“กลุ่มสยามฯ” จวก “เป็ดเหลิม” จอมโกหก ยันศาลปกครองมีระบบตรวจสอบเช่นเดียวกับศาลยุติธรรม มั่นใจ “เพื่อไทย” หาเหตุยุบเพราะเป็นกว้างขวางคอ ชี้จ่ายเงินเยียวยาแดง 7.5 ล้าน ขาดกฎหมายรองรับ เชื่อสุดท้ายจะถูกค้านจนไม่มีการจ่ายเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 9 มี.ค. นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และแกนนำกลุ่มสยามประชาภิวัติน์ ได้กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาเสนอแนวคิดต้องการปรับเปลี่ยนกระบวนการยุติธรรมให้เหลือเพียงศาลเดี่ยว คือ ศาลยุติธรรม โดยอ้างว่าระบบศาลคู่ที่ขณะนี้มี ศาลยุติธรรมและศาลปกครอง โดยเฉพาะศาลปกครอง ไม่สามารถตรวจสอบได้ ว่า เบื่อนักการเมืองที่ชอบพูดโกหก เพราะศาลปกครองก็มีคณะกรรมการที่ชื่อว่าคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) ที่ทำการตรวจสอบการกระทำของตุลาการศาลปกครองเช่นเดียวกับคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (กต.) ตรวจสอบผู้พิพากษา นอกจากนี้ตุลาการศาลปกครองยังสามารถถูกถอดถอน ตามช่องทางของรัฐธรรมนูญ อีกทั้งผู้ตรวจการแผ่นดินยังสามารถตรวจสอบจริยธรรมในการดำรงตำแหน่งได้อีกด้วย
นายคมสันกล่าวต่อว่า สาเหตุที่พรรคเพื่อไทยมีการเรียกร้องให้ยุบศาลปกครองนั้น เพราะที่ผ่านมาถือว่าเป็นองค์กรที่ตรวจสอบการกระทำของฝ่ายบริหาร ซึ่งอาจจะส่งผลให้รัฐบาลทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้อย่างสะดวก และหากมีการเลิกศาลปกครอง ก็จะทำให้ระบบการตรวจสอบฝ่ายบริหารถูกทำลายได้ เพราะเจตนาของการตั้งศาลปกครองเพื่อต้องการนำผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ มาทำงานควบคุมฝ่ายบริหาร และแนวคิดนี้มีมาตั้งแต่ปี 2476 แต่ถูกขัดขวางจนมาสำเร็จในช่วงรัฐธรรมนูญปี 2540
นายคมสันยอมรับว่า ก่อนที่จะมีศาลปกครอง คดีปกครองซึ่งอยู่ในกระบวนศาลยุติธรรมนั้น มีการตรวจสอบฝ่ายบริหารได้น้อยมาก เพราะแนวคิดเรื่องศาลยุติธรรม โดยเฉพาะหลักคิดในเรื่องความเสมอภาคระหว่างเอกชนด้วยกัน โดยเฉพาะศาลแพ่ง แต่ศาลปกครองมองว่าประโยชน์ของรัฐต้องมาก่อนประชาชน ดังนั้นหากเอาแนวคิดของผู้พิพากษาที่เกิดจากศาลยุติธรรมมาตัดสินศาลปกครอง ก็จะไม่ต้องต่อเจตนารมณ์ของการใช้กฎหมายและความยุติธรรม
สำหรับกรณีการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548-2553 นั้น นายคมสันกล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบในหลักการให้อนุมัติเงินเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ต้องทำความเข้าใจว่ามติดังกล่าวไม่ใช่กฎหมาย และการจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนจำเป็นจะต้องมีกฎหมายมารองรับ แต่ขณะนี้นั้นไม่มี และตนเชื่อว่าสุดท้ายก็จะไม่มีการจ่ายเงิน 7.5 ล้าน ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ เนื่องจากเป็นการจ่ายเงินผิดหลักการและไม่มีหลักกฎหมายรองรับ ทั้งนี้หากกลุ่มผู้เสียหายมาเรียกร้อง ตนเชื่อว่ารัฐบาลพยายามเลี่ยงพร้อมระบุว่า รัฐบาลพยายามจ่ายเงินแล้ว แต่ถูกอีกฝ่ายคัดค้าน ซึ่งตนเชื่อว่าเรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องออกเป็น พ.ร.บ. เพื่อมารองรับมติ ครม. ซึ่งเชื่อว่าจะมีการถกเถียงในรัฐสภา เรื่องความชอบธรรมและความเสมอภาคในการออก พ.ร.บ.นี้ต่อไป
นายคมสันกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังเห็นว่ารายชื่อผู้ที่ได้รับเงินเยียวยานั้น บางคนมีส่วนที่กระทำความผิด ซึ่งโดยหลักกฎหมายนั้น ผู้ที่มีส่วนกระทำความผิดจะไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐเป็นอันขาด อีกทั้งหลักการจ่ายเงินจะต้องรอให้คดีความเป็นที่ยุติเสียก่อน จึงจะสามารถจ่ายเงินเยียวยาได้ เพราะหากปล่อยมีการจ่ายเงินเยียวยาไปโดยผิดหลักเกณฑ์ตามกฎหมาย ก็จะถือเป็นการส่งเสริมให้คนมากระทำผิดขึ้นเรื่อยๆ
