xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ย้ำไม่จำเป็นกู้เงินป้องน้ำท่วม ชี้ปัญหาตั้ง “นลินี-ณัฐวุฒิ” ยังไม่จบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (แฟ้มภาพ)
“อภิสิทธิ์” กังขารัฐบาลเตรียมจะกู้เงิน 2.5 หมื่นล้านบาทบริหารจัดการน้ำทำไม ในเมื่องบกลางยังมีอีกมากมาย ส่วนปัญหาการแต่งตั้ง “นลินี-ณัฐวุฒิ” ยังไม่จบ หลังผู้ตรวจการฯ วินิจฉัยนายกฯ ตั้ง 2 รมต.ไม่รอบคอบ ให้กลับไปทบทวนใหม่ใน 30 วัน

วันนี้(7มี.ค.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ ผ่านรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel ถึงแผนการบริหารจัดการน้ำ ที่ ครม.มีมติอนุมัติ 246 โครงการ เป็นจำนวนเงิน 2.5 หมื่นล้าน เมื่อดูภาพรวมงบประมาณ และแผนงานที่ออกมาล่าสุด มองว่าตัวโครงการเองส่วนใหญ่เท่าที่ดูผ่านๆ ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะมีความจำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งหัวใจในเรื่องนี้เป็นเรื่องการบริหารจัดการ เรื่องฟลัดเวย์ ว่าจะทำให้ประชาชนและนานาประเทศมั่นใจได้อย่างไร สำหรับในเรื่องงบประมาณนั้นตนไม่แน่ใจว่าจำเป็นต้องใช้เงินกู้ เพราะยังมีเงินจากงบกลางที่ยังเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก

“ผมคิดว่าแผนที่ออกมานั้นส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เป็นที่แปลกใจ คือเสมือนกับเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นที่จะต้องทำ ดังนั้น ตัวโครงการเองผมคิดว่าส่วนใหญ่เท่าที่ดู ผ่านๆ ไปก็ไม่ได้มีปัญหา มันมีความจำเป็นที่ต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ก็ว่ากันไป แต่ผมเองยังไม่แน่ใจว่าตรงนี้จะไปใช้เงินจากเงินกู้ใช่หรือไม่ ความจริงผมก็อยากจะบอกว่า เงินงบประมาณ งบกลางยังเหลือเยอะมาก น่าจะใช้ตรงนี้เสียก่อน และการที่จะไปกู้เงินนั้นรัฐบาลก็ต้องเสนอกรอบเข้าสู่สภาฯ ให้ทราบก่อนตามกฎหมาย ขณะเดียวกันก็ต้องใช้เวลาในการไปกู้เงิน คงไม่ได้หมายความว่าทำวันนี้ พรุ่งนี้ได้เงินกู้เลย เพราะฉะนั้นผมยังคิดว่าเงินตัวนี้ในที่สุดทำไมไม่ไปใช้เงินงบกลางซึ่งมีอยู่ในเรื่องน้ำท่วมเสียก่อน ก็คงจะต้องติดตามตรงนี้อีกที ผมไม่แน่ใจว่าในมติ ครม.เมื่อวานนี้ที่อนุมัติแล้วมีการระบุชัดเจนหรือไม่ ต้องมีการตรวจสอบกันอีกครั้ง”

ส่วนที่ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภามีมติเกี่ยวกับการตรวจสอบการแต่งตั้งนางนลินี ทวีสิน และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรัฐมนตรีนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าในการพิจารณามี 2 ส่วน คือ ส่วนของผู้ที่ถูกแต่งตั้ง 2 คน มีการพิจารณาว่าในขณะที่ดำรงตำแหน่ง ทั้ง 2 คนไม่ได้ทำเรื่องตามที่ได้ร้องเรียน ส่วนการพิจารณาในส่วนผู้ที่แต่งตั้งนั้น มีมติว่า ผู้ที่แต่งตั้งนั้นขาดความรอบคอบ และให้กลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งภายใน 30 วัน

“เข้าใจว่าทางผู้ตรวจการฯ นั้นแยกการพิจารณาเป็น 2 ส่วน คือ คนที่ตั้ง ตัวนายกฯ มีเลขาฯ ครม.ที่เข้าไปเกี่ยวข้องในกระบวนการของการตั้ง แล้วก็คนที่ถูกตั้งก็มี 2 คน สิ่งที่ผู้ตรวจการฯ พูดในส่วนของคนที่ถูกตั้ง 2 คน คือ คุณณัฐวุฒิ กับคุณนลินี เข้าใจว่าผู้ตรวจการฯ บอกว่า พฤติกรรมที่มีการร้องเรียนทั้งหลายนั้นเป็นเรื่องอดีต เพราะฉะนั้นคล้ายๆ กับว่าตรงนี้ก็จึงไม่มีปัญหาที่จะต้องพิจารณาว่าผิดหรือไม่ผิดจริยธรรม เพราะว่าเหมือนกับถูกร้องในขณะดำรงตำแหน่ง เขาไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้ในระหว่างดำรงตำแหน่งก็จบไปก่อน”

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนคนที่ตั้งตัวเลขาฯ ครม. เขาก็บอกว่าไม่ได้มีอะไร ก็หมายความว่าทำตามหน้าที่อะไรต่างๆ ไปแล้ว แต่ว่าก็บอกว่า นายกฯ นั้นขาดความรอบคอบ ในความหมายที่ว่าควรจะได้มีการพิจารณาประเด็นที่เป็นที่มาของการร้องเรียน เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็จึงเป็นที่มาที่บอกว่าให้ไปดูอีกทีว่าการตั้งนั้น คล้ายกับไปทบทวนว่ามันกระทบเกียรติภูมิของประเทศอะไรหรือไม่

โดยสรุปฟังแล้วก็หมายความว่า ทางผู้ตรวจการฯ ก็บอกเหมือนกับที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่า มันน่าจะมีประเด็นความเหมาะสม ไม่เหมาะสมอยู่ ที่จะต้องพิจารณามากกว่าที่จะบอกว่าไม่มีอะไร ก็ให้นายกฯ ไปดู ก็เป็นมติที่กลางๆ เท่ากับเรื่องยังไม่จบในแง่หนึ่ง ก็เป็นเรื่องที่ทางนายกฯ จะต้องไปพิจารณาแล้วก็รู้สึกว่าต้องชี้แจงกันอีกรอบหนึ่ง

สำหรับรายละเอียดในเรื่องการให้ความสำคัญระหว่างกฎหมายกับจริยธรรมนั้น นายอภิสิทธิ์มองว่า ไม่มีอะไรสูงกว่ากัน แต่เป็นเรื่องความเหมาะสมที่จะใช้หลักใดพิจารณา

“ผมไม่คิดว่าอะไรสูงกว่าอะไร แต่เป็นเรื่องของความเหมาะสมที่จะใช้หลักต่างๆ คือกฎหมายนั้นมีสภาพบังคับ มีหลายอย่างที่ผิดจริยธรรมแต่ไม่ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรมยังไม่ผิดกฎหมายได้เลย ผิดศีลข้อ 5 แต่ไม่ผิดกฎหมาย”
กำลังโหลดความคิดเห็น