นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมจะเรียกตนเอง ในฐานะอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ไปสอบปากคำ เกี่ยวกับผังล้มเจ้าว่า ตนได้ทราบจากสื่อมวลชนว่า พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองธิบดีดีเอสไอ เตรียมจะเรียกตนไปสอบปากคำเรื่องที่โยงใยถึงสถาบันฯ หรือ ผังล้มเจ้า ซึ่งหลังจากตนทราบข่าว ก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกว่า ดีเอสไอ ชักจะทำอะไรเลอะเทอะมากขึ้น จนทำให้เกิดความรู้สึกว่า ไม่มีจุดยืนในการทำงานหรืออย่างไร เพราะกรณีนี้ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยาน หลักฐาน ที่แสดงพฤติกรรมของกลุ่มบุคคล ที่มีเจตนาร้ายต่อสถาบันฯ และนำไปเสนอต่อศอฉ. โดยในการพิจารณามีทั้งผู้แทนของ ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมพิจารณาอยู่ด้วย จนมีความเห็นสรุปกันว่า กรณีนี้มีหลักฐานที่สมควรไปทำการสืบสวนสอบสวน นำผู้ที่กระทำความผิดมาลงโทษ
จากนั้น ดีเอสไอก็ได้เสนอต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อขอรับเอาคดีนี้ไปเป็นคดีพิเศษ แต่ตนไม่ได้ไปติดตามว่า เขาดำเนินการอย่างไร เพราะถือหลักไม่แทรกแซงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และมีความเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่จะทำคดีด้วยความสุจริต ตรงไปตรงมา
" แต่พอมาวันนี้ มาออกข่าวในลักษณะเหมือนจะกล่าวหาว่า ผมเป็นต้นเรื่อง ผมก็เลยรู้สึกว่า คนในกรมนี้ท่าจะเปลี่ยนสีไปแล้ว หวังจะเอาใจกลุ่มคนที่มีอำนาจอยู่ในบ้านเมือง ผมขอเตือนว่า ข้าราชการที่ดีต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความเที่ยงธรรม มีคุณธรรม ถ้ามัวเห็นแก่ ลาภ กับยศ ประจบสอพลอผู้มีอำนาจ ในที่สุดจะสูญเสียจุดยืนของตัวเอง จะไม่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน และจะไม่เป็นมงคลแก่ชีวิตของตัวเอง จึงขอฝากเตือนรองอธิบดีท่านนี้ด้วย" นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการสอบถามทางดีเอสไอหรือไม่ว่า ขณะที่มีตรวจสอบร่วมกันนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่อยู่หลายฝ่าย แต่เหตุใดจึงเจาะจงมาที่นายสุเทพ คนเดียว นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้สอบถามไปทางดีเอสไอเลย เมื่อมาเป็นฝ่ายค้าน ก็ไม่ได้เข้าไปติดต่อกับข้าราชการประจำอีก เพราะไม่อยากให้ถูกฝ่ายที่มีอำนาจเพ่งเล็ง อีกทั้งก็ไม่เห็นว่าตนจะต้องมีอะไรไปง้องอน ขอร้อง ข้าราชการประจำทั้งหลาย แต่ว่าถ้าวันไหนดีเอสไอ เชิญตนไปสอบ ก็จะไป และจะเอาหลักฐานไปตอกหน้าดีเอสไอ
เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังไม่มีหนังสือเชิญไปสอบสวนมาถึง แต่ทราบจากสื่อมวลชนเท่านั้นใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ในรัฐบาลยุคนี้เข้าทำแบบนี้กันประจำ เหมือนเมื่อครั้งที่ตำรวจเชิญตนไปสอบ เรื่องคดี 91 ศพ ออกข่าวเกือบ 2-3 สัปดาห์กว่าจะเชิญ จนตนรู้สึกว่าขณะนี้เขามีวิธีส่งหนังสือเชิญผ่านสื่อมวลชนกันแล้วหรืออย่างไร
