วานนี้ ( 22 มี.ค. ) มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ …) พ.ศ…. ที่มีนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นประธานการประชุม โดยกรรมาธิการได้เชิญตัวแทนภาคประชาชนที่เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ร่าง และนักวิชาการมาแสดงความคิดเห็นในการทำร่างแก้ไข ประกอบด้วย นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายเยี่ยมยอด ศรีมันตะ และนายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล
นางธิดา กล่าวว่า เป้าหมายของกลุ่มนปช.คือ ต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ของพรรคการเมืองใดๆ แต่นี่ไม่ใช่ร่างรัฐธรรมนูญของคนเสื้อแดง อยากขอเตือนพรรคการเมืองทั้งหลายว่า ประชาชนจับตาดูอยู่ว่า เขาต้องการรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด เราเตือนคุณแล้ว ซึ่งกระบวนการเป็นสิ่งที่สำคัญ การที่ประชาชนปฏิเสธรัฐธรรมนูญ 2550 เนื่องจากที่มาไม่ถูกต้อง การสนับสนุนให้มีการแก้ไขในครั้งนี้ ก็เพื่อแสดงเจตนารมณ์ให้เห็นว่าผู้มีบทบาทการกำหนดร่างรัฐธรรมนูญนั้น ไม่มีเลศนัย แต่หากพรรคการเมืองตั้งธงไว้ เราต้องเน้นกระบวนการที่ชอบธรรม และทำให้การคัดค้านต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล
นางธิดา กล่าวว่า ที่มาของส.ส.ร. จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้มีความชอบธรรม เราจะเสนอให้มีการเลือกตั้งโดยตรง 100 เปอร์เซ็นต์ ในจำนวน 100 คน หากมีมากเกินจะเป็นการจงใจให้ส.ส.ร. ไม่มีอำนาจ แต่หากน้อยเกินไป ก็จะเป็นการจัดตั้งรัฐธรรมนูญ 2550 ที่เราปฏิเสธ เพื่อความชอบธรรม เขาก็มีการทำประชามติเช่นกัน โดยมีอรหันต์เป็นผู้ร่าง แต่ในครั้งนี้ร่างประชาชนไม่ต้องการอรหันต์ แต่ต้องการประชาชนเป็นผู้ร่าง ไม่ใช่รัฐธรรมนูญของโจโฉ หรือ เล่าปี่ อย่างที่นายธีรยุทธ บุญมี นักวิชาการได้วิเคราะห์กลุ่มอำนาจทางการเมือง นี่จะเป็นก้าวแรกของการปรองดองอย่างแท้จริง และยั่งยืน
ทั้งนี้หากมีการกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครส.ส.ร.มากเท่าไร ก็จะเป็นการลดคนให้เหลือน้อยลง ที่สำคัญคือ จุดยืน คือประชาชน หากมีความเชี่ยวชาญแค่ไหน แต่ไม่มีจุดยืนเพื่อประชาชนก็ไร้ประโยชน์ อยากเสนอว่าข้อจำกัดใดๆ ก็ตามต้องลดให้น้อยลง ร่างของเราคุณสมบัติ มีอายุ 25 ปีขึ้นไป และไม่จำกัดวุฒิการศึกษา อยู่ในพื้นที่เพียง 1 ปี และเสนอให้จำนวนส.ส.ร. เป็นไปตามสัดส่วนประชากร
" ถ้าต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย แต่ไม่คำนึงถึงสิทธิประชาธิปไตยของประชาชน ก็ป่วยการที่จะได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ประชาธิปไตยเป็นทั้งเป้าหมาย และวิธีการ เราคำนึงถึงสิทธิประชาธิปไตยของประชาชน วิธีคิดเอาพื้นที่เป็นหลัก คือ วิธีคิดแบบอนุรักษ์นิยม ที่เห็นพื้นที่สำคัญกว่าประชาชน การเลือกตั้ง ส.ส.ร.นั้น ขึ้นอยู่กับวิธีคิด บางร่างอาจจะแบ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ 22 คน และประชาชนทั่วไปที่มาจากการเลือกตั้ง 77 คน จึงอยากถามว่าเหตุผลอะไรที่จะให้มีผู้ทรงคุณวุฒิ 22 คน นั่นคือตัวจริงที่จะเป็นผู้เขียน ใช่หรือไม่ ขอยืนยันว่านี่คือรัฐธรรมนูญของประชาชนทั้งหมด ไม่ใช่ของชนชั้นกลาง หรือชนชั้นสูง รัฐธรรมนูญดีๆ ของเรามีมาก ทั้งรัฐธรรมนูญปี 2489 , 2517, 2540 แต่กลับถูกฉีกทิ้ง ยิ่งรัฐธรรมนูญดีเท่าไร ก็ยิ่งถูกฉีกทิ้งง่าย" นางธิดา กล่าว
