแผนผังขบวนการล้มเจ้าที่ดีเอสไอเป็นเจ้าของคดี

ยิ่งเมื่ออำนาจรัฐเปลี่ยนมาอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทย ก็มีแนวโน้มว่าคดี “ผังล้มเจ้า”ส่อแววจะเป็นมวยล้ม โดยล่าสุด ดีเอสไอจะเรียกนายสุเทพ และ พ.อ.สรรเสริญไปให้ปากคำในคดีนี้ โดยทางของคดีอาจพลิกไปเป็นนายสุเทพ นายอภสิทธิ์ และ พ.อ.สรรเสริญต้องถูกดำเนินคดีแทน ในโทษฐานเขียนผังล้มเจ้าขึ้นมาเพื่อทำลายชื่อเสียงของฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง

ขณะที่นายสุเทพ ก็ทำได้เพียงตัดพ้อว่าดีเอสไอเปลี่ยนสี ไม่มีจุดยืนทั้งที่เป็นคนรวบรวมข้อมูลทำคดีนี้เองแต่แรก ซึ่งคงจะโทษใครไม่ได้ เพราะในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ นายสุเทพเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ได้กุมอำนาจรัฐในมือแบบเต็มๆ มา 2 ปี 8 เดือน แต่ไม่ได้จัดการกับขบวนการล้มเจ้าอย่างจริงจัง ทั้งที่ขบวนการนี้ปรากฏตัวให้เห็นอย่างชัดเจนก่อนหน้านั้นแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น