เมื่อถามว่า ยังมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม เพราะกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้มีเฉพาะพนักงานสอบสวน เพียงแต่กระบวนการยุติธรรมมันเริ่มที่พนักงานสืบสวน ไปที่อัยการสูงสุด และไปที่ศาล ฉะนั้นมีหลายขั้นตอน อาจจะมีบุคคลบางคนที่เห็นกับลาภยศ ประจบสอพลอ บิดเบือนข้อเท็จจริงและคดี แต่ว่ามันไม่สามารถไปได้ไกลจนถึงสิ้นสุดกระบวนการ
เมื่อถามอีกว่า ได้คุยกับ นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขานุการ ศอฉ. เรื่องผังล้มเจ้าที่ดีเอสไอ จะเชิญไปสืบสวนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่คุยเรื่องนี้กับนายถวิล เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะไปคุยอะไร เนื่องจากเราต้องเคารพในแต่ละบุคคล ไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่จะเชิญใคร แล้วตนจะต้องไปพูดคุยกับคนนั้น เพื่อไปเตรียมการกัน คงไม่ใช่
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เป็นฝ่ายค้านมา ตนไม่เคยไปปรึกษาหารือเรื่องคดีกับกลุ่มที่เคยทำงานร่วมกันมา เพราะตนเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า บุคคลเหล่านั้นรู้เรื่อง ข้อเท็จจริงทั้งหลายทั้งปวงดี และต่างคนต่างก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความสุจริต ส่วนถ้าใครจะไม่สุจริตใจทีหลัง ก็เป็นเรื่องที่คนๆนั้น ก็จะต้องรับผลเอาเองทีหลัง
เมื่อถามว่า การเรียกไปสอบปากคำครั้งนี้ ถือเป็นการไล่เช็กบิลคนในรัฐบาลเก่าใช่ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า จะเช็กบิลหรือไม่ ตนให้สาธารณชนได้ดูเอง เพราะนายตำรวจทุกระดับที่ได้รับการเลื่อนยศ ตำแหน่ง ในช่วงรัฐบาลที่แล้ว วันนี้เขาเล่นงานหมด โยกย้ายเข้าไปประจำ โดยไม่เอาสักคน จัดการกวาดล้างหมด แม้แต่นายถวิล ก็โดนเล่นงาน ส่วนตนนั้นทำใจอยู่นานแล้ว เพราะคนที่มีอำนาจในบ้านเมืองกลุ่มนี้ เขาประกาศความอาฆาตมาดร้ายต่อตนและครอบครัวมาโดยตลอด แต่ว่าตนไม่หวั่นไหว ไม่กลัวคนเลว แต่กลัวคนดี ฉะนั้นตนพร้อมเผชิญหน้าทุกเรื่อง
** "ถวิล"ไม่หวั่นเจอหางเลข
นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ อดีตเลขานุการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กล่าวถึงกรณีที่ ดีเอสไอ เตรียมเรียกไปสอบปากคำในคดีผังล้มเจ้าว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับหนังสือจากดีเอสไอ ทราบแต่เพียงจากทางสื่อมวลชนเท่านั้นว่า ดีเอสไอ ต้องการจะให้ตนไปให้ปากคำในคดีดังกล่าว ซึ่งตนก็รอหนังสืออยู่ และพร้อมที่จะไปให้ปากคำเท่าที่ตนรู้ ในฐานะเลขานุการ ศอฉ. ส่วนที่มีการมองว่าเป็นการไล่เช็กบิลนั้น ตนไม่ทราบชัดเจน แต่เท่าที่ทราบจากข่าวมานั้น ดีเอสไอ เพียงต้องการจะให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะ ผอ.ศอฉ.ไปให้ปากคำ แต่ที่เรียกตนไปสอบปากคำครั้งนี้ด้วย เพราะดีเอสไอคิดว่า ตนน่าจะให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับคดีนี้ได้ก่อน