ขณะที่นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมาธิการฯ ติดใจในคำพูดของนางธิดา ในถ้อยคำที่ว่า “เราเตือนคุณแล้ว” จึงกล่าวโต้ตอบเชิงทีเล่นทีจริงว่า ขอให้นางธิดา กลับไปดูคำแปรญัตติของ นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยด้วย ว่าได้เคยแปรญัตติที่ขัดกับหลักการของนางธิดา หรือไม่
**"โคทม"เสนอเลือกตั้งส.ส.ร.200 คน
ด้านนายโคทม กล่าวว่า ข้อเสนอในเชิงหลักการ อยากเห็นรัฐธรรมนูญใหม่ร่างโดยตัวแทนของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน หลังจากนั้นต้องผ่านการลงประชามติ ถึงเวลาที่จะต้องเปิดโรงเรียนการเมืองครั้งใหญ่ และให้ประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดเนื้อหาด้วย หากเปิดรับทุกฝ่ายเข้าร่วม จะเป็นการสร้างความปรองดองผ่านการยกร่างในครั้งนี้ นอกจากนั้น เราควรจะปลูกฝังจิตสำนึก การยอมรับ ว่ารัฐธรรมนูญเป็นส่วนหนึ่งของอุดมการณ์ร่วม สร้างสัญญาประชาคมของคนไทย ส่วนที่มาและจำนวนส.ส.ร. นั้น ควรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทั้งหมด และให้ใช้เขตจังหวัดเลือกตั้ง โดยคำนวณจากสัดส่วนประชากร ไม่ควรมีมาจากการเลือกตั้งผ่านรัฐสภา ซึ่งบางจังหวัดอาจจะมี ส.ส.ร.มากกว่า 1 คน และควรจะมีจำนวนมากพอสมควร อาจจะเป็น 200 คน หรือมากกว่า 200 คนก็ได้
" เราต้องการป้องกันไม่ให้มีการบล็อกโหวต อยากเสนอให้ใช้ระบบเลือกตั้งคะแนนเสียงเดียว ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกได้เพียง 1 คน คุณสมบัติควรจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี และไม่กำหนดคุณวุฒิการศึกษา และอยากเสนอให้ กกต. จัดเวทีแนะนำตัวและหาเสียงให้แก่ส.ส.ร.ด้วย” นายโคมทม กล่าว
นายโคทม กล่าวอีกว่า คณะกรรมการยกร่างฯ ควรจะมีทั้งหมด 30 คน ประกอบด้วย ส.ส.ร.15 คน ตัวแทนจากผู้เชี่ยวชาญด้านนิติศาสตร์ 5 คน รัฐประศาสนศาสตร์ 5 คน และผู้มีประสบการณ์ร่างรัฐธรรมนูญ 5 คน และจะต้องมีจำนวนสตรีไม่น้อยกว่า 1ใน 3 ด้วย ทำการยกร่างภายใน 365 วัน และทำประชามติ 90 วัน และหลังจากร่างเสร็จแล้ว ควรจะเปิดโรงเรียนการเมืองให้ประชาชนได้เรียนรู้ เพื่อให้ประชาชนเกิดการยอมรับกติการ่วมกัน
ด้านนายเยี่ยมยอด กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้เกิดความเห็นต่างในสังคมค่อนข้างรุนแรง ร่างฉบับที่เราได้เสนอขึ้นมานั้น หลักการสำคัญคือ ให้มีการแก้ไข หรือยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 โดยการแก้ไขมาตรา 291 เพื่อให้มีส.ส.ร. มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ส.ส.ร.ต้องเป็นอิสระจากรัฐสภา พรรคการเมือง และนักการเมือง และต้องมีประชาชนเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง
ส่วนจำนวนส.ส.ร. ต้องคำนึงตามสัดส่วนของประชากรของประเทศ และไม่มีการกำหนดวุฒิการศึกษา โดยมีอายุ 18 ปีขึ้นไป และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง และไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ซึ่งตนอยากเห็นทิศทางในการปฏิรูปประเทศ และการเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตย
