xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดจัดหาแรงงานบูม หวั่่นขึ้น300บ.ปัญหาตามมาเพียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ปลื้มรายได้โตทะลุเป้า 2,200 ล้านบาท
เน้นกลยุทธ์ Collaboration Strategy เจาะกลุ่มเป้าหมายพร้อมพัฒนาตลาดแรงงานไทยสู่สากล

นายไซมอน แมททิวส์, ผู้จัดการประจำประเทศไทย, แมนพาวเวอร์กรุ๊ป กล่าวว่า จากเดิมสถานการณ์ในประเทศไทยเคยมีความเข้มแข็งด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอ แต่พอค่าแรงในประเทศสูงขึ้นอุตสาหกรรมเหล่านี้ก็มีการย้ายถื่นฐานไปยังประเทศจีน และเวียดนาม หลังจากนั้นตลาดแรงงานไทยเปลี่ยนมาเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์และคาดว่าจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพราะอุตสาหรรมไทยยังเน้นยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก อุตสาหกรรมยานยนต์เปรียบเหมือนเป็นดีทรอยด์ในโลกตะวันออก และขณะนี้คนให้ความสนใจด้านสิ่งแวดล้อมและได้เกิดการผลิตรถไฮบริดขึ้นส่งผลให้แรงงานที่มีฝีมือย้ายมาอยู่ในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเติบโตด้านการออกแบบและคิดว่าจะมุ่งเน้นเน้นต่อไปในอนาคต

และค่าแรงในอเมริกา ยุโรปและญี่ปุ่นค่อนข้างสูงหลายๆบริษัทจึงคิดจะย้ายฐานการผลิตออกนอกประเทศ เพราะฉะนั้นแรงงานต่างๆก็จะย้ายตามมาด้วยเช่นกัน และขณะนี้เทคโนโลยีจะเข้ามาพัฒนาเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่ประเทศไทยกำลังเผชิญคือปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมือเฉพาะด้าน ทักษะด้านภาษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานอุตสาหกรรมที่เน้นทักษะเฉพาะด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอีสเทิร์นซีบอร์ด และสิ่งที่กลุ่มแมนพาวเวอร์กรุ๊ปกำลังเน้นอยู่คือเตรียมสรรหาแรงงานในสาขาที่ขาดแคลนให้มากขึ้น ขณะเดียวกันกลุ่มแมนพาวเวอร์มีแผนขยายการเปิดศูนย์ปฏิบัติการสรรหาและคัดเลือกแรงงานที่กัมพูชา

คุณสุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แมนพาวเวอร์กรุ๊ป กล่าวว่าจากสภาวการณ์ตลาดแรงงานในปัจจุบัน ตามที่แมนพาวเวอร์กรุ๊ปได้ทำการสำรวจกับผู้สมัครงาน จำนวน 1,080 คน และ 200 บริษัทที่ใช้บริการของแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ชี้ให้เห็นว่าสายงานที่เป็นที่ต้องการของแรงงานปัจจุบันและเป็นอันดับหนึ่ง คืองานการตลาดและประชาสัมพันธ์ 21% อันดับสอง งานธุรการและทรัพยากรบุคคล 20% และอันดับสาม งานโฆษณาและงานสื่อ16% งานโฆษณาและงานสื่อ 16% ขณะเดียวกันสายงานที่เป็นความต้องการของตลาด อันดับหนึ่ง การตลาดและประชาสัมพันธ์ 17% อันดับสอง งานด้านไอที 14% และอันดับสาม งานด้านวิศวกรรม 13% ซึ่งจะสอดคล้องกับความต้องการแรงงานที่ทางบริษัทจัดหางานได้รับการร้องขอให้สรรหาแรงงานและเพื่อให้ทันต่อความต้องการของตลาดและเข้าถึงแรงงานทุกกลุ่ม เราจึงวางแผนที่จะสื่อสารในรูปแบบ VACC Model จะประกอบไปด้วยความหลากหลายของเครื่องมือ และช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยแบ่งเป็นกิจกรรมด้านออนไลน์ และออฟไลน์ เช่นตัวอย่างกิจกรรมออฟไลน์ (Off- line) คือ เจาะกลุ่มคนทำงาน (Recruitment Hub & Mobile Office) , เจาะกลุ่มคนทำงาน (Recruitment Hub & Mobile Office), กิจกรรมโรดโชว์และจ๊อบแฟร์เจาะกลุ่มปริมณฑลและต่างจังหวัด (Field Recruiter Commando) ส่วนตลาดแรงงานระดับสูง เราเน้นการทำ CRM ในกลุ่ม Premium Network กิจกรรมด้านออนไลน์ (On-line) เจาะกลุ่มโซเชียลมีเดีย ผ่านทางเฟสบุ๊ค Facebook (www.facebook.com/ManpowerThai) เป็นการอัพเดทงานแบบเรียลไทม์, You-Tube, Mobile Application และ Microsite จะคอยอัพเดททุกมิติ ทุกความเคลื่อนไหว ทุกกิจกรรม รวมถึงเพิ่ม Channel ใหม่ๆ เช่น Linked-in ส่วนตลาดแรงงานส่งออกเราเน้นการสื่อสารในรูปแบบ On-line และการวางแผนบริหารจัดการ Database Pull ของเราให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในขั้นตอนเดียวทั้งหมดจะทำให้แมนพาวเวอร์เข้าถึงผู้สมัครด้วยความรวดเร็วทันทุกความต้องการ เป็นต้น

