xs
xsm
sm
md
lg

พธม.-แนวร่วมหวั่นทุนสามานย์ยึดอำนาจ-รุมค้านแก้รธน.-"สนธิ"ชี้สังคมเมินเฉยได้นักการเมืองเลว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - พันธมิตรฯ แถลงค้านแก้รัฐธรรมนูญ ชี้นิติกรรมอำพรางทุนสามานย์ยึดอำนาจ นัดหารือก่อนเคลื่อนไหว 10 มี.ค.นี้ พร้อมชุมนุมใหญ่หากแตะสถาบันกษัตริย์-นิรโทษกรรมแม้ว “ลุงจำลอง”ลั่น ยอมไม่ได้ แก้ ม.291 ล้ม รธน.ทั้งฉบับ “สนธิ”ชี้ ตั้ง ส.ส.ร.พิสูจน์ชัด นักการเมืองส่วนใหญ่บัดซบ ทำทุกอย่างเพื่อนายทุนเจ้าของพรรค ไม่สนใจความทุกข์ร้อนของประชาชน ชี้สังคมไทยเมินเฉยจึงได้นักการเมืองแบบนี้ ด้าน 50 ส.ว.ชี้เลือกตั้ง ส.ส.ร.แค่ภาพลวงตา หวังรวบอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ มาอยู่ในมือ เชื่อมีการล้างบางองค์กรอิสระแน่ กลุ่ม"สยามประชาภิวัฒน์" เสนอผ่าทางตันทุนสามานย์-ตั้งองค์กรกำกับดูแลการปฏิรูปประเทศ พร้อมตั้งสมัชชาภาคประชาชน ร่วมเสนอทางออกประเทศ

วานนี้ (22 ก.พ.) ที่บ้านพระอาทิตย์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 1/2555 “หยุดนิติกรรมอำพรางล้มล้างรัฐธรรมนูญยึดอำนาจประเทศไทย” โดยสาระสำคัญคือ การต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ที่เป็นเพียงนิติกรรมอำพรางเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญปี 2550 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเข้าข่ายการรัฐประหารและยึดอำนาจประเทศโดยใช้รัฐธรรมนูญให้ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของเผด็จการรัฐสภา โดยกลุ่มทุนสามานย์ผูกขาดของพรรคการเมือง (อ่านรายละเอียดแถลงการณ์)

หลังจากนั้น แกนนำพันธมิตรฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงการเคลื่อนไหวคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยพลตรีจำลอง ศรีเมือง กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 พันธมิตรฯ มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ จะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปไม่ได้เป็นอันขาด เพราะจะทำให้บ้านเมืองเสียหายยับเยิน นับตั้งแต่วันนี้ (23 ก.พ.) เป็นต้นไปซึ่งจะมีการประชุมรัฐสภา หากมีสมาชิกรัฐสภาคนใดที่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่จะฟ้องต่อศาล ที่จะสามารถถอดถอนลงโทษได้ตามกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่แล้ว ขอยืนยันว่าจะปล่อยผ่านไปไม่ได้

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นสมาชิกรัฐสภามาก่อน การทำงานของสมาชิกรัฐสภาชุดนี้มีความผิดตามรัฐธรรมนูญหลายมาตรา อาทิ มาตรา 68, 122, 136(16), 191 และ 270 การกระทำผิดครั้งนี้มีวิธีการดำเนินการ 2 ประการ คือ ดำเนินคดีต่อศาล ได้มอบหมายให้ทนายพันธมิตรฯ ไปดำเนินการแล้ว และการจัดชุมนุมใหญ่ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เมื่อไรจะต้องฟังความเห็นของตัวแทนของจังหวัดต่างๆ ที่จะมาประชุมกันในวันที่ 10 มี.ค. นี้ เราจะปล่อยให้คนกลุ่มนั้นต้องการสร้างรัฐไทยใหม่ไม่ได้ พวกเราจะต่อสู้อย่างถึงที่สุด

