ASTVผู้จัดการรายวัน-แผนปรองดองส่อวงแตก กมธ.ปรองดอง แถลงร่วมคณะวิจัยสถาบันพระปกเกล้า อ้างมติกมธ.ให้ออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และโดนคดีอาญา พร้อมโละคดีที่คตส. ทำมาทั้งหมด "บิ๊กบัง"ย้ำไม่ได้ทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง "สนั่น ขจรประศาสน์" ชี้เร่งนิรโทษจะยิ่งเพิ่มความขัดแย้ง "แก้วสรร" จวกส.พระปกเกล้ารับงานนิรโทษฯ"แม้ว"ไล่ไปเปิดบริษัทที่ปรึกษา "เมียพล.อ.ร่มเกล้า" อัดซ้ำงานวิจัยสุดมั่ว ตอบโจทย์คนหนีความผิด ถาม"บิ๊กบัง"ยังมีความเป็นทหารเหลืออยู่หรือไม่
วานนี้ (21 มี.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ ซึ่งมี นายสนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ เป็นประธาน แถลงผลสรุปแนวทางการสร้างความปรองดองร่วมกับ คณะวิจัยของสถาบันพระปกเกล้า โดยเชิญตัวแทนหัวหน้าพรรคการเมือง ส.ส.และส.ว. มาร่วมรับฟัง
ทั้งนี้ เพื่อเปิดเวทีให้คณะผู้วิจัยของสถาบันพระปกเกล้า นายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ในฐานะหัวหน้าคณะวิจัย ชี้แจงเหตุผล และหลักการทำผลวิจัยและเปิดรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว
สำหรับผลสรุปแนวทางการสร้างความปรองดองนี้ คณะกรรมาธิการฯทั้งหมด 38 คน ส่วนใหญ่ 23 คน เห็นด้วย ที่จะให้ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คดีที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองทั้งหมด รวมถึงคดีการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินปี 2548 และคดีอาญา ที่มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง แต่ให้ยกเว้นกรณีความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัติรย์ ที่เห็นว่าควรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ
ส่วนกรณีการดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาจากระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ หรือ คตส. คณะกรรมาธิการส่วนใหญ่ 22 คน เห็นว่า มีมติเห็นชอบให้เพิกถอนผลทางกฎหมายที่ดำเนินการโดย คตส. ทั้งหมด และไม่นำคดีที่อยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบ และตัดสินไปแล้วมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง รวมทั้งจะต้องไม่ฟ้องร้อง คตส. เนื่องจากการกระทำของคตส.ในขณะนั้น เป็นไปตามหน้าที่
อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปดังกล่าวนี้ ถือยังไม่ใช่ข้อยุติ เนื่องจากคณะกรรมาธิการบางส่วนไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปดังกล่าว ดังนั้นจึงจะรอฟังความเห็นจากทุกฝ่ายที่เชิญมาในวันนี้ และนำไปพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมาธิการอีกครั้ง ก่อนจะลงมติครั้งสุดท้ายในสัปดาห์หน้า