** อยากให้พระภิกษุสมัครส.ส.ร.ได้
ขณะที่นายนิรันดร์ กล่าวว่า อยากให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ทั้งฉบับ และมีส.ส.ร.ที่เป็นตัวแทนจากทุกภาคส่วน มีเลือกตั้งโดยตรงจากจังหวัดละ 1 คน เป็นจำนวนทั้งหมด 77 คน และมีผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ จำนวน 24 คน และให้มีการทำประชามติ
ทั้งนี้ ต้องการให้ที่มาของ ส.ส.ร. มาจาก 2 ฝ่ายได้แก่ 1. มาจากประชาชนโดยตรง และ 2. ฝ่ายวิชาการ ซึ่งคุณสมบัติไม่จำเป็นต้องจบปริญญาตรี และตนอยากเปิดโอกาสให้พระภิกษุ สามารถเป็นส.ส.ร.ได้ โดยให้ตัวแทนทางศาสนาเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
อย่างไรก็ตามนายสามารถ กล่าวสรุปว่า การเชิญภาคประชาชนมาแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้ จะช่วยให้กรรมาธิการแปรญัตติได้เร็วขึ้น โดยหลังครบกำหนดรับคำแปรญัตติของสมาชิกที่ไม่ได้เป็นกรรมาธิการฯ ในวันที่ 25 มี.ค. กรรมาธิการฯ จะสรุปความคิดเห็นและดำเนินการใช้ชั้นการแปรญัตติให้เร็วที่สุด แต่การพิจารณาจะไม่รวบรัด แต่จะเน้นพิจารณาให้ครบถ้วนทุกความเห็น
**ปชป.เสนอเลือกส.ส.ร.ใน120วัน
จากนั้นที่ประชุมได้เข้าสู่การพิจารณา มาตรา 291/5 เกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ซึ่งในร่างแก้ไขของคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดให้กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งส.ส.ร.ให้แล้วเสร็จภายใน 75 วัน นับตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) มีผลบังคับใช้
ทั้งนี้ กมธ. จากพรรคประชาธิปัตย์ หลายคน เสนอให้แก้ไขระยะเวลาการจัดการเลือกตั้งให้เป็น 120 วัน แทนจากเดิม 75 วัน
อย่างไรก็ตาม นายสามารถ แก้วมีชัย ประธานในที่ประชุม แสดงความเห็นว่า ให้ชะลอการพิจารณามาตรานี้ไว้ก่อน จนกว่ากกต.จะมีความเห็นออกมาอย่างเป็นทางการว่า ต้องการให้รัฐสภา ตราพ.ร.บ. รองรับการเลือกตั้ง ส.ส.ร.หรือไม่ จากนั้นค่อยกลับมาพิจารณาในมาตรานี้อีกครั้ง
** กกต.ถกข้อเสนอกมธ.แก้รธน.27 มี.ค.
นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า คาดว่าที่ประชุม กกต. จะมีวาระการพิจารณาข้อเสนอของคณะกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ในวันที่ 27 มี.ค.นี้ แต่ในเบื้องต้นในฐานะที่มีส่วนดูแลงานบริหารการเลือกตั้ง เชื่อว่าหากสภาฯ และวุฒิสภา ผ่านเป็นกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ร. ออกมาแล้ว กกต. นำไปออกระเบียบการเลือกตั้งโดยที่มีกฎหมายรองรับ ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนที่มีข้อเสนอจากคณะกรรมาธิการฯว่าจะให้เวลา กกต. 3 เดือน ยกร่าง พ.ร.บ. การเลือกตั้ง ส.ส.ร. นั้น นายบุญเกียรติ กล่าวว่า เวลา 3 เดือน ก็น่าจะเพียงพอในการยกร่างกฎหมาย เพียงแต่คณะกรรมาธิการ ฯ จะต้องบอกหลักการที่ต้องการให้ครบถ้วนเสียก่อน เช่นหากไม่ต้องการให้มีการลงคะแนนนอกราชอาณาจักร หรือไม่ต้องการให้มีการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าก็แค่ตัดส่วนนี้ออกไป หรือต้องการให้มีบทลงโทษกับผู้ที่ทุจริตการเลือกตั้ง ส.ส.ร. อย่างไรก็ควรจะเขียนกำกับเอาไว้ เพื่อให้ กกต. สามารถนำไปออกระเบียบต่อไปสำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.ร.
