“อภิสิทธิ์” ไม่ห่วงคดีแก๊งแดง 16 ศพเข้าสู่กระบวนการศาล มั่นใจในข้อเท็จจริง เชื่อศาลไม่ฟังข้อมูลชี้นำนอกสำนวนของ “เฉลิม” เตือน พท.เล่นงานผู้ตรวจการฯ หลังให้นายกฯ แจงแต่งตั้ง “นลินี-ณัฐวุฒิ” ถือเป็นการคุกคามองค์กรตรวจสอบไม่ต่างยุคเผด็จการ เชื่อสร้างภาวะความหวาดกลัวไม่สำเร็จ เมิน ปชป.ถูกยื่นยุบ มั่นใจไม่ได้ทำผิด
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลอาญาจะเปิดไต่สวนคดี 16 ศพที่อาจเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐในช่วงเกิดเหตุการณ์ไม่สงบเดือน เม.ย.-พ.ค.53 ว่าตนสนับสนุนให้มีการค้นหาข้อเท็จจริงและให้กระบวนการยุติธรรมทำงานโดยอิสระ โดยมั่นใจในข้อเท็จจริง
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นอกจากคดีนี้แล้วยังมีคดีอีกส่วนหนึ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ถูกกระทำ โดยบางคดีมีความชัดเจนว่าเกี่ยวกับผู้ชุมนุม เพราะฉะนั้นต้องเดินไปทั้งสองด้าน ทั้งกรณีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่และกรณีของประชาชน ซึ่งกระบวนการจะแยกกัน เพราะการไต่สวนในศาลจะเกิดเฉพาะกรณีที่เห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ จึงต้องดูตามข้อเท็จจริง
อย่างไรก็ตาม มั่นใจและเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม และขอให้หน่วยงานดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา โดยคิดว่าศาลคงไม่ฟังเรื่องนอกสำนวนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ พยายามชี้นำก่อนหน้านี้ และอยากให้ ร.ต.อ.เฉลิม และมวลชน ให้โอกาสหน่วยงานต่างๆ ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ใช่วิธีกดดัน เพราะหากทำเช่นนั้นสุดท้ายก็จะทำให้กระบวนการไม่ได้รับการยอมรับและขาดความน่าเชื่อถือ
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นตรวจสอบผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะไม่พอใจที่ให้นายกรัฐมนตรีทบทวนการแต่งตั้งนางนลินี ทวีศิลป์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรัฐมนตรี ว่าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลชอบอ้างตัวว่าสนับสนุนประชาธิปไตย แต่กลับไม่เข้าใจหัวใจของประชาธิปไตยที่ต้องเคารพกระบวนการตรวจสอบ ถ้าหากคนที่ตรวจสอบรัฐบาลจะต้องถูกเล่นงานจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเฉพาะกับประเทศที่เป็นเผด็จการเท่านั้น จึงอยากให้หยุด และเคารพการตัดสินขององค์กรตรวจสอบ
โดยเฉพาะกรณีมติของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ออกมาว่า 2 รัฐมนตรีไม่ผิดจริยธรรม เพราะเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นก่อนรับตำแหน่ง นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาขอบคุณและชมเชยผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ในส่วนไหนที่ไม่ถูกใจก็จะเล่นงานผู้ตรวจการ โดยมีรัฐมนตรีบางคนระบุว่าผู้ตรวจบางคนเป็นคู่สมรสตุลาการเสียงข้างน้อยในคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งไม่ควรหยิบยกเรื่องลักษณะนี้ขึ้นมา เนื่องจากตุลาการเสียงข้างน้อยในขณะนั้นไม่ได้มีเรื่องอื้อฉาวเหมือนกับตุลาการเสียงข้างมากในคดีนี้ แต่สิ่งที่รัฐบาลทำคือพยายามกดดันคนที่ตรวจสอบตัวเอง ซึ่งตนเชื่อว่าผู้ที่ทำหน้าที่จะไม่หวั่นไหว เพราะแม้ว่าหวั่นไหวก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากคนที่เหลิงอำนาจ ถ้าใครยิ่งกลัวก็จะยิ่งถูกกด
ส่วนที่รัฐบาลพยายามอ้างว่าองค์กรอิสระและศาลไม่มีกระบวนการตรวจสอบทำให้ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อกำหนดระบบตรวจสอบนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะทุกองค์กรถูกตรวจสอบได้ทั้งกระบวนการถอดถอนและกระบวนการทางกฎหมาย โดยพรรคเพื่อไทยควรจะปล่อยให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ ซึ่งตนรู้สึกเป็นห่วงในขณะนี้ใครก็ตามที่เห็นไม่ตรงกับรัฐบาลจะถูกคุกคามข่มขู่หรือกดดันด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งเป็นการสร้างบรรยากาศที่ย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง สวนทางกับการผลักดันเรื่องการปรองดอง
“ผมไม่กังวลกับการที่พรรคเพื่อไทยจะยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นป้ายต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นเรื่องไร้สาระและพรรคไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ขออย่างเดียวว่าความพยายามยื่นเรื่องที่ไม่เป็นสาระ หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ถูกยุบอย่าปลุกระดมว่าเป็นสองมาตรฐานหรือเป็นพรรคที่มีเส้น เพราะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ทำผิดก็ต้องไม่ถูกยุบ การหาเรื่องไปร้องอยู่เรื่อยๆ คงไม่ถูกต้อง ทั้งนี้การสร้างบรรยากาศให้สังคมอยู่ในภาวะหวาดกลัวจนไม่กล้าโต้แย้งกับรัฐบาลนั้น ผมเชื่อว่าไม่สำเร็จเพราะสังคมจะไม่กลัว โดยขอให้กำลังใจทุกคนที่รักความถูกต้อง ผมเชื่อว่าในที่สุดบ้านเมืองจะอยู่ได้ด้วยความถูกต้อง คนที่ทำไม่ถูกต้องจะอยู่อย่างไม่ยั่งยืน”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลอาญาจะเปิดไต่สวนคดี 16 ศพที่อาจเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐในช่วงเกิดเหตุการณ์ไม่สงบเดือน เม.ย.-พ.ค.53 ว่าตนสนับสนุนให้มีการค้นหาข้อเท็จจริงและให้กระบวนการยุติธรรมทำงานโดยอิสระ โดยมั่นใจในข้อเท็จจริง