ด้าน พล.อ.สนธิ เป็นประธานกล่าวเปิดการเสวนา รายงานวิจัยการสร้างความปรองดองแห่งชาติ ของสถาบันพระปกเกล้า โดยระบุว่า สภาผู้แทนราษฎรได้มอบหมายให้ตนดำเนินการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ โดยมีผู้แทนจากพรรคการเมือง หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมไปถึงสถาบันพระปกเกล้า ที่ทางคณะกรรมาธิการได้มอบหมายให้ทำการวิจัยการสร้างความปรองดองแห่งชาติ โดยคณะกรรมาธิการ และสถาบันพระปกเกล้ามีความเห็นตรงกันว่า การให้อภัย ยึดหลักเมตตาธรรม จะนำไปสู่ความปรองดองของคนในชาติ แต่จะต้องปฏิบัติอย่างจริงจัง และสม่ำเสมอ
**"หนั่น"ชี้เร่งนิรโทษยิ่งขัดแย้ง
ด้านพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น มีทั้งก่อนและหลังการรัฐประหาร ซึ่งการจะปรองดองได้ ต้องมีการพูดวามจริงถึงเหตุผลการรัฐประหารเมื่อปี พ.ศ. 2549 ให้ชัดเจน เพราะจะไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน โดยพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะกรรมาธิการปรองดองแห่งชาติ ควรพูดให้ชัดเจนว่า มีอำมาตย์ หรือบุคคลที่อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ เป็นผู้รู้เห็นในการทำรัฐประหารด้วยหรือไม่ ซึ่งหากไม่สามารถบอกถึงเหตุผลได้ ความปรองดองก็จะไม่เกิดขึ้น อีกทั้งการปรองดองจะใช้เสียงข้างมากของนักการเมือง คณะกรรมการ คอป. และสถาบันพระปกเกล้าไม่ได้ ควรต้องรับฟังความเห็นจากประชาชน รวมถึงให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะการปรองดองที่จะเกิดขึ้นในขณะนี้ คนไทยจะต้องให้อภัยซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้ พล.ต.สนั่น ได้ฝากถึงรัฐบาล กรณีการเร่งรัดนิรโทษกรรม โดยมองว่า หากมีการนิรโทษกรรมจริง ก็จะนำไปสู่ความขัดแย้ง และเกรงว่าจะมีการปะทะกันของหลายฝ่าย ที่ไม่เห็นด้วย
** จวกส.พระปกเกล้ารับงาน"แม้ว"
นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้า ที่ให้เพิกถอนผลทางกฎหมายที่ดำเนินการโดย คตส.ทั้งหมด และไม่นำคดีที่อยู่ระหว่างกระบวนการ และตัดสินไปแล้วมาพิจารณาใหม่อีกครั้งว่า ในระหว่างที่คตส.ปฏิบัติงาน เราได้ทำตามกระบวนการ และกฎหมายปกติทุกอย่าง ไม่ใช่การตั้งกลุ่มเฉพาะขึ้นมาเพื่อจะเร่งรัด หรือเรื่องให้มันเสร็จเร็วแต่อย่างใด
" ผมว่าสถาบันพระปกเกล้า ควรจะไปเปิดเป็นบริษัทที่ปรึกษาอะไรสักอย่างดีกว่า เลิกเรียกตัวเองว่าเป็นสถาบันพระปกเกล้าได้แล้ว และควรจะถวายชื่อของสถาบัน คืนให้วังไป เพื่อไม่ให้เสียหายไปกว่านี้ " นายแก้วสรร กล่าว
** อัดงานวิจัยสุดมั่ว
นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยาของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม กล่าวหลังการเข้าร่วมรับฟังการเปิดเวทีสาธารณะของ กมธ.ปรองดองว่า ตนตั้งใจมาร่วมฟัง ทั้งที่ไม่ได้รับเชิญ และอยากแสดงความเห็น เพราะ47 ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่คณะผู้ทำวิจัยของสถาบันพระปกเกล้า ไปสัมภาษณ์ ไม่มีกลุ่มญาติของผู้เสียชีวิตในส่วนที่เป็นเจ้าหน้าที่ทหารเลย ซึ่งคิดว่าเป็นตัวแสดงหนึ่งที่ในรายงานกล่าวถึงตลอดเวลา ว่า ที่คณะผู้วิจัยออกมาพยายามบอกว่า ต้องให้อภัย หมายถึง กลุ่มญาติของทหารที่เสียชีวิตด้วยหรือไม่ ซึ่งผู้วิจัยน่าจะฟังความเห็น ความรู้สึกของคนกลุ่มนี้บ้าง แต่ก็ไม่มีในกลุ่ม 47 คน