วานนี้ (12 มี.ค.55) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นตรวจสอบผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะไม่พอใจที่ให้นายกฯทบทวนการแต่งตั้ง นางนลินี ทวีสิน และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรัฐมนตรีว่า พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลชอบอ้างตัวว่าสนับสนุนประชาธิปไตย แต่กลับไม่เข้าใจหัวใจของประชาธิปไตยที่ต้องเคารพกระบวนการตรวจสอบ จึงอยากให้หยุดพฤติกรรมเช่นนี้ และเคารพการตัดสินขององค์กรตรวจสอบ
“กรณีมติของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ออกมาระบุว่าการแต่งตั้ง 2 รัฐมนตรี ไม่ผิดจริยธรรม เพราะเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นก่อนรับตำแหน่ง นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาขอบคุณและชมเชยผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ในส่วนไหนที่ตัดสินไม่ถูกใจก็คิดจะเล่นงานผู้ตรวจการถึงขนาดมีรัฐมนตรีบางคนระบุว่าผู้ตรวจบางคนเป็นคู่สมรสตุลาการเสียงข้างน้อยในคดีซุกหุ้นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งถือว่าไม่ควรหยิบยกเรื่องลักษณะนี้ขึ้นมา สิ่งที่รัฐบาลทำคือพยายามกดดันคนที่ตรวจสอบตัวเอง ซึ่งตนเชื่อว่าผู้ที่ทำหน้าที่จะไม่หวั่นไหว เพราะแม้ว่าหวั่นไหวก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากคนที่เหลิงอำนาจ ถ้าใครยิ่งกลัวก็จะยิ่งถูกกด” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนที่รัฐบาลพยายามอ้างว่าองค์กรอิสระและศาลไม่มีกระบวนการตรวจสอบ ทำให้ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อกำหนดระบบตรวจสอบนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะทุกองค์กรถูกตรวจสอบได้ทั้งกระบวนการถอดถอน และกระบวนการทางกฎหมาย โดยพรรคเพื่อไทยควรจะปล่อยให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ ซึ่งตนรู้สึกเป็นห่วงว่าในขณะนี้ใครก็ตามที่เห็นไม่ตรงกับรัฐบาลจะถูกคุกคามข่มขู่หรือกดดันด้วยวิธีการต่าง ๆ ซึ่งเป็นการสร้างบรรยากาศที่ย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง สวนทางกับการผลักดันเรื่องการปรองดอง
นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า หากจะตรวจสอบผู้ตรวจฯก็ไม่เป็นไร ถ้ามีการตรวจสอบ เราก็ยินดี เพราผู้ตรวจการฯทำหน้าที่ด้วยความสุจริต หากพรรคเพื่อไทยเห็นว่าเราก้าวล่วง ก้าวก่ายแทรกแซง แต่เรื่องนี้เป็นดุลยพินิจของผู้ตรวจการแผ่นดิน และเราก็มีเหตุผล เพราะการตรวจสอบจริยธรรมจะต้องมีผู้ร้องเรียนเข้ามาซึ่งผู้ตรวจแผ่นดินไม่สามารรถหยิบยกมาพิจารณาเองได้
“มติของผู้ตรวจการแผ่นดินกรณีดังกล่าวเป็นเพียงข้อเสนอไม่ใช่คำสั่ง เราไม่บังอาจไปสั่งว่านายกฯต้องชี้แจงภายใน 30 วันแต่เป็นข้อเสนอแนะ ซึ่งพรรคเพื่อไทยอาจเข้าใจผิด และหากไม่ดำเนินการ ผู้ตรวจฯก็ไม่ได้มีมาตรการอะไรต่อ นอกจากแค่รายงานผลต่อครม.และรัฐสภาเท่านั้น แต่เวลานี้ไปเข้าใจกันผิด เราไม่ได้มีความประสงค์ที่จะสั่งนายก เรามีหน้าที่เสนอหน่วยงานรัฐ และก็ได้เสนอสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนนตรีแล้ว ที่ให้การพิจารณาแต่งตั้งรัฐมนตรีครอบคลุมมาตรา 279 วรรค4 ด้วย”
ส่วนที่ระบุว่าผู้ตรวจการแผ่นดินตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองนั้น นายศรีราชา กล่าวว่า คงไม่เป็น เพราะเราตรงไปตรงมา มีความเป็นกลาง เพราะหากไม่เป็นกลาง ก็อยู่ไม่ได้ ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องเป็นหลักให้กับแผ่นดินทำตัวให้มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งตนสามารถรับประกันได้ .
“กรณีมติของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ออกมาระบุว่าการแต่งตั้ง 2 รัฐมนตรี ไม่ผิดจริยธรรม เพราะเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นก่อนรับตำแหน่ง นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาขอบคุณและชมเชยผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ในส่วนไหนที่ตัดสินไม่ถูกใจก็คิดจะเล่นงานผู้ตรวจการถึงขนาดมีรัฐมนตรีบางคนระบุว่าผู้ตรวจบางคนเป็นคู่สมรสตุลาการเสียงข้างน้อยในคดีซุกหุ้นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งถือว่าไม่ควรหยิบยกเรื่องลักษณะนี้ขึ้นมา สิ่งที่รัฐบาลทำคือพยายามกดดันคนที่ตรวจสอบตัวเอง ซึ่งตนเชื่อว่าผู้ที่ทำหน้าที่จะไม่หวั่นไหว เพราะแม้ว่าหวั่นไหวก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากคนที่เหลิงอำนาจ ถ้าใครยิ่งกลัวก็จะยิ่งถูกกด” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนที่รัฐบาลพยายามอ้างว่าองค์กรอิสระและศาลไม่มีกระบวนการตรวจสอบ ทำให้ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อกำหนดระบบตรวจสอบนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะทุกองค์กรถูกตรวจสอบได้ทั้งกระบวนการถอดถอน และกระบวนการทางกฎหมาย โดยพรรคเพื่อไทยควรจะปล่อยให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ ซึ่งตนรู้สึกเป็นห่วงว่าในขณะนี้ใครก็ตามที่เห็นไม่ตรงกับรัฐบาลจะถูกคุกคามข่มขู่หรือกดดันด้วยวิธีการต่าง ๆ ซึ่งเป็นการสร้างบรรยากาศที่ย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง สวนทางกับการผลักดันเรื่องการปรองดอง
นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า หากจะตรวจสอบผู้ตรวจฯก็ไม่เป็นไร ถ้ามีการตรวจสอบ เราก็ยินดี เพราผู้ตรวจการฯทำหน้าที่ด้วยความสุจริต หากพรรคเพื่อไทยเห็นว่าเราก้าวล่วง ก้าวก่ายแทรกแซง แต่เรื่องนี้เป็นดุลยพินิจของผู้ตรวจการแผ่นดิน และเราก็มีเหตุผล เพราะการตรวจสอบจริยธรรมจะต้องมีผู้ร้องเรียนเข้ามาซึ่งผู้ตรวจแผ่นดินไม่สามารรถหยิบยกมาพิจารณาเองได้
“มติของผู้ตรวจการแผ่นดินกรณีดังกล่าวเป็นเพียงข้อเสนอไม่ใช่คำสั่ง เราไม่บังอาจไปสั่งว่านายกฯต้องชี้แจงภายใน 30 วันแต่เป็นข้อเสนอแนะ ซึ่งพรรคเพื่อไทยอาจเข้าใจผิด และหากไม่ดำเนินการ ผู้ตรวจฯก็ไม่ได้มีมาตรการอะไรต่อ นอกจากแค่รายงานผลต่อครม.และรัฐสภาเท่านั้น แต่เวลานี้ไปเข้าใจกันผิด เราไม่ได้มีความประสงค์ที่จะสั่งนายก เรามีหน้าที่เสนอหน่วยงานรัฐ และก็ได้เสนอสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนนตรีแล้ว ที่ให้การพิจารณาแต่งตั้งรัฐมนตรีครอบคลุมมาตรา 279 วรรค4 ด้วย”
ส่วนที่ระบุว่าผู้ตรวจการแผ่นดินตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองนั้น นายศรีราชา กล่าวว่า คงไม่เป็น เพราะเราตรงไปตรงมา มีความเป็นกลาง เพราะหากไม่เป็นกลาง ก็อยู่ไม่ได้ ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องเป็นหลักให้กับแผ่นดินทำตัวให้มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งตนสามารถรับประกันได้ .