นายพิภพ ธงไชย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน เตรียมที่จะแก้ไขนั้นไม่เคยเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยใดๆ ทั้งสิ้น รัฐธรรมนูญฉบับนี้เรียกว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพราะผ่านการลงประชามติ 14 ล้านกว่าเสียง เช่นรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 เพราะฉะนั้นเหตุผลที่จะให้แก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีประการเดียว คือ เพื่อจะแทรกการนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ และจัดโครงสร้างทางอำนาจให้กระชับและรับใช้นักการเมือง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย กลุ่มทุนของพรรคเพื่อไทย และกลุ่มทุนที่อยู่รอบตัว พ.ต.ท.ทักษิณทั้งหมด

“เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดอะไรมากครับ ในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทั้งหมดเป็นไปเพื่อกลุ่มทุนและตัวคุณทักษิณ ซึ่งก็มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะต้องการนิรโทษกรรม และกระชับเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอำนาจในส่วนต่างๆ เพราะรัฐธรรมนูญนี้ค่อนข้างมีอุปสรรค ต่อความเจริญเติบโตและการเข้าสู่อำนาจของกลุ่มทุนและคุณทักษิณ” นายพิภพกล่าว

นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่า วันนี้เป็นบทพิสูจน์ว่า การเมืองไทยโดยนักการเมืองไม่ว่าจะพรรคไหนก็ตามล้มเหลวโดยสิ้นเชิง นักการเมืองทุ่มเทเงินทองซื้อเสียง เอาภาษีอากรของพวกเราเอาไปแจกประชาชน ทุกพรรคไม่มีข้อยกเว้น เพื่อให้ตัวเองมีเสียงเข้ามา ครอบงำคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ติดสินบน กกต. เพื่อไม่ให้ตรวจสอบพวกเขา เพราะฉะนั้นแล้วการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงมีคนซึ่งติดใบแดงน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลย ทั้งหมดนี้ทำเพื่อตัวเองจะได้เข้ามีอำนาจในสภา เมื่อมีอำนาจในสภาแล้ว ตัวเองใช้สิทธิของการเข้ามามีอำนาจในสภา ด้วยคำพูดที่ว่า “ประชาชนเลือกมา” โดยที่ตัวเองไม่ได้เล่าให้ฟังถึงพื้นฐานที่มาของเสียง และการครอบงำ กกต.

“ด้วยเหตุนี้ตัวเองก็เลยใช้สิทธิอันนี้มาทำอะไรก็ได้ แล้วในสิบกว่าปีที่ผ่านมาถ้าเราสังเกตให้ดีๆ แล้ว นักการเมืองหาได้ยากมากที่ทำเพื่อประชาชน ไม่มี น้ำมันที่มันขึ้นจนกระทั่งลิตรละเกือบ 41 บาท ไม่เคยมีใครขึ้นมาพูดเลยสักคำว่าจะจัดการกับ ปตท.ที่กำไรปีที่แล้วแสนกว่าล้านอย่างไร ข้าวราดแกงซึ่งตอนนี้จะ 50 บาทอยู่แล้ว สินค้าอุปโภคบริโภคแพงหมด นักการเมืองไม่สนใจ น้ำที่ท่วมออกไป สนใจอยู่อย่างเดียวว่าการซื้อที่ดินฟลัดเวย์นั้นจะซื้อจากกลุ่มที่มีสายสัมพันธ์กับตัวเองหรือไม่ เพื่อให้กลุ่มที่มีสายสัมพันธ์กับตัวเองจะได้เงินได้ทองเข้ามา นี่คือการเมืองเมืองไทย” นายสนธิกล่าว

นายสนธิ กล่าวว่า นี่คืออีกบริบทหนึ่งของความล้มเหลวของการเมืองไทยที่บริหารโดยนักการเมือง กล้าพูดได้ว่านักการเมืองไทยส่วนใหญ่เป็นคนที่บัดซบ ขอย้ำส่วนใหญ่เป็นคนที่บัดซบ ไม่ได้รักชาติรักประชาชนเลยแม้แต่นิดเดียว เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นแล้วการที่จะตั้ง ส.ส.ร.ครั้งนี้ เป็นการพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุกอย่างทำเพื่อพวกเขา ทำเพื่อหัวหน้าพวกเขา ทำเพื่อเจ้าของพรรค และตนยืนยันไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตาม ผลจะออกมาเหมือนกันไม่มีผิด เพียงแต่ว่าพรรคบางพรรคปล้นกลางแดด พรรคบางพรรคใส่เสื้อนอกปล้น แต่สรุปแล้วก็คือ ปล้นคนไทยนั่นเอง

