“สดศรี” ชี้ สำนวนร้องคัดค้าน ส.ว.ขาดคุณสมบัติ ยื่นตรวจสอบได้ถึง เม.ย. ระบุ “เรืองไกร” ยื่นเกินเวลาต้องมีเหตุผลฟังขึ้น คาด มี.ค.นี้ชัดเจนตำแหน่งเลขา กกต.ชี้เหตุช้าติดเซ็นสัญญาว่าจ้าง กกต.พร้อมเปิดรณรงค์บริจาคภาษีให้พรรคการเมือง
วันนี้ (12 มี.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา เตรียมยื่นเรื่องให้ กกต. ตรวจสอบ ส.ว.สรรหา เพิ่มเติม เนื่องจากพบว่า มี ส.ว.บางรายขาดคุณสมบัติ ว่า ขณะนี้ระยะเวลาในการยื่นเรื่องถือว่าเกินแล้ว แต่อาจจะมีกรณีที่ว่า กกต.เห็นเองก็สามารถตั้งเรื่องขึ้นมาเพื่อให้มีการสืบสวนสอบสวนต่อไปได้ ที่ผ่านมา ก็มีหลายรายที่ยื่นมาเป็นลักษณะบัตรสนเท่ห์หรือร้องแบบไม่ลงชื่อ ซึ่งก็ใกล้ถึงเวลาที่ กกต.จะต้องปิดสำนวนภายในเดือน เม.ย.อย่างไรก็ตาม นายเรืองไกร อาจจะยื่นในกรณีที่ให้ กกต.เห็นว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งตามระเบียบสืบสวนสอบสวนสามารถทำได้
เมื่อถามว่า การที่ นายเรืองไกร จะยื่นให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติเพิ่มเติมนั้นเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า อาจจะทราบข่าวว่า กกต.ดำเนินการตรวจสอบ ส.ว.บางรายอยู่ จึงจะมีการยื่นเข้ามา การสรรหา ส.ว.สรรหา จะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติ โดยองค์กรทั้ง 7 องค์กร รวมถึงสำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ก็จะทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรการด้วย ที่ทำหน้าที่รวบรวมผลการตรวจสอบเสนอต่อคณะกรรมการสรรหา ซึ่งการตรวจสอบคุณสมบัติอาจจะมีความคลาดเคลื่อนไป ตรวจไม่ละเอียด อาทิ การไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในทุกระดับ ก็อาจจะส่งผลให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ว.ได้ อีกกรณีคือทาง กกต.ไม่ได้แจ้งกับกรรมการสรรหาว่า ส.ว.รายใดขาดคุณสมบัติ เนื่องจากไม่ไปใช้สิทธิการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นเราจะต้องตรวจสอบ และหากเห็นว่าเป็นความผิดพลาดของ กกต.ก็ต้องดำเนินเรื่องต่อไป อย่างไรก็ตาม การสรรหา ส.ว.สรรหาควรที่จะจัดกลุ่มให้ชัดเจนว่า กลุ่มใดจะเป็นกลุ่มภาควิชาชีพ หรือกลุ่มไหนที่จะเป็นภาคอื่นๆ
นางสดศรี กล่าวถึงปัญหาในการเซ็นสัญญาว่าจ้างการเป็นการเลขาธิการ กกต.คนใหม่ของนายภุชงค์ นุตราวงศ์ ที่ยังไม่เรียบร้อยว่า ทราบว่า การที่ นายภุชงค์ ยังไม่เซ็นสัญญาว่าจ้างในตำแหน่งเลขาธิการ กกต.เนื่องจากอยู่ในระหว่างขอให้มีการแก้ไขสัญญาในรายละเอียดที่เคร่งครัดเกินไป เนื่องจากในสัญญาระบุว่าให้มีการประเมินผลงานทุก 1 ปี เพราะอดีตสมัยที่นายสุทธิพล ทวีชัยการ เป็นเลขาฯนั้น ไม่มีการเซ็นสัญญาและประเมินผลงาน ดังนั้น แต่ที่มีการประเมินผลงานทุก 1 ปี จะทำให้ กกต.ชุดใหม่ ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งอาจไม่พอใจการทำงานของเลขาฯ กกต.คนนี้ได้ เพราะว่าการทำงานระหว่าง กกต.และ เลขาฯ กกต.ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หากขัดแย้งก็ไม่มีความเป็นเอกภาพ อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่า การแก้สัญญาต้องมีเหตุและผล ทั้งนี้ จากการหารือกับ กกต.ทั้ง 5 คน หาก นายภุชงค์ ไม่เซ็นสัญญาภายในเดือน มี.ค.นี้ ก็จะต้องมีการเปิดรับสมัครและพิจารณาสรรหาเลขาฯ กกต.คนใหม่
นางสดศรี ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงการบริจาคเงินภาษีให้พรรคการเมือง ว่า ในปีนี้ทาง กกต.ตั้งใจจะให้มีจำนวนผู้บริจาคมากกว่าปี 53 เนื่องจากในปีนี้ทาง กกต.และทางพรรคการเมืองได้ประชาสัมพันธ์อย่างเต็มที่แล้ว หากมีประชาชนร่วมบริจาคให้กับพรรคการเมืองก็เปรียบเสมือนเป็นการทำผลสำรวจความนิยมของพรรคการเมือง เพราะหากประชาชนบริจาคให้กับพรรคการเมืองใดมากก็ถือว่าพรรคนั้นได้รับความนิยมและความชื่นชมจากประชาชน ทั้งนี้ขอให้ข้าราชการไม่ต้องกลัวว่าการบริจาคเงินภาษีให้กับพรรคการเมืองจะผิดระเบียบของข้าราชการ เพราะในความเป็นจริง กกต.และกรมสรรพากรไม่ได้มีการเปิดเผยรายชื่อของผู้บริจาค เพียงเปิดจำนวนยอดเงินและจำนวนคนที่ร่วมบริจาคเงินภาษีให้พรรคการเมืองเท่านั้น