xs
xsm
sm
md
lg

หาเหตุยุบศาลปค.พท.หวั่นก้างขวางคอการบริหารชี้กลียุค"ทักษิณ"กลับไทยไร้ความผิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - “กลุ่มสยามฯ”จวก“เฉลิม”จอมโกหก ยัน ศาลปกครองมีระบบตรวจสอบเช่นเดียวกับศาลยุติธรรม เชื่อ“เพื่อไทย” หาเหตุยุบ เพราะเป็นกางขวางคอการบริหาร “มาร์ค”จวก รัฐติดวังวน “แม้ว”กลับไทย ไม่ผิดประเทศวุ่นแน่ ส่วน “เหลิม” บอกจะให้นายใหญ่นั่งเครื่องบินส่วนตัวลงเชียงใหม่

วานนี้(9 มี.ค.55) นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และแกนนำกลุ่มสยามประชาภิวัติน์ กล่าวถึงกรณีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาเสนอแนวคิดต้องการปรับเปลี่ยนกระบวนการยุติธรรมให้เหลือเพียงศาลเดี่ยว คือ ศาลยุติธรรม โดยอ้างว่าระบบศาลคู่ที่ขณะนี้มี ศาลยุติธรรมและศาลปกครอง โดยเฉพาะศาลปกครอง ไม่สามารถตรวจสอบได้ ว่า เบื่อนักการเมืองที่ชอบพูดโกหก เพราะศาลปกครองก็มีคณะกรรมการที่ชื่อว่าคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) ที่ทำการตรวจสอบการกระทำของตุลาการศาลปกครองเช่นเดียวกับคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (กต.) ตรวจสอบผู้พิพากษา นอกจากนี้ตุลาการศาลปกครองยังสามารถถูกถอดถอน ตามช่องทางของรัฐธรรมนูญ อีกทั้งผู้ตรวจการแผ่นดินยังสมารถตรวจสอบจริยธรรมในการดำรงตำแหน่งได้อีกด้วย

สาเหตุที่พรรคเพื่อไทยมีการเรียกร้องให้ยุบศาลปกครองนั้น เพราะที่ผ่านมาถือว่าเป็นองค์กรที่ตรวจสอบการกระทำของฝ่ายบริหาร ซึ่งอาจจะส่งผลให้รัฐบาลทำอะไรได้ตามอำเภอใจได้อย่างสะดวก และหากมีการเลิกศาลปกครอง ก็จะทำให้ระบบการตรวจสอบฝ่ายบริหารถูกทำลายได้ เพราะเจตนาของการตั้งศาลปกครองเพื่อต้องการนำผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ มาทำงานควบคุมฝ่ายบริหาร และแนวคิดนี้มีมาตั้งแต่ปี 2476 แต่ถูกขัดขวางจนมาสำเร็จในช่วงรัฐธรรมนูญปี 2540

ก่อนที่จะมีศาลปกครอง คดีปกครองซึ่งอยู่ในกระบวนศาลยุติธรรมนั้น มีการตรวจสอบฝ่ายบริหารได้น้อยมาก เพราะแนวคิดเรื่องศาลยุติธรรม โดยเฉพาะหลักคิดในเรื่องความเสมอภาคระหว่างเอกชนด้วยกัน โดยเฉพาะศาลแพ่ง แต่ศาลปกครองมองว่าประโยชน์ของรัฐต้องมาก่อนประชาชน ดังนั้นหากเอาแนวคิดของผู้พิพากษาที่เกิดจากศาลยุติธรรมมาตัดสินศาลปกครอง ก็จะไม่ต้องต่อเจตนารมณ์ของการใช้กฎหมายและความยุติธรรม

**มาร์ค”จวกรัฐติดวังวน “ทักษิณ”

ที่ห้องประชุมสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่าจะพาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับบ้านโดยไม่มีความผิดว่า ได้ยืนยันหลายครั้งว่าหลายอย่างที่รัฐบาลทำรวมถึงการแก้รัฐธรรมนูญสุดท้ายก็วนมาที่การช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ ขอยืนยันว่ารัฐบาลก้าวไม่พ้นพ.ต.ท.ทักษิณ และยังเชื่อว่าการจะล้มล้างคำพิพากษาทั้งคดีอาญาแ ละการคืนทรัพย์สินที่ถูกยึด 4.6 หมื่นล้านบาทให้พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรมีการดำเนินการไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด เพราะสิ่งที่ศาลตัดสินเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

