xs
xsm
sm
md
lg

ทีดีอาร์ไอคาดเออีซีเจอวิกฤตขาดแคลนแรงงาน‏ จี้รัฐเร่งพัฒนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทีดีอาร์ไอ เผย ผลวิจัยพัฒนากำลังคนรับเปิดเสรีการค้าอาเซียน ชี้ เศรษฐกิจอาเซียนปี 58 โตขึ้น 55.3% สวนทางประชากรเพิ่มแค่ 5.6% เจอวิกฤตขาดแคลนแรงงาน เฉพาะ 9 สาขา ขาดปีละกว่า 3.2 หมื่น แนะไทยเร่งพัฒนาแรงงานไทยทั้งด้านภาษา ทักษะฝีมือ ไอที

วันนี้ (22 มี.ค.) น.ส.สุวรรณา ตุลยวศินพงษ์ หัวหน้าโครงการศึกษาความพร้อมของกำลังคนเพื่อรองรับการเปิดเสรีด้านการค้าสินค้า 9 สาขา ตามกรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในการสัมนาการเตรียมความพร้อมของกำลังคนเพื่อรองรับการเปิดเสรีด้านการค้า 9 สาขา ตามกรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน กรุงเทพฯ จัดโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน ว่า ในปี พ.ศ.2558 จะมีการเกิดขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) โดยมีการเปิดเสรีด้านเศรษฐกิจการค้า การลงทุน และแรงงานฝีมือระหว่าง 10 ประเทศในอาเซียน ซึ่งปัจจุบันทั้ง 10 ประเทศ ได้มีการลดกำแพงภาษีการค้า รวมทั้งมีการเปิดเสรีด้านการค้าในสาขาเร่งรัด 9 สาขา ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เกษตร สินค้าประมง ผลิตภัณฑ์ไม้ ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งทอ/เสื้อผ้า อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ สินค้าสุขภาพ และเทคโนโลยีสารสนเทศ

น.ส.สุวรรณา กล่าวอีกว่า ผลจากการเปิดเสรีการค้าใน 9 สาขาข้างต้น ทำให้จะต้องมีการผลิตและส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการกำลังคนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะแรงงานที่มีทักษะฝีมือ โดยเฉพาะในสาขาผลิตภัณฑ์เกษตร ผลิตภัณฑ์ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการลดภาษี ตามข้อตกลงอาเซียน
  อย่างไรก็ตาม   มีการคาดการณ์ว่า ในช่วงปี พ.ศ.2553 - 2558  อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมของอาเซียน (จีดีพี) กับการเติบโตของจำนวนประชากรต่างกันมาก โดยอัตราการเติบโตของจีดีพีของอาเซียน ในช่วงปี 2553 อยู่ที่ 1,719 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และในปี 2558 อยู่ที่ 2,670 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 55.3%   ขณะที่จำนวนประชากรของอาเซียนปี 2553 อยู่ที่ 588 ล้านคน และในปี 2558 อยู่ที่ 621 ล้านคน มีประชากรเพิ่มขึ้นคิดเป็น 5.6 % เท่านั้น

                น.ส.สุวรรณา กล่าวต่อไปว่า   ในส่วนของประเทศไทย มีการคาดการณ์ว่า ในปี พ.ศ.2555-2558 สถาบันการศึกษาสามารถผลิตผู้ที่จบการศึกษาทุกระดับอยู่ที่ 1.5 ล้านคนต่อปี  และมีความต้องการแรงงานทดแทนในแต่ละปีอยู่ที่ 1.2 ล้านคน แต่มีผู้ที่เข้าสู่ตลาดแรงงานเพียง 3.6 แสนคน และมีอัตราว่างงานไม่ถึง 1% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่น้อยมาก  โดยในจำนวนนี้พบว่า จบปริญญาตรี 10% รองลงมาระดับ ปวส.   ส่วนระดับ ปวช.นั้น ตลาดแรงงานมีความต้องการมาก แต่กลับมีผู้เรียนน้อย

                อย่างไรก็ตาม จ ากการที่ได้ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการต่างให้ข้อมูลว่า ผู้ที่จบการศึกษาระดับ ปวช. ปวส.  และปริญญาตรีมีจุดอ่อนในเรื่องการขาดทักษะภาษาต่างประเทศ ทักษะฝีมือ และประสบการณ์ทำงาน  โดยเฉพาะผู้ที่จบระดับ ปวช.และปวส.ทางผู้ประกอบการจะต้องนำมาฝึกอบรมและเรียนรู้งานนาน 6 เดือน จึงจะปฏิบัติงานได้ดี