“ผมมีบทสรุปได้อย่างหนึ่งว่า บางทีสังคมไทยก็สมควรแล้วที่จะได้นักการเมืองบัดซบพวกนี้มาปกครอง เพราะสังคมไทยไม่เคยเดือดร้อนเลยจากความทุกข์ยากลำบาก ไม่เคยเดือดร้อนเลยจากน้ำมันที่ราคาแพง 41 บาท ไม่เคยตั้งคำถามถามเลย ว่าทำไม ปตท.กำไรตั้งแสนกว่าล้าน แล้วประชาชนคนไทยต้องเติมน้ำมันลิตรละ 41 บาท เหมาะสมแล้ว สังคมไทยเหมาะที่จะได้นักการเมืองบัดซบพวกนี้เข้ามาบริหารชาติบ้านเมือง เหมาะสมที่สุด” นายสนธิกล่าวทิ้งท้าย

*** 50 สว.ร่วมต้านแก้รธน.

นายสุรจิต ชิรเวทย์ ส.ว.สมุทรสงคราม พร้อมด้วย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม นายคำนูณ สิทธิสมาน น.ส.รสนา โตสิตระกูล และส.ว.อีกประมาณ 50 คน ร่วมแถลงข่าว คัดค้านการยื่นร่างขอแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ของรัฐบาล พรรคเพื่อไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา โดยอ้างว่า จะขอแก้ไขเพียงมาตรา 291 เพียงมาตราเดียว เพื่อให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ ไม่ได้ขอแก้ไขเพียงเพิ่มเติมเพียงมาตรา 291 มาตราเดียวตามที่รัฐบาลกล่าวอ้าง แต่ความจริงเป็นการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 โดยเพิ่มหมวดใหม่ คือ หมวดที่ 16 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ทั้งนี้ การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาล เป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 โดยจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีภาพ ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นภาพลวงตา แต่ความเป็นจริงร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถูกตีกรอบด้วยหลักการ และเหตุผล ที่ถูกเขียนไว้ในร่างทั้ง 3 ฉบับ ก่อให้เกิดการล้างบางองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช., กกต. รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนอำนาจองค์กรตุลาการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้รัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาล ไม่เคยนำเสนอให้ประชาชนร่วมตัดสินใจ ก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญเลย

นายสุรจิต กล่าวว่า การที่รัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาลอ้างช่องทาง ตามมาตรา 291 ในการขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยมีเจตนาล้มล้างรัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่เปิดเผยความจริงให้ประชาชนทราบโดยเฉพาะประเด็นที่ต้องการแก้ไข ไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการถกเถียง เพื่อให้ตกผลึกทางด้านความคิดก่อน การกระทำของรัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาล จึงเป็นการปิดหูปิดตาประชาชน

ทั้งนี้ ทางกลุ่ม ส.ว. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล ยุติการกระทำด้วยการถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ ออกจากการพิจารณาของรัฐสภาทันที

นายสุรชัย กล่าวว่า จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่อยู่ในรัฐสภา ในการอภิปรายแสดงความเห็นพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ถ้ารัฐบาลเห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของสังคมไทย ซึ่งในอดีตเคยมีการตั้งคณะกรรมาการสมานฉันท์ขึ้น โดยมีบทสรุปที่ว่า การปฏิรูปการเมืองจะมุ่งแต่การแก้กฎหมาย การเมือง โดยไม่มองไปที่พรรคการเมืองซึ่งเป็นตัวปัญหา ความขัดแย้งก็จะไม่ยุติ ซึ่งขณะนั้นก็เห็นว่า การปฏิรูปการเมือง ต้องพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้น และแก้จริยธรรมในตัวนักการเมืองควบคู่กัน