" ผมก็ยังไม่ทราบชัดเจนเหมือนกันว่า ดีเอสไอต้องการจะให้รูปคดีเป็นอย่างไร แต่ก็จะไปให้ข้อมูลแบบตรงไปตรงมา ซึ่งผมก็มีหลักฐานข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงอยู่ แต่ไม่ใช่ผังล้มเจ้า มีที่มาที่ไป ผมรู้แค่ไหนผมก็ให้แค่นั้น ไม่มีอะไรต้องกลัวถ้าพูดความจริง" นายถวิล กล่าว
** "เหลิม"ให้ท้ายดีเอสไอรีบสอบ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ดีเอสไอ จะเรียกนายสุเทพ ไปชี้แจงเรื่องผังล้มเจ้าว่า เรื่องนี้ในสมัยที่ตนเป็นฝ่ายค้าน ก็เคยแสดงความเห็นแล้วว่า ผังที่ออกมา มันมีรายละเอียดมากไป อะไรที่มีรายละเอียดมากมักไม่เป็นความจริง แต่เมื่อตนแสดงความเห็นในขณะนั้น ฝ่ายที่มีหน้าที่เขาก็พูดอีกอย่างหนึ่ง ตนบอกแล้วว่า เรื่องอย่างนี้คนไทยไม่มีใครคิด คนไทยทุกคนไม่มีหรอกที่จะไม่จกรักภักดี แต่ทว่ามันมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง มักยกเรื่องนี้มากล่าวร้ายคนอีกกลุ่มหนึ่ง แม้กระทั่งเวลาหาเสียง ก็ยังไปติดป้ายทั้งบ้านทั้งเมือง จนสุดท้ายคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ห้ามพูดเรื่องนี้ เรื่องจึงได้ยุติ
" ถ้าดีเอสไอ จะได้แสดงความกล้าหาญด้วยตัวของดีเอสไอเอง ไม่ใช่ผมไปสั่ง ผมก็ชื่นชม ชื่นชอบ ว่าอะไรที่ทำไว้แล้วมันไม่จริง หรือจริงต้องพิสูจน์ให้ชัดเจน รัฐบาลชุดนี้ไม่ก้าวก่าย ไม่ใส่ร้าย แต่ว่ากล้าพิสูจน์ความจริง ผมให้แนวคิดหน่วยงานที่มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนแล้วว่าอย่าแกล้ง อย่าเก็บ อย่ากลัว " ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
เมื่อถามย้ำว่าเรื่องนี้ ดีเอสไอ ดำเนินการเองโดยที่ไม่ได้รับนโนบายจากท่าน ใช่หรือไม่ เพราะนายสุเทพ มองว่า ดีเอสไอ เปลี่ยนท่าทีมารับใช้ฝ่ายการเมือง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี อย่าไปเข้าใจผิด ตนไม่มีนิสัยอย่างนั้น ตนเป็นคนตรงไปตรงมา และไม่เห็นมีความจำเป็นต้องไปแกล้งคนหนึ่งคนใด แล้วไปแกล้งแล้วมีพยานหลักฐานเท็จ ตนไปสั่งในทางที่ผิด แล้ววันหนึ่งตนก็ติดคุก ตนไม่อยากติดคุกตอนแก่อายุเยอะแล้ว เมื่อก่อนตนเคยพูดไว้ตั้งแต่แรกๆ ว่าผังดังกล่าวมันละเอียดยิบมากเกินไป ซึ่งมันไม่มีอะไรหรอกที่ละเอียดเกินไปแล้วจะเป็นความจริง แต่เรื่องนี้สุดท้าย ใครทำอะไรไว้ ก็ได้อย่างนั้น
**จวกปชป.ทำผังล้มเจ้าใส่ร้ายป้ายสี
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นสิ่งที่ทำให้นายสุเทพ เสียวสันหลัง หายใจไม่ทั่วท้อง เพราะผังขบวนการล้มเจ้า คือสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ และศอฉ.ในขณะนั้น ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือใส่ร้าย ทำลายฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งเป็นหนึ่งใน ศอฉ. ระบุว่า ผังนี้เป็นตราบาปของศอฉ. ที่ใส่ร้ายป้ายสีแกนนำเสื้อแดง รวมถึงพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตโฆษก ศอฉ. ยังสารภาพในศาลว่า ผังล้มเจ้าเป็นเพียงแค่การเขียนผังโยงขึ้นมาเฉยๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับขบวนการล้มเจ้า