xs
xsm
sm
md
lg

จะปรองดองได้ ดุลอำนาจต้องทัดเทียมกัน !

เผยแพร่:   โดย: คำนูณ สิทธิสมาน

ด้านหนึ่ง – คดี 16 ศพที่ถูกระบุว่าเป็นฝีมือทหารเข้าสู่กระบวนการไต่สวนในศาลแล้ว

ด้านหนึ่ง – คดีก่อการร้ายรวมทั้งการฆาตกรรมทหารที่มีทักษิณ ชินวัตรและบรรดาแกนนำนปช.เป็นผู้ต้องหา ไม่คืบหน้า ยังไปไม่ถึงศาล ติดอยู่ชั้นอัยการ

ไม่รู้ว่านี่จะเรียกว่า “2 มาตรฐาน” ได้หรือไม่ ?

เรื่องคดี 16 ศพนี้ผมพูดมาหลายครั้งแล้วว่ากองทัพจะนิ่งนอนใจนั่งทอดหุ่ยอยู่เฉย ๆ โดยถือว่ายังไม่ถึงขั้นฟ้องร้องดำเนินคดีทหารคนใด เพียงแค่ไต่สวนชันสูตรพลิกศพตามขั้นตอนเท่านั้น เชื่อว่าทหารทุกคนจะได้รับความคุ้มครองจากพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯและ ฯลฯ รวมทั้งเชื่อว่าอีกไม่นานคงมีกฎหมายนิรโทษกรรมทุกฝ่ายออกมา จึงดูไม่สู้จะใส่ใจขวนขวายแต่งทนายความเข้าไปต่อสู้ตามช่องทางที่พอจะร้องขอต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150 วรรคเก้า

การต่อสู้คดีในชั้นศาลมีความละเอียดอ่อน นอกจากจะไม่ทนายเข้าไปต่อสู้ในการไต่สวนในทุกคดีทุกศพแล้ว ไม่รู้ว่ากองทัพเตรียมการให้นายทหารพระธรรมนูญเข้าไปให้คำปรึกษานายหทารที่ต้องโดยหมายเรียกจากศาลเข้าไปเบิกความหรือไม่

หรือจะปล่อยไปตามยถากรรม !

อันที่จริงถ้ารู้ว่ากองทัพไม่พร้อม น่าจะขอความช่วยเหลือมายังสภาทนายความแห่งประเทศไทยให้ช่วยส่งทนายความอาสาเข้ามาเป็นที่ปรึกษาของกองทัพ เป็นพี่เลี้ยงให้นายทหารระดับพันเอกพันโทลงมาถึงร้อยเอกที่จะต้องเบิกความ

ขอย้ำนะครับว่าไม่ต้องให้คดีถึงขั้นฟ้องร้องหรอก แค่ศาลมีคำสั่งว่า 16 ศพเป็นการตายที่เกิดขึ้นโดยเจ้าพนักงานที่อ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ก็มีผลเสียทางการเมืองใหญ่หลวงแล้ว

ส่วนคดีอีกด้านหนึ่งเป็นคดีก่อการร้าย

ในสำนวนสอบสวนคดีพิเศษที่ 1822553 ของดีเอสไอ จับผู้ต้องหาได้หลายคน รวมทั้งคนที่ถูกกล่าวหาว่ายิงเอ็ม 79 ใส่กลุ่มพ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ต้องหาที่ 1 บางคนเอาไปขังไว้ไม่ให้ประกันตัว แต่ในที่สุดก็ให้ประกันหมดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 โดยมติครม.เดือนหนึ่งก่อนหน้านั้นที่ขอให้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือขอประกันตัว พอประกันแล้วพวกเขาก็ได้ยื่นขอความเป็นธรรมไปที่อัยการสูงสุด

จากวันที่ดีเอสไอส่งสำนวนไปที่อัยการเมื่อเดือนกรกฎาคม 2553 จนถึงบัดนี้ยังไม่ฟ้องศาล

มีพยานปากหนึ่งในสำนวนนี้ให้การว่าเป็นการ์ดของกลุ่มนปช. ได้วันละ 900 บาท ประสานงานกับเสธ.แดงในการหาข่าวทางทหารส่งให้เสธ.แดง เขาได้รับมอบหมายให้ขับขี่รถจักรยานยนต์ดาวกระจายไปที่ต่าง ๆ และนปช.เคยฝึกเป็นนักรบพระเจ้าตากกับ เสธ.แดงที่สนามหลวง โดยการชักชวนของเพื่อน มีผู้ต้องหาร่วมคดีหลายคนร่วมฝึกด้วย มีการฝึกสอนและใช้ยิงอาวุธปืนและเครื่องยิงระเบิด และพยานยังทราบว่าเสธ.แดงซึ่งในสำนวนคดีนี้เป็นผู้ต้องหาที่ 18 เก็บอาวุธสงครามต่าง ๆ ไว้ภายในโรงแรมรัตนโกสินทร์ที่เช่าพักไว้ โดยมีผู้ต้องหาคนหนึ่งเป็นคนเฝ้า

ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน 2552 ผู้ต้องหาคนหนึ่งได้ใช้เครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 ยิงก่อกวนกลุ่มพันธมิตรฯที่สนามหลวง ทั้งยืนยันว่าผู้ต้องหาคนนี้ใช้อาวุธเอ็ม 79 ยิงใส่บริเวณโรงเรียนสตรีวิทยาจนพ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรมเสียชีวิต มีทหารบาดเจ็บสาหัสหลายนาย และยังเอ็ม 79 ใส่ประชาชนคนเสื้อหลากสีที่ศาลาแดง ที่พรรคประชาธิปัตย์ และยิงใส่ตำรวจด้วย

นอกจากนั้นพยานคนนี้ยังให้การว่ามีบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดอีกจำนวนมาก และแกนนำบนเวทีก็รู้เห็น และทราบว่ามีกองกำลังติดอาวุธ หรือกองกำลังชุดดำรวมอยู่ด้วย เพราะมีการเบิกจ่ายอาวุธปืนกันอยู่เสมอ ซึ่งเก็บไว้ที่เต้นท์หลังเวทีชุมนุม โดยมีนายพิทักษ์ไม่ทราบนามสกุลเป็นผู้เก็บรักษา

พยานคนนี้ยังเคยเห็นเสธ.แดงติดต่อรายงานพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรทางโฟนอินหรือทางคอมพิวเตอร์ระหว่างชุมนุม เสธ.แดงทำหน้าที่สั่งการควบคุมกองกำลังติดอาวุธ ส่วนนายอารีย์ ไกรนรา ทำหน้าที่ควบคุมกองกำลังการ์ดของคนเสื้อแดงทั้งหมด

นี่คือส่วนหนึ่งของสำนวนคดีที่ดีเอสไอทำมาตั้งแต่ต้น

แต่บัดนี้มีการร้องขอความเป็นธรรมไปที่อัยการสูงสุด จึงยังไม่สั่งฟ้อง เชื่อได้ว่าในที่สุดของกระบวนการอาจมีการสั่งไม่ฟ้อง

เพราะวันนี้ท่าทีของดีเอสไอก็ไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว ดูจากการให้สัมภาษณ์ระบุว่ากรณีสังหารพ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรมอยู่ในกลุ่มคดีที่หาผู้ต้องกาไม่ได้ ซึ่งแตกต่างไปจากสำนวนคดีที่คนดีเอสไอทำมากับมือ

คดีก่อการร้ายคือคดีหลัก เพราะครอบคลุมเหตุการณ์ตลอดสองสามเดือน

คดี 16 ศพเป็นคดีย่อย ๆ ที่เกิดจากคดีหลัก เพราะส่วนใหญ่เป็นเหตุการณ์ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2553

การที่คดีหลักหยุดนิ่งจึงมีผล !


การออกมาของทหารเพราะมีการก่อการร้ายตามข้อกล่าวหาในคดีหลัก ต่างกับการออกมารักษาความสงบตามปกติในขณะมีการชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรม

ผมไม่ได้ขวางการปรองดอง

แต่การปรองดองในโลกนี้ปกติจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อ 2 ฝ่ายมีดุลกำลังทัดเทียมกัน อาทิสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียตในอดีต

ในกรณีนี้ ถ้าทั้งสองฝ่ายมีคดีความถึงชั้นศาลเหมือนกัน ก็ถือได้ว่าดุลกำลังทัดเทียมกันในระดับสำคัญ แต่นี่การณ์ไม่เป็นเช่นนั้น ทหารกำลังจะต้องเดินหน้าขึ้นศาล แต่ผู้ต้องหาอีกฝากหนึ่งมีอำนาจทางการเมือง แถมได้เงินเยียวยาก้อนโตไป การปรองดองที่จะเกิดขึ้นจึงกลายเป็นว่าฝ่ายหนึ่งจำต้องรอความเมตตาเพื่อให้คดีความไม่เดินหน้าไปถึงขั้นตอนสำคัญ

เมื่ออำนาจต่อรองไม่เท่าเทียมกันเสียแล้วความยุติธรรมที่ทั้งสองฝ่ายพอใจจึงไม่อาจจะเกิดขึ้นได้

แต่ก็ไม่แน่

บ้านเราอาจเดินมาถึงจุดที่ฝ่ายหนึ่งกำลังจะชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยอีกฝ่ายเป็นได้แค่ตัวตลก

แต่ก็ต้องถามว่าฝ่ายที่ชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเมื่อไรจะยอมเสียสละตัวเอง อันจะทำให้เกิดเงื่อนไขความปรองดองที่ยั่งยืนถาวรขึ้นมาได้อีกทางหนึ่ง

น่าเสียดายที่ยังมองไม่เห็น

การปรองดองบนพื้นฐานดุลอำนาจที่ไม่ทัดเทียมกันที่กำลังจะเกิดขึ้นจึงเป็นเพียงแค่ความปรองดองปลอม ๆ ที่รอวันปะทุความขัดแย้งรอบใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น