** แผนรวบ 3 อำนาจ มาอยู่ในมือ

ด้าน น.ส.รสนา กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลนั้น ชัดเจนว่า เป็นการรวบอำนาจ 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ มาอยู่ในมือ และเป็นการเอาเสียงข้างมาก มายึดอำนาจในสภา อีกทั้งยังมีความชัดเจนที่จะลบล้างความผิดในคดีอาญาให้กับอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ

ตนเห็นว่า รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 50 นั้นได้ผ่านการทำประชามติมาแล้ว การที่รัฐบาลจะแก้ไข มาตรา 291 เพื่อเปิดโอกาสให้มีการตั้ง ส.ส.ร.เข้ามายกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น ตนคิดว่า รัฐบาลมีเจตนาที่จะกินรวบประเทศไทยโดยยกร่างกติกาทั้งหมดขึ้นมาใหม่ ซึ่งไม่มีความสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

นอกจากนี้ การที่รัฐบาลกล่าวอ้างว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 50 เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่เป็นประชาธิปไตย และจะมีการยกร่างใหม่ทั้งฉบับนั้น ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ชอบธรรม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง

ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติเรื่องนี้ได้แล้ว ตนยืนยันที่จะคัดค้านอย่างถึงที่สุด ในเรื่องการเผด็จการทางทหารนั้น ก็เป็นเรื่องที่ตนก็รับไม่ได้อยู่แล้ว แต่หากจะเป็นเผด็จการทางรัฐสภา ตนก็รับไม่ได้เช่นกัน

** ผ่าทางตัน"เผด็จการทุนสามานย์"

วานนี้ (22 ก.พ.) กลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 เสนอว่า การปฏิรูปประเทศไทย มีความจำเป็นในทางวิชาการ ที่ต้องแยกกระบวนการปฏิรูปประเทศไทย ออกจากกระบวนการของการปรับเปลี่ยนทางการเมือง หรือการแก้ไขโครงสร้างทางการเมือง ตามระบบปกติ ที่เป็นการดำเนินการโดยองค์กรผู้ใช้อำนาจอธิปไตย ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย

หลักการสำคัญสำหรับการปฏิรูปประเทศไทยให้สร้างสังคมที่เป็นธรรม เป็นสุข และมั่นคง โดยขจัดการรวมศูนย์และผูกขาดอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความสมดุลแห่งอำนาจ, สร้างหลักประกันและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของพลเมือง รวมทั้งการใช้สิทธิและการเข้าถึงสิทธิได้อย่างแท้จริง, และสร้างสังคมประชาธิปไตยที่ฝ่ายต่างๆ เข้ามามีบทบาทกำหนดความเป็นไปของประเทศอย่างมีดุลยภาพ

การปฏิรูปประเทศไทย ต้องมีกระบวนการที่ดีที่ปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง และผลประโยชน์กระบวนการปฏิรูปประเทศ จำเป็นต้องดำเนินการโดยอิสระ แยกออกมาจากโครงสร้างปกติทางการเมือง และการบริหาร เนื่องจากรัฐบาลมีประโยชน์ได้เสียโดยตรง ในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการปฏิรูปประเทศ, รัฐบาลมีภารกิจในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างเร่งด่วน และต่อเนื่อง, รัฐสภามีหน้าที่ประจำในการตรากฎหมาย ซึ่งปัจจุบันมีกฎหมายค้างอยู่เป็นจำนวนมาก, สมาชิกรัฐสภา มีประโยชน์ได้เสียในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการปฏิรูปประเทศ, และการปฏิรูปประเทศ เป็นเรื่องต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะ และการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างขวาง

นอกจากนี้ ต้องมีองค์กรที่ทำหน้าที่ในการปฏิรูปโครงสร้าง กำกับดูแลการ “ปฏิรูปประเทศไทย” และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ทั้งนี้ การ “ปฏิรูปประเทศไทย” มีความจำเป็นต้องปฏิรูประบบสำคัญอันเป็น “สามเสาหลัก” ของประเทศ คือ ระบบการเมือง ระบบการบริหารและกระบวนการยุติธรรม สังคม และเศรษฐกิจ