จึงขอให้สังคมช่วยกันจับตาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ที่หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ จะเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาชี้แจง เพื่อดูว่าผังล้มเจ้า จะเปลี่ยนเป็นผังล้มเจ้ามือ ที่ลงขันกันทำลายความชอบธรรมของฝ่ายตรงข้าม หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตนเป็นห่วงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด เพราะอาจจะโดนหางเลขจากพรรคประชาธิปัตย์ ด้วย
จากนั้น ดีเอสไอก็ได้เสนอต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อขอรับเอาคดีนี้ไปเป็นคดีพิเศษ แต่ตนไม่ได้ไปติดตามว่า เขาดำเนินการอย่างไร เพราะถือหลักไม่แทรกแซงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และมีความเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่จะทำคดีด้วยความสุจริต ตรงไปตรงมา
" แต่พอมาวันนี้ มาออกข่าวในลักษณะเหมือนจะกล่าวหาว่า ผมเป็นต้นเรื่อง ผมก็เลยรู้สึกว่า คนในกรมนี้ท่าจะเปลี่ยนสีไปแล้ว หวังจะเอาใจกลุ่มคนที่มีอำนาจอยู่ในบ้านเมือง ผมขอเตือนว่า ข้าราชการที่ดีต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความเที่ยงธรรม มีคุณธรรม ถ้ามัวเห็นแก่ ลาภ กับยศ ประจบสอพลอผู้มีอำนาจ ในที่สุดจะสูญเสียจุดยืนของตัวเอง จะไม่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน และจะไม่เป็นมงคลแก่ชีวิตของตัวเอง จึงขอฝากเตือนรองอธิบดีท่านนี้ด้วย" นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการสอบถามทางดีเอสไอหรือไม่ว่า ขณะที่มีตรวจสอบร่วมกันนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่อยู่หลายฝ่าย แต่เหตุใดจึงเจาะจงมาที่นายสุเทพ คนเดียว นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้สอบถามไปทางดีเอสไอเลย เมื่อมาเป็นฝ่ายค้าน ก็ไม่ได้เข้าไปติดต่อกับข้าราชการประจำอีก เพราะไม่อยากให้ถูกฝ่ายที่มีอำนาจเพ่งเล็ง อีกทั้งก็ไม่เห็นว่าตนจะต้องมีอะไรไปง้องอน ขอร้อง ข้าราชการประจำทั้งหลาย แต่ว่าถ้าวันไหนดีเอสไอ เชิญตนไปสอบ ก็จะไป และจะเอาหลักฐานไปตอกหน้าดีเอสไอ
เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังไม่มีหนังสือเชิญไปสอบสวนมาถึง แต่ทราบจากสื่อมวลชนเท่านั้นใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ในรัฐบาลยุคนี้เข้าทำแบบนี้กันประจำ เหมือนเมื่อครั้งที่ตำรวจเชิญตนไปสอบ เรื่องคดี 91 ศพ ออกข่าวเกือบ 2-3 สัปดาห์กว่าจะเชิญ จนตนรู้สึกว่าขณะนี้เขามีวิธีส่งหนังสือเชิญผ่านสื่อมวลชนกันแล้วหรืออย่างไร
เมื่อถามว่า ยังมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม เพราะกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้มีเฉพาะพนักงานสอบสวน เพียงแต่กระบวนการยุติธรรมมันเริ่มที่พนักงานสืบสวน ไปที่อัยการสูงสุด และไปที่ศาล ฉะนั้นมีหลายขั้นตอน อาจจะมีบุคคลบางคนที่เห็นกับลาภยศ ประจบสอพลอ บิดเบือนข้อเท็จจริงและคดี แต่ว่ามันไม่สามารถไปได้ไกลจนถึงสิ้นสุดกระบวนการ
