นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมด้วย น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน และเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง ร่วมกันแถลงความคืบหน้าตรวจสอบการกระทำผิดในระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของรัฐ โดยสรุปว่า หลังดีเอสไอลงตรวจสอบ สามารถดำเนินคดีข้าราชการที่เข้าไปเกี่ยวข้องหลายคน ขณะนี้เรื่องอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และสามารถทำให้รัฐประหยัดงบประมาณลงกว่า 1,000 ล้านบาท ในปี 2554 จากข้อมูลของกรมบัญชีกลาง เมื่อปี 2553 รัฐต้องสูญเสียเงินในระบบนี้ไปกว่า 62,000 ล้านบาท
สำหรับการกระทำความผิดในระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ และครอบครัว ที่ตรวจสอบ มี 3 ประเภท คือ การสวมสิทธิ์โดยอ้างการใช้สิทธิ์ของข้าราชการ การยิงยา คือการที่เจ้าหน้าที่สั่งจ่ายยาที่ไม่เหมาะสมและไม่จำเป็นต่อผู้ป่วย โดยเน้นยานอกบัญชีหลักที่มีราคาแพง หวังผลประโยชน์ทับซ้อนกับบริษัทผู้ผลิตยา หรือตัวแทนจำหน่ายยา และการชอปปิ้งยา คือ ผู้มีสิทธิ์รักษาพยาบาลตระเวนเข้ารับการรักษาและเบิกยาตามโรงพยาบาลหลายแห่งเพื่อนำไปจำหน่ายต่อ โดยพบว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ ร้านขายยา บริษัทยา
สำหรับการกระทำความผิดในระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ และครอบครัว ที่ตรวจสอบ มี 3 ประเภท คือ การสวมสิทธิ์โดยอ้างการใช้สิทธิ์ของข้าราชการ การยิงยา คือการที่เจ้าหน้าที่สั่งจ่ายยาที่ไม่เหมาะสมและไม่จำเป็นต่อผู้ป่วย โดยเน้นยานอกบัญชีหลักที่มีราคาแพง หวังผลประโยชน์ทับซ้อนกับบริษัทผู้ผลิตยา หรือตัวแทนจำหน่ายยา และการชอปปิ้งยา คือ ผู้มีสิทธิ์รักษาพยาบาลตระเวนเข้ารับการรักษาและเบิกยาตามโรงพยาบาลหลายแห่งเพื่อนำไปจำหน่ายต่อ โดยพบว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ ร้านขายยา บริษัทยา