ซึ่งในบางคดีก็เกิดในสมัยที่พรรคการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรัฐบาล และในการไต่สวน ศาลก็ไม่ได้รับฟังแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มีการเปิดโอกาสให้ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมปกติอย่างเต็มที่ จึงไม่มีเหตุผลที่จะล้มคำพิพากษา การอ้างว่า คตส.มาจากคณะรัฐประหารนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดีของศาลเพราะพ.ต.ท.ทักษิณ มีโอกาสต่อสู้คดีที่คตส.ฟ้องอย่างเต็มที่ อยู่ที่ศาลจะเชื่อใคร และเมื่อศาลได้ตัดสิแล้วก็ต้องจบ ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เหนือกฎหมาย และต่อไปนี้จะกลายเป็นบรรทัดฐานว่าหากใครถูกศาลตัดสินว่าผิดก็จะอ้างเหมือนกับพ.ต.ท.ทักษิณว่าไม่ผิด แล้วบ้านเมืองจะหาข้อยุติได้อย่างไร

ส่วนที่ร.ต.อ.เฉลิม บอกว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายแต่ทำในสิ่งที่กฎหมายห้ามนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ลองให้ร.ต.อ.เฉลิม ทำในสิ่งที่กฎหมายห้ามดู แล้วลองดูว่าจะถูกปฏิบัติเหมือนคนที่ทำผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้เป็นห่วงว่าหากรัฐบาลยังเดินหน้าตามแนวทางนี้จะเกิดความขัดแย้งวุ่นวายตามมา ซึ่งต้องรอดูเพราะร.ต.อ.เฉลิม พูด หลายเรื่องก็ไม่ได้ทำ ร.ต.อ.เฉลิม อาจจะมีความสุขกับการพูดแบบนี้ และการที่อ้างคนอีสานสนับสนุนรัฐบาลนั้น ตนก็พูดหลายครั้งว่า 15 ล้านเสียงช่วยเกรงใจเสียงข้างน้อย 25 ล้านเสียงที่ไม่เลือกพรรคเพื่อไทยด้วย

เมื่อถามว่าสื่อต่างประเทศวิเคราะห์ว่าหากพ.ต.ท.ทักษิณ กลับ บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ามาโดยไม่มีความผิดจะเป็นปมความขัดแย้งอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามถึงการนัดรวมตัวของกลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย เพื่อกำหนดท่าทีเกี่ยวกับการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ไม่น่ามีปัญหาถ้าทุกอย่างอยู่ในขอบเขตกฎหมาย และฝากรัฐบาลอะไรที่เป็นปมความขัดแย้งควรจะเลี่ยง ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องสร้างความขัดแย้งเพิ่มเติมในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ และขณะที่รัฐบาลสามารถยับยั้งไม่ให้ปัญหาบานปลายได้ด้วยการยอมรับการแปรญัตติในสิ่งที่หลายฝ่ายกังวลเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง รัฐบาลควรเริ่มตั้งหลักจากตรงนี้

**ไม่สนลงสัตยาบัน มัดมือส.ส.ร.

ส่วนการเสนอให้มาลงสัตยาบันไม่ใช่คำตอบ ต้องถามไปยังรัฐบาลว่ากลัวอะไรกับการเขียนให้ชัดเจนในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีความเสียหายอย่างไรที่จะเขียนให้ชัดเจน ลังเลเรื่องอะไร หรือกลัวเสียหน้า หรือกลัวว่าบ้านเมืองจะไม่ขัดแย้ง หรือแค่รอดูว่าถ้าวันนี้ผ่านไปได้วันหน้าก็จะเปลี่ยนใจใหม่ ดังนั้น หากมีความจริงใจว่าจะไม่มีการเข้าไปแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ศาลและไม่แก้เพื่อประโยชน์ของใคร เขียนลงในกฎหมายทุกอย่างก็จบ ซึ่งอยากให้พรรคเพื่อไทยคำนึงถึงสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับส่วนรวมและประเทศชาติโดยรัฐบาลและคณะกรรมาธิการฯก็ควรยึดตามนี้

**พท.หนุนสมาชิกพรรคสมัครสสร.

นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ฐานประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่... ) พ.ศ.... ให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุรัฐสภาถึงประเด็นที่กรรมาธิการฯ ไม่รับข้อเสนอของการลงสัตยาบรรณแก้รัฐธรรมนูญ รวมถึงไม่เห็นด้วยกับการกำหนดเงื่อนไขไม่ให้ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แตะต้องหมวดที่เกี่ยวกับศาล และองค์กรอิสระ ว่า ประเด็นดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นความคิดเห็นที่ขัดแย้ง แต่ตนกลับมองว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีในกระบวนการประชาธิปไตยที่มีความเห็นที่หลากหลาย อีกทั้งเชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนให้ความสนใจต่อประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามที่ประชุมมีความเห็นที่ตกผลึกชัดเจนร่วมกันว่า จะไม่แตะหมวดพระมหากษัตริย์ ส่วนเรื่ององค์กรอิสระ หรือ ศาลนั้น ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากเห็นว่า หากมีการขีดกรอบมาเกินไปจะทำให้การทำงานของส.ส.ร.ไม่มีความเป็นอิสระ และที่สำคัญกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญของส.ส.ร.นั้นจำเป็นต้องรับฟังเสียงของประชาชน หากขีดกรอบไว้มากเกินไปเท่ากับว่าเป็นการปิดกั้นไม่รับฟังความเห็นของประชาชน

ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เสนอเข้าสู่รัฐสภานั้น สาระหลักที่สำคัญจะอยู่ในมาตราที่ 4 ว่าด้วยจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เปรียบเสมือนทำคลอดให้กับ ส.ส.ร. ดังนั้นเชื่อว่าจะมีรายละเอียดจำนวนมากที่ต้องพิจารณา ซึ่งตนไม่ห่วงว่าจะมีการถกเถียงขัดแย้ง เนื่องจากกรรมาธิการฯ ล้วนเป็นผู้อาวุโส และมีประสบการณ์ พร้อมกับมีบทบาทที่ต้องแสดง อย่างไรก็ตามในการประชุม3 ครั้งที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเจนว่าสิ่งใดที่ยอมได้ก็จะยอม

“ผมมองว่าหากเรามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ลำดับที่ 19 และให้ประชาชนมีส่วนร่วม และเสมือนว่าประชาชนเป็นเจ้าของแล้ว เชื่อว่านักการเมืองหรือรัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาจะไม่สามารถเข้ามาแก้ไขทั้งฉบับได้ แต่อาจจะแก้ไขเป็นบางมาตราที่เห็นว่าเป็นปัญหาได้ ซึ่งประเด็นนี้ก็ยกเว้นหากเกิดสถานการณ์อื่นเข้ามา” นายสามารถ กล่าว

สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่จะลงสมัครเป็นส.ส.ร. ซึ่งฝ่ายค้านท้วงติงว่าควรกำหนดให้ชัดเจนว่าไม่ควรให้สมาชิกพรรคการเมืองร่วมลงสมัคร ตนไม่เห็นด้วย เพราะหากห้ามสมาชิกพรรคการเมือง หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเมืองมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.ร. คงมีแต่พระเท่านั้นที่สามารถลงสมัครได้

**ให้นั่งเครื่องส่วนตัวลงเชียงใหม่

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกับกำนันผู้ใหญ่บ้าน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนในการประชุมเชิงปฏิบัติการแก้ปัญหายาเสพติดที่ จ.เชียงใหม่ โดยระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับประเทศไทยภายในปีนี้และจะกลับมาโดยหลักของกฏหมาย ถึงเวลานั้นหากมีปัญหาก็จะให้นั่งเครื่องบินส่วนตัวไปลงที่เชียงใหม่และจะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปรับ ส่วนกำหนดเวลากลับที่ชัดเจนหากทราบแล้วจะเดินทางมาบอกกับกำนันผู้ใหญ่บ้านในภาคเหนือด้วยตัวเองอีกครั้ง

สำหรับการมอบนโยบายปราบปรามยาเสพติดครั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 พูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญพร้อมขอคะแนนเสียงจากกำนันผู้ใหญ่บ้าน โดยระบุตอนท้ายว่าเป็นนักการเมืองก็ต้องพูดเรื่องการเมืองบ้างเป็นเรื่องธรรมดา

นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นคนไทย ก็ต้องอยากกลับบ้านเป็นธรรมดา ส่วนจะเป็นช่องทางใดนั้น ร.ต.อ.เฉลิมคงมีความคิดในศีรษะของท่านอยู่

**ปชป. ชี้ กลียุคแม้วกลับไร้ความผิด

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนว่าเป็นแผนบันไดขั้นที่ 3 โดยบันไดขั้นแรก เป็นการเข้ายึดอำนาจรัฐเพื่อบริหารประเทศ โดยให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี บันไดขั้นที่ 2 การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ในขณะนี้มีการเพิ่มวันในการพิจารณาเพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จเร็วที่สุด บันไดขั้นที่ 3 จะมีการออก พรบ.ปรองดอง เพื่อจะนำพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทย โดยที่ไม่มีความผิด

ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนกับที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยและร.ต.อ.เฉลิม คิดไว้ เพราะการออกพรบ.ปรองดอง ถือเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ ที่มีมาอย่างยาวนาน อีกทั้งหากออกกฎหมายเพื่อให้คนคนเดียวพ้นผิด ประชาชนก็จะยอมรับไม่ได้ และแม้จะเปลี่ยนชื่อจากพรบ.นิรโทษกรรม เป็นพรบ.ปรองดองแล้วนั้น ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวเพื่อที่จะช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งขอเตือนว่า หากเกิดกลียุคขึ้น รัฐบาลชุดนี้ก็ต้องรับผิดชอบ

ทั้งนี้มั่นใจว่าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีการปลดล็อค มาตรา 309 ที่เกี่ยวข้องกับคดีต่างๆ ของพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้หลุดพ้นจากคดีทั้งหมด ทำให้สอดคล้องกับการที่มีบางคนกล่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นแผนที่จะนำพ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศภายในปีนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น