จากการที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เราจึงนำ “Collaboration Strategy” กลยุทธ์แห่งการร่วมมือกันมาเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยความรวดเร็วเพื่อให้ทันกับทุกสถานการณ์ การบริการที่ครบวงจรในรูปแบบ One Stop of HR Solution และในขณะเดียวกันก็สามารถเข้าถึงลูกค้าด้วย Tailor-Made Service กลยุทธ์ทั้งหมดนี้เป็นจุดแข็งหลักของแมนพาวเวอร์ที่สามารถครองใจกลุ่มตลาดแรงงานและก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการจัดหาแรงงานในประเทศไทยในที่สุดปรียบเสมือนเพื่อน ที่เป็นมิตรแท้ให้กับลูกค้า

ปีที่ผ่านมาแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ประสบความสำเร็จอย่างมากด้วยอัตราการเติบโตของรายได้ที่ทะลุเป้ากว่า 22 % หรือคิดเป็นมูลค่า 2,200 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะมีการเติบโตขึ้นจากเดิมโดยคิดเป็นมูลค่า 2,600 – 3,000 ล้านบาท เนื่องมาจากการที่เราเข้าถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงกับการทำการตลาดในรูปแบบ One-to-One Marketing โดยใช้เครื่องมือ “Innovative Workforce Solution” ที่มาพร้อมกับการปฏิวัติวงการ HR ให้ตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าของเราได้ทุกรูปแบบและแตกต่างกันไป ทำให้ลูกค้าของเรา ประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่าย และได้บริการที่ดีที่สุดของเราในฐานะที่เราเป็นผู้เชี่ยวชาญ ด้านการจัดหากำลังคน คุณสุธิดา กล่าวทิ้งท้าย

นายไซมอน กล่าวเพิ่มเติม ในทิศทางปีนี้ว่าจะขยายการสรรหาบุคลากรส่งออกต่างประเทศมากขึ้น เปิดสาขาเพิ่มขึ้นตามฮับต่างในต่างจังหวัดและจัดหน่วยหางงานโดยใช้รถเคลื่อนที่หรือโมบายยูนิตตามจุดต่างๆ อีกสองถึงสามเดือนมีแผนจะไปเปิดสาขาที่กัมพูชา ในเส่วนของบริษัทแมนพาวเวอร์กรุ๊ปมองว่าจะบริษัทฯ จะต้องเติบโตให้เร็วกว่าตลาดแรงงานมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดในบางประเทศที่ตลาดแรงงานอิ่มตัว ดังนั้นถ้าตลาดแรงงานโตขึ้น 2 % แมนพาวเวอร์จะต้องโตขึ้นให้ได้ 10 %

ในเรื่องของการตั้งรับอัตราค่าจ้างที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ตนมองว่าจากค่าแรงขั้นต่ำของเราถูกมานานแล้ว และมีค่าครองชีพที่สูง ดังนั้นการปรับขึ้นค่าแรงถือเป็นแนวคิดที่ดีแต่อาจจะเป็นการก้าวกระโดดที่สูงเกินไป เพราะในบางพื้นที่ตามต่างจังหวัดขึ้นค่าแรง 300 บาทเท่ากับ 40% เช่น บางบริษัทมีพนักงานกว่าสองหมื่นคน และ 90% ของพนักงานกลุ่มนี้อยู่ในข่ายที่จะได้ขึ้นค่าแรง เพราะฉะนั้นมันเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นสูงมาก ฉะนั้นสิ่งที่ควรกังวลคือบริษัทเหล่านี้จะดำเนินการอย่างไร เช่น พวกเขาอาจจะต้องลดผลกำไรลง และอย่างที่สองสินค้าจะหรือขึ้นราคาสินค้า และที่น่าสนใจก็คือภาวะเงินเฟ้อ การขึ้นค่าแรงอาจส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในประเทศไทยด้วยเช่นกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือบริษัทเหล่านี้ต้องทำให้แรงงานสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับการปรับค่าแรง มร.ไซมอน กล่าวสรุปในที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น