ที่ผ่านมาตนได้อ่านรายงานของคณะผู้วิจัยหลายครั้ง พยายามเอาใจเขามาใส่ใจเราเหมือนกับคณะผู้วิจัยบอกว่า ได้ตั้งธงว่าเป็นรายงานที่จะนำไปสู่ความปรองดอง และไม่ต้องการให้เกิดการเสียชีวิตขึ้นมาอีก หรือต้องการความรุนแรงอีก เป็นรายงานที่เกิดจากความรู้สึกของคนที่สูญเสีย แต่เราเข้าใจรายงานฉบับนี้แล้ว ยอมรับได้ยาก แต่ถ้าเป็นคนอ่านที่เป็นคนที่กำลังต่อสู้ดิ้นรน เพื่อให้พ้นจากความผิด รายงานฉบับนี้ตอบโจทย์ มีหลายประเด็นที่ขัดแย้งกันเอง ในเรื่องตรรกะ หรือความจริง
นางนิชา กล่าวว่า การที่ พล.อ.สนธิ เปิดการประชุมว่า การปรองดองประชาชนทุกฝ่ายเห็นด้วย ยกเว้นฝ่ายการเมืองที่ไม่เห็นด้วย จึงอยากถามว่า ประชาชนทุกฝ่าย มีการไปถามความเห็นของเขาตั้งแต่เมื่อไร และมีประชาชนได้แสดงความคิดเห็นผ่านเวทีไหนบ้าง และที่ผ่านมาได้สอบถามคณะผู้วิจัยว่า ขั้นตอนการวิจัย เสนอกันอย่างไร คณะผู้วิจัยให้ตนได้ดูในเอกสารรายงาน ซึ่งคือ
1. การค้นหาข้อเท็จจริง ซึ่งอีก 6 เดือนที่จะเสร็จ อาจมีการไปทบทวนข้อเท็จจริงก็ได้ และอย่าเปิดเผยผู้กระทำความผิด แต่ในรายงานนั้นเอง กลับบอกว่า การปรองดองผู้กระทำความผิด ต้องออกมายอมรับ การทำความผิดอย่างจริงใจ บริสุทธิ์ใจ มันก็ขัดแย้งกันเองแล้ว
2. การนิรโทษกรรม และการให้อภัย และ 3. กระบวนการยุติธรรม ซึ่งตรงนี้ไม่สำคัญคงไม่ได้ เพราะมันคือ ความจริง หลักการและเหตุผลของสังคมที่จะอธิบายเหตุผลในการนิรโทษกรรม และให้อภัย แต่ถ้าข้ามผ่านกระบวนการยุติธรรมไปตามรายงานฉบับนี้ ก็อธิบายไม่ได้ว่า จะนิรโทษกรรมเพราะอะไร ให้อภัยเพราะอะไร และในส่วนของการนิรโทษกรรม ทางเลือกที่ 1 จากที่ทราบในรายงานข่าวว่า กมธ.ปรองดอง ว่าเห็นด้วยกับทางเลือกที่ 1 ว่านิรโทษทั้งคดีฝ่าฝืนคำสั่งในพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และคดีอาญา แต่ผู้วิจัยมีความเห็นในข้อสังเกตว่า วิธีการนี้ทำให้คนผิด ไม่ยอมรับผิด แต่ปรัชญาของผู้วิจัย ระบุว่า ผู้เกี่ยวข้องต้องรับผิดต่อการกระทำของตนเองอย่างจริงใจ ฉะนั้น ทางเลือกนี้ก็ขัดกับแนวคิดของผู้วิจัยเอง แล้วจะกลายเป็นทางเลือกได้อย่างไร ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นทางเลือก
**เหมือนถูกบังคับต้องให้อภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะผู้สูญเสีย แนวทางนี้ให้ความเป็นธรรมกับผู้สูญเสียกับสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 2 ปีที่ผ่านมาหรือไม่ นางนิชา กล่าวว่า ตามหลักการที่เข้าใจ และควรจะเป็นคือ การค้นหาข้อเท็จจริง และค่อยไปที่กระบวนการยุติธรรม จากนั้นก็ไปสู่กระบวนการนิรโทษกรรม และให้อภัย แต่ตอนนี้กระบวนการยังสับกันเช่นนี้ คงจะอธิบายอะไรไม่ได้
เมื่อถามย้ำว่า รู้สึกว่าถูกบีบให้ปรองดองหรือไม่ นางนิชา กล่าวว่า ในรายงานผลวิจัยระบุไว้ว่า ต้องให้อภัย ซึ่งดูเหมือนเป็นการบังคับ ฝืนใจกันได้หรือ การบังคับ การฝืนใจ มันจะนำไปสู่การปรองดองกันได้หรือ เท่ากับเป็นคลื่นใต้น้ำที่จะรอวันปะทุขึ้นมาในวันข้างหน้าเท่านั้นเอง ความรู้สึกที่เก็บไว้ ก็จะระเบิดขึ้นมา ก็ไม่ใช่การปรองดองที่ยั่งยืน