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นอกจากคดีนี้แล้วยังมีคดีอีกส่วนหนึ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ถูกกระทำ โดยบางคดีมีความชัดเจนว่าเกี่ยวกับผู้ชุมนุม เพราะฉะนั้นต้องเดินไปทั้งสองด้าน ทั้งกรณีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่และกรณีของประชาชน ซึ่งกระบวนการจะแยกกัน เพราะการไต่สวนในศาลจะเกิดเฉพาะกรณีที่เห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ จึงต้องดูตามข้อเท็จจริง
อย่างไรก็ตาม มั่นใจและเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม และขอให้หน่วยงานดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา โดยคิดว่าศาลคงไม่ฟังเรื่องนอกสำนวนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ พยายามชี้นำก่อนหน้านี้ และอยากให้ ร.ต.อ.เฉลิม และมวลชน ให้โอกาสหน่วยงานต่างๆ ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ใช่วิธีกดดัน เพราะหากทำเช่นนั้นสุดท้ายก็จะทำให้กระบวนการไม่ได้รับการยอมรับและขาดความน่าเชื่อถือ
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นตรวจสอบผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะไม่พอใจที่ให้นายกรัฐมนตรีทบทวนการแต่งตั้งนางนลินี ทวีศิลป์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรัฐมนตรี ว่าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลชอบอ้างตัวว่าสนับสนุนประชาธิปไตย แต่กลับไม่เข้าใจหัวใจของประชาธิปไตยที่ต้องเคารพกระบวนการตรวจสอบ ถ้าหากคนที่ตรวจสอบรัฐบาลจะต้องถูกเล่นงานจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเฉพาะกับประเทศที่เป็นเผด็จการเท่านั้น จึงอยากให้หยุด และเคารพการตัดสินขององค์กรตรวจสอบ
โดยเฉพาะกรณีมติของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ออกมาว่า 2 รัฐมนตรีไม่ผิดจริยธรรม เพราะเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นก่อนรับตำแหน่ง นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาขอบคุณและชมเชยผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ในส่วนไหนที่ไม่ถูกใจก็จะเล่นงานผู้ตรวจการ โดยมีรัฐมนตรีบางคนระบุว่าผู้ตรวจบางคนเป็นคู่สมรสตุลาการเสียงข้างน้อยในคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งไม่ควรหยิบยกเรื่องลักษณะนี้ขึ้นมา เนื่องจากตุลาการเสียงข้างน้อยในขณะนั้นไม่ได้มีเรื่องอื้อฉาวเหมือนกับตุลาการเสียงข้างมากในคดีนี้ แต่สิ่งที่รัฐบาลทำคือพยายามกดดันคนที่ตรวจสอบตัวเอง ซึ่งตนเชื่อว่าผู้ที่ทำหน้าที่จะไม่หวั่นไหว เพราะแม้ว่าหวั่นไหวก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากคนที่เหลิงอำนาจ ถ้าใครยิ่งกลัวก็จะยิ่งถูกกด
ส่วนที่รัฐบาลพยายามอ้างว่าองค์กรอิสระและศาลไม่มีกระบวนการตรวจสอบทำให้ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อกำหนดระบบตรวจสอบนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะทุกองค์กรถูกตรวจสอบได้ทั้งกระบวนการถอดถอนและกระบวนการทางกฎหมาย โดยพรรคเพื่อไทยควรจะปล่อยให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ ซึ่งตนรู้สึกเป็นห่วงในขณะนี้ใครก็ตามที่เห็นไม่ตรงกับรัฐบาลจะถูกคุกคามข่มขู่หรือกดดันด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งเป็นการสร้างบรรยากาศที่ย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง สวนทางกับการผลักดันเรื่องการปรองดอง
“ผมไม่กังวลกับการที่พรรคเพื่อไทยจะยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นป้ายต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นเรื่องไร้สาระและพรรคไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ขออย่างเดียวว่าความพยายามยื่นเรื่องที่ไม่เป็นสาระ หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ถูกยุบอย่าปลุกระดมว่าเป็นสองมาตรฐานหรือเป็นพรรคที่มีเส้น เพราะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ทำผิดก็ต้องไม่ถูกยุบ การหาเรื่องไปร้องอยู่เรื่อยๆ คงไม่ถูกต้อง ทั้งนี้การสร้างบรรยากาศให้สังคมอยู่ในภาวะหวาดกลัวจนไม่กล้าโต้แย้งกับรัฐบาลนั้น ผมเชื่อว่าไม่สำเร็จเพราะสังคมจะไม่กลัว โดยขอให้กำลังใจทุกคนที่รักความถูกต้อง ผมเชื่อว่าในที่สุดบ้านเมืองจะอยู่ได้ด้วยความถูกต้อง คนที่ทำไม่ถูกต้องจะอยู่อย่างไม่ยั่งยืน”