เมื่อถามอีกว่า ได้คุยกับ นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขานุการ ศอฉ. เรื่องผังล้มเจ้าที่ดีเอสไอ จะเชิญไปสืบสวนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่คุยเรื่องนี้กับนายถวิล เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะไปคุยอะไร เนื่องจากเราต้องเคารพในแต่ละบุคคล ไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่จะเชิญใคร แล้วตนจะต้องไปพูดคุยกับคนนั้น เพื่อไปเตรียมการกัน คงไม่ใช่
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เป็นฝ่ายค้านมา ตนไม่เคยไปปรึกษาหารือเรื่องคดีกับกลุ่มที่เคยทำงานร่วมกันมา เพราะตนเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า บุคคลเหล่านั้นรู้เรื่อง ข้อเท็จจริงทั้งหลายทั้งปวงดี และต่างคนต่างก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความสุจริต ส่วนถ้าใครจะไม่สุจริตใจทีหลัง ก็เป็นเรื่องที่คนๆนั้น ก็จะต้องรับผลเอาเองทีหลัง
เมื่อถามว่า การเรียกไปสอบปากคำครั้งนี้ ถือเป็นการไล่เช็กบิลคนในรัฐบาลเก่าใช่ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า จะเช็กบิลหรือไม่ ตนให้สาธารณชนได้ดูเอง เพราะนายตำรวจทุกระดับที่ได้รับการเลื่อนยศ ตำแหน่ง ในช่วงรัฐบาลที่แล้ว วันนี้เขาเล่นงานหมด โยกย้ายเข้าไปประจำ โดยไม่เอาสักคน จัดการกวาดล้างหมด แม้แต่นายถวิล ก็โดนเล่นงาน ส่วนตนนั้นทำใจอยู่นานแล้ว เพราะคนที่มีอำนาจในบ้านเมืองกลุ่มนี้ เขาประกาศความอาฆาตมาดร้ายต่อตนและครอบครัวมาโดยตลอด แต่ว่าตนไม่หวั่นไหว ไม่กลัวคนเลว แต่กลัวคนดี ฉะนั้นตนพร้อมเผชิญหน้าทุกเรื่อง
** "ถวิล"ไม่หวั่นเจอหางเลข
นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ อดีตเลขานุการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กล่าวถึงกรณีที่ ดีเอสไอ เตรียมเรียกไปสอบปากคำในคดีผังล้มเจ้าว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับหนังสือจากดีเอสไอ ทราบแต่เพียงจากทางสื่อมวลชนเท่านั้นว่า ดีเอสไอ ต้องการจะให้ตนไปให้ปากคำในคดีดังกล่าว ซึ่งตนก็รอหนังสืออยู่ และพร้อมที่จะไปให้ปากคำเท่าที่ตนรู้ ในฐานะเลขานุการ ศอฉ. ส่วนที่มีการมองว่าเป็นการไล่เช็กบิลนั้น ตนไม่ทราบชัดเจน แต่เท่าที่ทราบจากข่าวมานั้น ดีเอสไอ เพียงต้องการจะให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะ ผอ.ศอฉ.ไปให้ปากคำ แต่ที่เรียกตนไปสอบปากคำครั้งนี้ด้วย เพราะดีเอสไอคิดว่า ตนน่าจะให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับคดีนี้ได้ก่อน
" ผมก็ยังไม่ทราบชัดเจนเหมือนกันว่า ดีเอสไอต้องการจะให้รูปคดีเป็นอย่างไร แต่ก็จะไปให้ข้อมูลแบบตรงไปตรงมา ซึ่งผมก็มีหลักฐานข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงอยู่ แต่ไม่ใช่ผังล้มเจ้า มีที่มาที่ไป ผมรู้แค่ไหนผมก็ให้แค่นั้น ไม่มีอะไรต้องกลัวถ้าพูดความจริง" นายถวิล กล่าว