นางธิดา กล่าวว่า เป้าหมายของกลุ่มนปช.คือ ต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ของพรรคการเมืองใดๆ แต่นี่ไม่ใช่ร่างรัฐธรรมนูญของคนเสื้อแดง อยากขอเตือนพรรคการเมืองทั้งหลายว่า ประชาชนจับตาดูอยู่ว่า เขาต้องการรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด เราเตือนคุณแล้ว ซึ่งกระบวนการเป็นสิ่งที่สำคัญ การที่ประชาชนปฏิเสธรัฐธรรมนูญ 2550 เนื่องจากที่มาไม่ถูกต้อง การสนับสนุนให้มีการแก้ไขในครั้งนี้ ก็เพื่อแสดงเจตนารมณ์ให้เห็นว่าผู้มีบทบาทการกำหนดร่างรัฐธรรมนูญนั้น ไม่มีเลศนัย แต่หากพรรคการเมืองตั้งธงไว้ เราต้องเน้นกระบวนการที่ชอบธรรม และทำให้การคัดค้านต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล
นางธิดา กล่าวว่า ที่มาของส.ส.ร. จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้มีความชอบธรรม เราจะเสนอให้มีการเลือกตั้งโดยตรง 100 เปอร์เซ็นต์ ในจำนวน 100 คน หากมีมากเกินจะเป็นการจงใจให้ส.ส.ร. ไม่มีอำนาจ แต่หากน้อยเกินไป ก็จะเป็นการจัดตั้งรัฐธรรมนูญ 2550 ที่เราปฏิเสธ เพื่อความชอบธรรม เขาก็มีการทำประชามติเช่นกัน โดยมีอรหันต์เป็นผู้ร่าง แต่ในครั้งนี้ร่างประชาชนไม่ต้องการอรหันต์ แต่ต้องการประชาชนเป็นผู้ร่าง ไม่ใช่รัฐธรรมนูญของโจโฉ หรือ เล่าปี่ อย่างที่นายธีรยุทธ บุญมี นักวิชาการได้วิเคราะห์กลุ่มอำนาจทางการเมือง นี่จะเป็นก้าวแรกของการปรองดองอย่างแท้จริง และยั่งยืน
ทั้งนี้หากมีการกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครส.ส.ร.มากเท่าไร ก็จะเป็นการลดคนให้เหลือน้อยลง ที่สำคัญคือ จุดยืน คือประชาชน หากมีความเชี่ยวชาญแค่ไหน แต่ไม่มีจุดยืนเพื่อประชาชนก็ไร้ประโยชน์ อยากเสนอว่าข้อจำกัดใดๆ ก็ตามต้องลดให้น้อยลง ร่างของเราคุณสมบัติ มีอายุ 25 ปีขึ้นไป และไม่จำกัดวุฒิการศึกษา อยู่ในพื้นที่เพียง 1 ปี และเสนอให้จำนวนส.ส.ร. เป็นไปตามสัดส่วนประชากร
" ถ้าต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย แต่ไม่คำนึงถึงสิทธิประชาธิปไตยของประชาชน ก็ป่วยการที่จะได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ประชาธิปไตยเป็นทั้งเป้าหมาย และวิธีการ เราคำนึงถึงสิทธิประชาธิปไตยของประชาชน วิธีคิดเอาพื้นที่เป็นหลัก คือ วิธีคิดแบบอนุรักษ์นิยม ที่เห็นพื้นที่สำคัญกว่าประชาชน การเลือกตั้ง ส.ส.ร.นั้น ขึ้นอยู่กับวิธีคิด บางร่างอาจจะแบ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ 22 คน และประชาชนทั่วไปที่มาจากการเลือกตั้ง 77 คน จึงอยากถามว่าเหตุผลอะไรที่จะให้มีผู้ทรงคุณวุฒิ 22 คน นั่นคือตัวจริงที่จะเป็นผู้เขียน ใช่หรือไม่ ขอยืนยันว่านี่คือรัฐธรรมนูญของประชาชนทั้งหมด ไม่ใช่ของชนชั้นกลาง หรือชนชั้นสูง รัฐธรรมนูญดีๆ ของเรามีมาก ทั้งรัฐธรรมนูญปี 2489 , 2517, 2540 แต่กลับถูกฉีกทิ้ง ยิ่งรัฐธรรมนูญดีเท่าไร ก็ยิ่งถูกฉีกทิ้งง่าย" นางธิดา กล่าว
ขณะที่นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมาธิการฯ ติดใจในคำพูดของนางธิดา ในถ้อยคำที่ว่า “เราเตือนคุณแล้ว” จึงกล่าวโต้ตอบเชิงทีเล่นทีจริงว่า ขอให้นางธิดา กลับไปดูคำแปรญัตติของ นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยด้วย ว่าได้เคยแปรญัตติที่ขัดกับหลักการของนางธิดา หรือไม่