                 นอกจากนี้ ตลาดแรงงานไทยยังมีปัญหาการขาดแคลนกำลังคน  การใช้แรงงานต่างด้าวทั้งที่เข้ามาโดยถูกกฎหมายและผิดกฎหมายรวมแล้วกว่า 1.3 ล้านคน  รวมถึงแรงงานในระบบมีอายุมากขึ้น  โดยจากการคาดการณ์ พบว่า ใน 9 สาขาเร่งรัด ที่มีการเปิดเสรีการค้าในกลุ่มประเทศอาเซียนมีความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้นปีละ 32,732 คน ในขณะที่กำลังแรงงานใหม่เข้าสู่ตลาดอยู่ในระดับคงที่

 

                กระทรวงแรงงาน จึงควรร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในการวางแผนแก้ปัญหาโดยใช้วิธีต่างๆ เช่น การใช้เครื่องจักรสมัยใหม่มาใช้ในการผลิต การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน เพื่อให้ผลิตสินค้าได้มากขึ้น รวมทั้งจะต้องตัดสินใจในการใช้แรงงานต่างด้าว ซึ่งผู้ประกอบการเห็นว่าแม้ค่าจ้างจะถูกกว่าคนไทยแต่ประสิทธิภาพการทำงานต่ำกว่า และมีปัญหาในการสื่อสาร ดังนั้น จะต้องพิจารณาว่า จะเป็นทางเลือกในระยะสั้นหรือระยะยาว เพราะเมื่อประเทศต้นทางพัฒนาจนถึงระดับที่ต้องการกำลังคน แรงงานต่างด้าวก็จะต้องเคลื่อนย้ายกลับประเทศ แต่หากจะใช้แรงงานต่างด้าวระยะยาวก็ควรนำแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาโดยถูกกฎหมายมาอบรมด้านภาษาต่างประเทศ  ภาษาไทย และทักษะฝีมือ เพื่อจะได้เป็นแรงงานฝีมือผลิตสินค้าได้อย่างมีคุณภาพ  อีกทั้งจะต้องมีการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนระดับ ปวช.และ ปวส.โดยเพิ่มระยะเวลาฝึกงานให้มากขึ้น อบรมภาษาต่างประเทศ ไอที ด้วย น.ส.สุวรรณา กล่าว     

                นายประพันธ์   มนทการติวงศ์    อธิบดีกพร.  กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้มีโอกาสฟังกระทรวงพาณิชย์ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน  โดยในเรื่องการเคลื่อนย้ายเสรีแรงงานฝีมือนั้น กระทรวงพาณิชย์อธิบายว่า  จะดำเนินการใน 7 สาขาวิชาชีพ ได้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล วิศวกร สถาปนิก นักบัญชี และ ช่างสำรวจ รวมถึงสาขาบริการและการท่องเที่ยวอีก 1 สาขาวิชาชีพ  ซึ่งสาขานี้ ทาง กพร.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติไว้แล้ว 32  ตำแหน่งงาน  แต่ไทยยังไม่ได้มีการทำความตกลงกับอีก 9 ประเทศ

                ส่วนสาขาอื่นๆ เช่น   ช่างฝีมือสาขาต่างๆ นั้น    ประเทศในอาเซียนยังไม่ได้ตกลงกัน     ขณะนี้แต่ละประเทศต่างเร่งจัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติของตนเองขึ้นมา  ยังไม่มีมาตรฐานกลางของอาเซียน และท่าทีประเทศในอาเซียนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการเปิดให้เคลื่อนย้ายเสรีแรงงานฝีมือ  มีเพียง  2  ประเทศคือ มาเลเซีย และ บรูไน ที่เห็นด้วย ดังนั้น เชื่อว่า เมื่อเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน แต่ละประเทศ  จะอำนวยความสะดวกในการให้แรงงานฝีมือจากประเทศต่างๆ เข้ามาทำงานได้ง่ายขึ้น   แต่จะมีการคัดกรองอย่างเข้มข้น    โดยจะต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานฝีมือแต่ละประเทศก่อน  จึงจะทำงานได้   ทำให้การเคลื่อนย้ายแรงงานในอาเซียนไม่ได้เป็นไปอย่างสะดวก   นายประพันธ์ กล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น