เมื่อถามว่าหลังจากพูดคุยกับ พล.อ.สนธิ แล้ว รู้สึกอย่างไร นางนิชา กล่าวว่า ได้เรียนว่าเราเป็นครอบครัวทหาร แต่ในรายงานผลงานวิจัย ไม่ได้ครอบคลุมถึงกลุ่มครอบครัวผู้เสียชีวิตที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติตามหน้าที่ คิดว่าคงไม่ครอบคลุม มีแต่รายชื่อของ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นผู้ให้ข้อมูลเชิงลึกในฐานะที่เป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือในฐานะของครอบครัวผู้ที่เสียชีวิต แม้จะเป็นผู้เสียชีวิต แต่ก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของครอบครัวของเจ้าหน้าที่รัฐที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นจึงยังไม่มีมุมมองที่ครบถ้วน ซึ่งพล.อ.สนธิ ก็บอกว่าให้ไปคุย
เมื่อถามย้ำว่า จะช้าไปหรือไม่ เพราะกระบวนการทำวิจัยของสถาบันพระปกเกล้ากำลังจะเสร็จสิ้นแล้ว นางนิชา กล่าวว่า ได้บอกท่านไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่บอกไปจะมีประโยชน์หรือไม่ จะมีความหวังก็คือ ที่ท่านเป็นทหาร และที่ไปคุยก็ในฐานะครอบครัวทหาร
**ปชป.ค้านใช้พวกมากลากไป
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า ทางพรรคได้ยกเลิกการประชุมครม.เงากลางคัน โดยทางนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคณะได้ไปร่วมงานเวทีสาธารณะที่กมธ.ปรองดองได้จัด ทั้งนี้นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคฯกล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์ ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถามไปถึง คณะผู้วิจัย ถึง 2 ครั้ง แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ จึงเห็นว่า รายงานผลสรุปการวิจัยยังไม่ครบถ้วน ทั้งข้อเท็จจริง และไม่ครอบคลุมถึงเหตุการณ์ต่างๆในช่วงที่ผ่านมา แต่มีการสรุปผลวิจัยแล้ว ยิ่งทราบว่ามีการลงมติในข้อเสนอของผลวิจัย ทั้งที่เดิมระบุว่า เสนอเป็นทางเลือก และจะเปิดเผยต่อสังคมพื่อให้มีการแสดงความคิดเห็น เพื่อให้ตกผลึกในสังคม แต่กมธ.ปรองดอง กลับแอบอ้างลงมติโดยใช้เสียงข้างมาก ทั้งที่การลงมติครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการรับ หรือไม่รับผลการวิจัยดังกล่าวของสถาบันพระปกเกล้า
**แฉแผนโละคดีส.ส.แดง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างปรองดองแห่งชาติ กล่าวว่า กรรมาธิการเสียงข้างน้อย พรรคประชาธิปัตย์ จะทำหนังสือคัดค้านแนวทางสร้างความปรองดอง ของกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่ที่เห็นว่า ให้มีการนิรโทษกรรมคดีการชุมนุมทางการเมืองที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมถึงคดีอาญาที่มีวัตถุประสงค์การเมือง และการให้เพิกถอนผลทางกฎหมายที่ดำเนินการโดยคตส.ทั้งหมด ซึ่งกระบวนการเชื่อว่าจะทำให้เสร็จก่อนปิดสมัยการประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติ ในวันที่ 18 เม.ย. เพื่อป้องกันไม่ให้ส.ส.เสื้อแดงอย่างน้อย 30 คนที่มีคดีอาญาติดตัว ต้องถูกศาลตัดสินในช่วงที่ไม่มีเอกสิทธิ ส.ส.คุ้มครอง.