** "เหลิม"ให้ท้ายดีเอสไอรีบสอบ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ดีเอสไอ จะเรียกนายสุเทพ ไปชี้แจงเรื่องผังล้มเจ้าว่า เรื่องนี้ในสมัยที่ตนเป็นฝ่ายค้าน ก็เคยแสดงความเห็นแล้วว่า ผังที่ออกมา มันมีรายละเอียดมากไป อะไรที่มีรายละเอียดมากมักไม่เป็นความจริง แต่เมื่อตนแสดงความเห็นในขณะนั้น ฝ่ายที่มีหน้าที่เขาก็พูดอีกอย่างหนึ่ง ตนบอกแล้วว่า เรื่องอย่างนี้คนไทยไม่มีใครคิด คนไทยทุกคนไม่มีหรอกที่จะไม่จกรักภักดี แต่ทว่ามันมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง มักยกเรื่องนี้มากล่าวร้ายคนอีกกลุ่มหนึ่ง แม้กระทั่งเวลาหาเสียง ก็ยังไปติดป้ายทั้งบ้านทั้งเมือง จนสุดท้ายคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ห้ามพูดเรื่องนี้ เรื่องจึงได้ยุติ
" ถ้าดีเอสไอ จะได้แสดงความกล้าหาญด้วยตัวของดีเอสไอเอง ไม่ใช่ผมไปสั่ง ผมก็ชื่นชม ชื่นชอบ ว่าอะไรที่ทำไว้แล้วมันไม่จริง หรือจริงต้องพิสูจน์ให้ชัดเจน รัฐบาลชุดนี้ไม่ก้าวก่าย ไม่ใส่ร้าย แต่ว่ากล้าพิสูจน์ความจริง ผมให้แนวคิดหน่วยงานที่มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนแล้วว่าอย่าแกล้ง อย่าเก็บ อย่ากลัว " ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
เมื่อถามย้ำว่าเรื่องนี้ ดีเอสไอ ดำเนินการเองโดยที่ไม่ได้รับนโนบายจากท่าน ใช่หรือไม่ เพราะนายสุเทพ มองว่า ดีเอสไอ เปลี่ยนท่าทีมารับใช้ฝ่ายการเมือง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี อย่าไปเข้าใจผิด ตนไม่มีนิสัยอย่างนั้น ตนเป็นคนตรงไปตรงมา และไม่เห็นมีความจำเป็นต้องไปแกล้งคนหนึ่งคนใด แล้วไปแกล้งแล้วมีพยานหลักฐานเท็จ ตนไปสั่งในทางที่ผิด แล้ววันหนึ่งตนก็ติดคุก ตนไม่อยากติดคุกตอนแก่อายุเยอะแล้ว เมื่อก่อนตนเคยพูดไว้ตั้งแต่แรกๆ ว่าผังดังกล่าวมันละเอียดยิบมากเกินไป ซึ่งมันไม่มีอะไรหรอกที่ละเอียดเกินไปแล้วจะเป็นความจริง แต่เรื่องนี้สุดท้าย ใครทำอะไรไว้ ก็ได้อย่างนั้น
**จวกปชป.ทำผังล้มเจ้าใส่ร้ายป้ายสี
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นสิ่งที่ทำให้นายสุเทพ เสียวสันหลัง หายใจไม่ทั่วท้อง เพราะผังขบวนการล้มเจ้า คือสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ และศอฉ.ในขณะนั้น ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือใส่ร้าย ทำลายฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งเป็นหนึ่งใน ศอฉ. ระบุว่า ผังนี้เป็นตราบาปของศอฉ. ที่ใส่ร้ายป้ายสีแกนนำเสื้อแดง รวมถึงพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตโฆษก ศอฉ. ยังสารภาพในศาลว่า ผังล้มเจ้าเป็นเพียงแค่การเขียนผังโยงขึ้นมาเฉยๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับขบวนการล้มเจ้า จึงขอให้สังคมช่วยกันจับตาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ที่หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ จะเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาชี้แจง เพื่อดูว่าผังล้มเจ้า จะเปลี่ยนเป็นผังล้มเจ้ามือ ที่ลงขันกันทำลายความชอบธรรมของฝ่ายตรงข้าม หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตนเป็นห่วงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด เพราะอาจจะโดนหางเลขจากพรรคประชาธิปัตย์ ด้วย