ASTVผู้จัดการรายวัน- ดีเอสไอ เอาอีก! ส่อล้มคดีผังล้มเจ้า อ้างไม่มีพยายายหลักฐานเพิ่ม “มาร์ค” เตรียมหาช่องฟ้องดีเอสไอ หลังปกป้องตระกูลชินวัตร สั่งไม่ฟ้องคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นชินคอร์ป สอน“ปู” อย่าลอยตัวชิ่งป้องพี่ชาย ด้านอัยการสั่งไม่ฟ้อง "จักรภพ"หมิ่นเบื้องสูง
วานนี้ ( 30 มี.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สั่งไม่ฟ้องครอบครัวชินวัตร จากกรณีการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นชินคอร์ป ซึ่งมีการให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานในรายงานซื้อขายหลักทรัพย์เป็นของบริษัทชินฯ และข้อมูลจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ขณะนี้พรรค กำลังอยู่ในระหว่างการหารือในข้อกฎหมาย เพื่อหาช่องดำเนินการต่อไป
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึง ข้อเรียกร้องหลังการยกเลิกการดำเนินการของคตส. และเข้าสู่กระบวนการปกติ คิดว่าสามารถนำคนผิดมาลงโทษได้หรือไม่ ว่า อีกมุมที่ไม่ได้มีการรายงานคือที่มาของปัญหาคดีเหล่านี้ คือ ก่อนหน้านี้มีรัฐบาลที่ใช้เสียงข้างมาก ใช้อำนาจรัฐในการทำให้คดีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวเองยุติไปหมดไม่เกิดความยุติธรรมในสังคม
ยืนยันว่าเราไม่สนับสนุนกระบวนการพิเศษ แต่ต้องเริ่มต้นจากกระบวนการยุติธรรรมที่ฝ่ายบริหารเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งต้องเปิดให้ทำอย่างตรงไปตรงมา แต่ขณะนี้เห็นได้ชัดว่าคดีไหนที่มีคนเกี่ยวข้องกับคนมีอำนาจ ก็จะถูกจัดการให้หายไปหมด รัฐบาลนี้กำลังดำเนินการย้อนรอยเหมือนในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจะเป็นที่มาของความอึดอัดและปัญหาในสังคมที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งและรุนแรง ถ้าไม่ระมัดระวัง
“ขอเรียกร้องว่าต้องมาตั้งหลักกันใหม่โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ จะใช้วิธีกันตัวออกไปหรือลอยตัวแต่ความจริงแล้วเดินหน้าประโยชน์ของคนใกล้ชิดและเครือญาติคงไม่ได้”นายอภิสิทธ์กล่าว
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.อ.วิจารณ์ จดแตง ผู้อำนวยการส่วนกฎหมายกองอำนายการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวภายหลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนคดีการกระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐด้วยการล่วงละเมิดสถาบัน (คดีล้มเจ้า) เพื่อชี้แจงที่มาแผนผังของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) นานกว่า 2 ชั่วโมงว่า ตนเข้าให้การโดยยืนยันตามคำให้การเดิมที่เคยให้ไว้เมื่อปี 2553 พร้อมมอบเอกสารเพิ่มเติมจำนวน 1 ลัง ซึ่งเป็นข้อมูลในชั้นการข่าว เพื่อให้พนักงานสอบสวนนำไปดำเนินการสอบสวนต่อ โดยดีเอสไอไม่ได้ขอข้อมูลใดเพิ่มเติม จากนี้จึงขึ้นอยู่กับการสอบสวนของพนักงานสอบสวนเห็นสมควรดำเนินการต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีล้มเจ้า กล่าวว่า พ.อ.วิจารณ์ ไม่ได้ให้รายละเอียดใดเพิ่มเติมจากที่เคยให้การไว้ เนื่องจากเป็นเพียงผู้รับมอบอำนาจจาก ศอฉ. ดังนั้นจึงไม่ทราบรายละเอียดของแผนผัง เพราะเพิ่งเห็นแผนผังเมื่อพนักงานสอบสวนเรียกมาให้ข้อมูล โดยที่ผ่านมาดีเอสไอได้เรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว แต่ไม่มีพยานคนใดระบุถึงที่มาที่ไปของผังรวมถึงชี้ชัดถึงการกระทำความผิดของบุคคลตามแผนผังได้ สำหรับข้อมูลที่ พ.