**"โคทม"เสนอเลือกตั้งส.ส.ร.200 คน
ด้านนายโคทม กล่าวว่า ข้อเสนอในเชิงหลักการ อยากเห็นรัฐธรรมนูญใหม่ร่างโดยตัวแทนของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน หลังจากนั้นต้องผ่านการลงประชามติ ถึงเวลาที่จะต้องเปิดโรงเรียนการเมืองครั้งใหญ่ และให้ประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดเนื้อหาด้วย หากเปิดรับทุกฝ่ายเข้าร่วม จะเป็นการสร้างความปรองดองผ่านการยกร่างในครั้งนี้ นอกจากนั้น เราควรจะปลูกฝังจิตสำนึก การยอมรับ ว่ารัฐธรรมนูญเป็นส่วนหนึ่งของอุดมการณ์ร่วม สร้างสัญญาประชาคมของคนไทย ส่วนที่มาและจำนวนส.ส.ร. นั้น ควรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทั้งหมด และให้ใช้เขตจังหวัดเลือกตั้ง โดยคำนวณจากสัดส่วนประชากร ไม่ควรมีมาจากการเลือกตั้งผ่านรัฐสภา ซึ่งบางจังหวัดอาจจะมี ส.ส.ร.มากกว่า 1 คน และควรจะมีจำนวนมากพอสมควร อาจจะเป็น 200 คน หรือมากกว่า 200 คนก็ได้
" เราต้องการป้องกันไม่ให้มีการบล็อกโหวต อยากเสนอให้ใช้ระบบเลือกตั้งคะแนนเสียงเดียว ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกได้เพียง 1 คน คุณสมบัติควรจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี และไม่กำหนดคุณวุฒิการศึกษา และอยากเสนอให้ กกต. จัดเวทีแนะนำตัวและหาเสียงให้แก่ส.ส.ร.ด้วย” นายโคมทม กล่าว
นายโคทม กล่าวอีกว่า คณะกรรมการยกร่างฯ ควรจะมีทั้งหมด 30 คน ประกอบด้วย ส.ส.ร.15 คน ตัวแทนจากผู้เชี่ยวชาญด้านนิติศาสตร์ 5 คน รัฐประศาสนศาสตร์ 5 คน และผู้มีประสบการณ์ร่างรัฐธรรมนูญ 5 คน และจะต้องมีจำนวนสตรีไม่น้อยกว่า 1ใน 3 ด้วย ทำการยกร่างภายใน 365 วัน และทำประชามติ 90 วัน และหลังจากร่างเสร็จแล้ว ควรจะเปิดโรงเรียนการเมืองให้ประชาชนได้เรียนรู้ เพื่อให้ประชาชนเกิดการยอมรับกติการ่วมกัน
ด้านนายเยี่ยมยอด กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้เกิดความเห็นต่างในสังคมค่อนข้างรุนแรง ร่างฉบับที่เราได้เสนอขึ้นมานั้น หลักการสำคัญคือ ให้มีการแก้ไข หรือยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 โดยการแก้ไขมาตรา 291 เพื่อให้มีส.ส.ร. มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ส.ส.ร.ต้องเป็นอิสระจากรัฐสภา พรรคการเมือง และนักการเมือง และต้องมีประชาชนเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง
ส่วนจำนวนส.ส.ร. ต้องคำนึงตามสัดส่วนของประชากรของประเทศ และไม่มีการกำหนดวุฒิการศึกษา โดยมีอายุ 18 ปีขึ้นไป และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง และไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ซึ่งตนอยากเห็นทิศทางในการปฏิรูปประเทศ และการเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตย
