xs
xsm
sm
md
lg

ขรก.โกงยาอื้อจ่อเพิกถอนสิทธิ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"ดีเอสไอ"จับมือกระทรวงคลังสอบทุจริตระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลขรก.พบการทำผิดสารพัดรูปแบบ เตรียมถอนสิทธิข้าราชการ-ครอบครัว ผวจ.ศรีสะเกษ สั่งตั้งกรรมการสอบยาแก้หวัดซูโดอีเฟดรีนหายไปจาก รพ.ภูสิงห์ สธ.สอบวินัย พบผิดจริง 14 คน ใน รพ. 7 แห่ง

วานนี้ (2 เม.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ พร้อมด้วย น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง แถลงข่าวการตรวจสอบการใช้สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการและครอบครัว ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปัจจุบัน โดยนายธาริต กล่าวว่า จากข้อมูลของกรมบัญชีกลางพบว่า ปัจจัยที่ทำให้ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มสูงขึ้นมีที่มาจาก 5 ปัจจัยหลักคือ 1. กลุ่มข้าราชการสูงอายุเพิ่มมากขึ้น 2.ราคายาสูงขึ้น 3.ยาที่เป็นต้นแบบมีราคาสูงขึ้น 4.มีปัญหาโรงเรื้อรังสูง และ 5.ทุจริต

ทั้งนี้จากการร่วมกันตรวจสอบประเด็นการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการในระบบสาธารณสุขระหว่างกรมบัญชีกลางกับดีเอสไอ พบความผิดปกติดังนี้ 1.หลักฐานทางการเงินที่โรงพยาบาลขอเบิกกรมบัญชีกลาง ไม่ตรงกับข้อมูลค่ารักษาที่ส่งเบิกในระบบจ่ายตรง 2.ลายมือชื่อแพทย์ในเวชระเบียนไม่ตรงกับลายมือชื่อแพทย์ในใบสั่งยา 3.ตามหลักฐานเวชระเบียนพบว่ามีข้อมูลเข้ารับการรักษา จำนวน 6 ครั้ง แต่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจริงเพียง 2 ครั้ง 4.การสั่งจ่ายยาเพื่อการรักษาไม่สัมพันธ์กับอาการป่วยของผู้ป่วย แพทย์สั่งจ่ายยาให้กับญาติผู้ป่วยที่ไม่มีสิทธิสวัสดิการ 5.มีการสั่งจ่ายยาในปริมาณมากเกินกว่าที่ผู้ป่วยจะใช้ได้หมด

สำหรับรูปแบบการทำผิดแยกได้เป็น 3 ประเภทคือ 1.การสวมสิทธิ์ผู้ป่วยหรือไม่มีอาการป่วย 2.การยิงยา พบว่ามีเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจสั่งจ่ายยา มีการสั่งจ่ายยาที่ไม่จำเป็นและเหมาะสมสัมพันธ์กับอาการเจ็บป่วยของผู้ป่วย 3.การช้อปปิ้งยา

ทั้งนี้ ภายใน 2 สัปดาห์กฎกระทรวงฉบับใหม่จะประกาศใช้ ซึ่งจะมีทำให้ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ยา และเครื่องสำอางค์ อยู่ในอำนาจคดีพิเศษได้ทันที โดยดีเอสไอจะดำเนินการโดยพิจารณาความผิดเป็นรายไป

น.ส.สุภา กล่าวว่า หากพบข้าราชการมีพฤติกรรมชอปปิ้งยาจะถูกเรียกเงินคืน ลงโทษทางวินัย และดำเนินคดีอาญา ส่วนบุคคลในครอบครัวจะถูกเรียกเงินคืน ดำเนินคดีอาญา และถอนสิทธิการรักษาพยาบาล

***ผวจ.ศรีสะเกษ สั่งตั้ง กก.สอบ

นายประทีป กีรติเรขา ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ผลการตรวจสอบพบว่า มีเพียงหลักฐานการซื้อยา แต่ไม่มีหลักฐานการจ่ายยาออกไป ทำให้ยอดจำนวนยาหายไปจากบัญชีจำนวนทั้งสิ้น 2.5 แสนเม็ด ตรงตามที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอมาตรวจสอบไว้แล้ว โดยผู้เกี่ยวข้องที่รับผิดชอบเรื่องนี้อ้างว่า สาเหตุที่ยาไม่ครบถ้วนตามหลักฐานที่ซื้อยามาเนื่องจากว่าได้มีการจ่ายยาให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไปเป็นจำนวนมาก

** สธ.สอบวินัย พบผิดจริง 14 คน

นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าภายหลัง คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน(อ.ก.พ.สธ.)มีมติเห็นพ้องหลังจากมีการสอบสวนข้อเท็จจริงในโรงพยาบาล 9 แห่งจาก 842 แห่ง โดยจากการสอบสวนทางวินัย พบผิดจริง 7 แห่งมีผู้ผิดวินัยร้ายแรงและไม่ร้ายแรงทั้งสิ้น 14 คน ว่า ตามขั้นตอนต้องมีการแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง 14 คน เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ชี้แจงภายใน 1 เดือน ซึ่งล่าสุดมีผู้ที่เกี่ยวข้องขอแสดงความจำนงในการชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นจำนวน 1 ราย ที่โรงพยาบาลกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ จึงต้องรอให้มีการชี้แจงก่อน

**แฉรพ.ในกทม.4 แห่ง ใช้ซูโดฯ ผิดปกติ

ด้านนายธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ โฆษกคณะทำงานป้องกันและปราบปราม ฟื้นฟู และเยียวยาด้านยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า มีทั้งโรงพยาบาลที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลจากทั้งทางอย. โรงพยาบาล และบริษัทยา เบื้องต้นพบว่าโรงพยาบาลทั้ง 4 แห่งดังกล่าวเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก แต่กลับมียอดการใช้ยานี้ที่สูงมาก ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างสรุปข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อความชัดเจนอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น