อ.วิจารณ์นำมามอบให้ดีเอสไอครั้งนี้ก็เป็นข้อมูลเดิมที่ดีเอสไอสอบสวนไปแล้ว ดังนั้น เมื่อไม่มีพยานหลักฐานเอาผิดตามข้อกล่าวหาได้ ดีเอสไอจึงจำเป็นต้องสรุปสำนวนตามพยานหลักฐานเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเว้นแต่จะมีผู้ใดที่มีข้อมูลเข้ามาให้การเพิ่มเติม โดยจะประชุมร่วมกับพนักงานอัยการ เพื่อพิจารณาปิดสำนวนคดี ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนคดีได้ก่อนช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์
พ.ต.อ.ประเวศน์กล่าวต่อว่า สำหรับคดีที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันซึ่งเป็นความผิดส่วนบุคคลกว่า 30 คดี ซึ่งทางดีเอสไอจะดำเนินการสืบสวนต่อไปตามหลักฐานเป็นรายบุคคล แต่ยอมรับว่าคดีส่วนใหญ่เป็นการกระทำความผิดที่ปรากฏตามเว็บไซต์ และผู้ต้องหาส่วนใหญ่หลบหนีไปต่างประเทศทำให้การสอบสวนเอาผิดเป็นไปได้ยาก ซึ่งจำเป็นต้องขอความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร
**ไม่ฟ้องจักรภพหมิ่นเบื้องสูง
ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ได้กล่าวถึงกรณีที่อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คดีหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ไปเมื่อเดือน ก.ย.54 กรณีเมื่อวันที่ 29 ส.ค.50 นายจักรภพได้กล่าวบรรยายพิเศษเป็นภาษาอังกฤษที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) ว่า คดีนี้เป็นความรับผิดชอบของ นายกายสิทธิ์ พิศวงประการ อดีตอธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา ส่วนตนเข้ามารับตำแหน่งภายหลังจึงไม่ทราบรายละเอียดสำนวนของคดีนี้ทั้งหมด เพียงแต่รับรู้ว่าอัยการได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องไปแล้วโดยขณะนี้สำนวนและความเห็นของอัยการได้ส่งไปให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร) เพื่อพิจารณาว่าจะมีความคิดเห็นแย้งกับความเห็นของอัยการหรือไม่
ขณะที่ตนได้มีหนังสือตอบกลับ พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งการดี ผู้ที่ร้องทุกข์กล่าวโทษคดีนี้ แจ้งผลการพิจารณาของอัยการตามที่พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ ส่งหนังสือติดตามความคืบหน้าของคดีมาเท่านั้น
ขณะที่นายกายสิทธิ์ พิศวงประการ อดีตอธิบดีอัยการสำนวนงานคดีอาญา ซึ่งรับผิดชอบคดีหมิ่นเบื้องสูงสำนวนนายจักรภพ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ ผู้ร้องทุกข์ของคดีนี้ ระบุว่าคดีนี้มีหลักฐานเพียงพอแต่อัยการกลับสั่งไม่ฟ้อง อาจจะมีประเด็นการเมืองเนื่องจากนายจักรภพ เป็นหนึ่งในแกนนำเสื้อแดงที่สนับสนุนรัฐบาลปัจจุบัน ว่า เรื่องนี้ เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของ พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ จะมีความคิดเห็นอย่างไรก็ได้ แต่คดีต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน
ส่วนที่ พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ ขอให้เปิดเผยสำนวนคดีนั้น เนื่องจากตนพ้นออกจากตำแหน่งมาหลายเดือนแล้ว ต้องปรึกษาผู้ใหญ่เนื่องจากต้องมีขั้นตอนการดำเนินการ
“การออกมาวิจารณ์คดีนั้น ควรรอผลการตัดสินเสร็จออกมาเสียก่อน นี่ยังอยู่ในขั้นตอนของคดีอยู่เลย ก็ออกมาพูดกันแล้ว ” นายกายสิทธิ์ กล่าว