** อยากให้พระภิกษุสมัครส.ส.ร.ได้
ขณะที่นายนิรันดร์ กล่าวว่า อยากให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ทั้งฉบับ และมีส.ส.ร.ที่เป็นตัวแทนจากทุกภาคส่วน มีเลือกตั้งโดยตรงจากจังหวัดละ 1 คน เป็นจำนวนทั้งหมด 77 คน และมีผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ จำนวน 24 คน และให้มีการทำประชามติ
ทั้งนี้ ต้องการให้ที่มาของ ส.ส.ร. มาจาก 2 ฝ่ายได้แก่ 1. มาจากประชาชนโดยตรง และ 2. ฝ่ายวิชาการ ซึ่งคุณสมบัติไม่จำเป็นต้องจบปริญญาตรี และตนอยากเปิดโอกาสให้พระภิกษุ สามารถเป็นส.ส.ร.ได้ โดยให้ตัวแทนทางศาสนาเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
อย่างไรก็ตามนายสามารถ กล่าวสรุปว่า การเชิญภาคประชาชนมาแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้ จะช่วยให้กรรมาธิการแปรญัตติได้เร็วขึ้น โดยหลังครบกำหนดรับคำแปรญัตติของสมาชิกที่ไม่ได้เป็นกรรมาธิการฯ ในวันที่ 25 มี.ค. กรรมาธิการฯ จะสรุปความคิดเห็นและดำเนินการใช้ชั้นการแปรญัตติให้เร็วที่สุด แต่การพิจารณาจะไม่รวบรัด แต่จะเน้นพิจารณาให้ครบถ้วนทุกความเห็น
**ปชป.เสนอเลือกส.ส.ร.ใน120วัน
จากนั้นที่ประชุมได้เข้าสู่การพิจารณา มาตรา 291/5 เกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ซึ่งในร่างแก้ไขของคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดให้กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งส.ส.ร.ให้แล้วเสร็จภายใน 75 วัน นับตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) มีผลบังคับใช้
ทั้งนี้ กมธ. จากพรรคประชาธิปัตย์ หลายคน เสนอให้แก้ไขระยะเวลาการจัดการเลือกตั้งให้เป็น 120 วัน แทนจากเดิม 75 วัน
อย่างไรก็ตาม นายสามารถ แก้วมีชัย ประธานในที่ประชุม แสดงความเห็นว่า ให้ชะลอการพิจารณามาตรานี้ไว้ก่อน จนกว่ากกต.จะมีความเห็นออกมาอย่างเป็นทางการว่า ต้องการให้รัฐสภา ตราพ.ร.บ. รองรับการเลือกตั้ง ส.ส.ร.หรือไม่ จากนั้นค่อยกลับมาพิจารณาในมาตรานี้อีกครั้ง
** กกต.ถกข้อเสนอกมธ.แก้รธน.27 มี.ค.
นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า คาดว่าที่ประชุม กกต. จะมีวาระการพิจารณาข้อเสนอของคณะกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ในวันที่ 27 มี.ค.นี้ แต่ในเบื้องต้นในฐานะที่มีส่วนดูแลงานบริหารการเลือกตั้ง เชื่อว่าหากสภาฯ และวุฒิสภา ผ่านเป็นกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ร. ออกมาแล้ว กกต. นำไปออกระเบียบการเลือกตั้งโดยที่มีกฎหมายรองรับ ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนที่มีข้อเสนอจากคณะกรรมาธิการฯว่าจะให้เวลา กกต. 3 เดือน ยกร่าง พ.ร.บ. การเลือกตั้ง ส.ส.ร. นั้น นายบุญเกียรติ กล่าวว่า เวลา 3 เดือน ก็น่าจะเพียงพอในการยกร่างกฎหมาย เพียงแต่คณะกรรมาธิการ ฯ จะต้องบอกหลักการที่ต้องการให้ครบถ้วนเสียก่อน เช่นหากไม่ต้องการให้มีการลงคะแนนนอกราชอาณาจักร หรือไม่ต้องการให้มีการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าก็แค่ตัดส่วนนี้ออกไป หรือต้องการให้มีบทลงโทษกับผู้ที่ทุจริตการเลือกตั้ง ส.ส.ร. อย่างไรก็ควรจะเขียนกำกับเอาไว้ เพื่อให้ กกต. สามารถนำไปออกระเบียบต่อไปสำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.ร.