กลุ่ม “สยามประชาภิวัฒน์” จึงขอเสนอต่อภาคส่วนต่างๆ ของสังคมไทย ให้ช่วยกันเรียกร้องต่อรัฐบาล และรัฐสภาว่า แทนที่รัฐบาลและรัฐสภาจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อกำหนดโครงสร้าง และกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการมีส.ส.ร. เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่เพียงอย่างเดียวนั้น จึงไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาของประเทศ

สิ่งที่รัฐบาล และรัฐสภาพึงกระทำ คือ ควรดำเนินการปฏิรูปประเทศไทย โดยการเพิ่มเติมบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเพื่อกำหนดโครงสร้างและกระบวนการ “ปฏิรูปประเทศไทย” ในภาพรวมทั้งระบบ ตามรายละเอียดในแถลงการณ์นี้ เพื่อใช้เป็นกรอบสำหรับดำเนินการ “ปฏิรูปประเทศไทย” ต่อไป

**หวั่นกลุ่มสีปะทะ เตรียมกำลังรับมือ

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ฐานะกำกับหน่วยงานดูแลความปลอดภัยรัฐสภา เปิดเผยว่าการดูแลความปลอดภัยพื้นที่รัฐสภาในวันที่ 23 ก.พ.ที่จะมีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พื้นที่ภายในรัฐสภานั้น ได้จัดกำลังตำรวจรัฐสภาเต็มกำลัง จำนวน 100 คน เพื่อดูแลความเรียบร้อย ส่วนภายนอกรัฐสภานั้น ได้ประสานไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ให้ดูแลความเรียบร้อย เบื้องต้นได้ประสานกำลังจำนวน 1 กองร้อย หรือ 150 นาย ให้ดูแล

ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์กลุ่มผู้ที่จะมาชุมนุมที่บริเวณหน้ารัฐสภา ทั้งกลุ่มสนับสนุนให้แก้รัฐธรรมนูญ และคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ โดยกลุ่มคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ โดยกลุ่มคนเสื้อหลากสี ที่นำโดย นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นั้น จะเข้ามายื่นหนังสือต่อนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ ที่ภายในรัฐสภานั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาจะเป็นผู้ดูแล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาควมปลอดภัยรัฐสภา ยังห่วงเรื่องของการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มเสื้อหลากสี และ เสื้อสีแดง ดังนั้นจึงได้จัดโซนไว้ให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยแยกกันอยู่ และไม่ให้เข้าใกล้กันได้ เบื้องต้น จะให้กลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ที่บริเวณทางหน้าเท้าริมสวนสัตว์ดุสิต หน้ารัฐสภา และ กลุ่มคนเสื้อหลากสีรวมกลุ่มที่บริเวณแยกอู่ทองใน

** "ไอ้ตู่"เอาสีข้างโต้พันธมิตรฯ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดงได้ออกมาตอบโต้กลุ่มพันธมิตรฯ ที่ออกมาแถลงจุดยืนคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ทำราวกับว่ารัฐธรรมนูญปี 50 เป็นของกลุ่มพันธมิตรฯ

ส่วนที่จะฟ้องร้องคนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น กลุ่มพันธมิตรฯ ต่างหากที่ทำผิดกฎหมาย ที่ได้มาข่มขู่ และขัดขวาง เพราะการแก้มาตรา 291 เพื่อตั้งส.ส.ร.นั้น เป็นการแต่งตั้งจากประชาชน หากยังไม่เห็นด้วยกับส.ส.ร. ก็หมายความว่า ไม่เห็นด้วยกับประชาชน

สำหรับเป้าหมายการแก้ไข ที่กลุ่มพันธมิตรฯ อ้างว่า ทำเพื่อคนๆเดียวนั้น ทางพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ประกาศแล้วว่า จะไม่แก้เพื่อคนๆเดียว

ส่วนที่อ้างว่า จะกระชับอำนาจนั้น ตนอยากถามว่า จะกระชับเพื่ออะไร ทั้งที่อำนาจอยู่ที่นายกฯยิ่งลักษณ์แล้ว

** "มาร์ค"มีใบเสร็จแก้รธน.เพื่อ"แม้ว"

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ไปปราศรัยที่ จ.อุดรธานี และระบุว่า หลังแก้รัฐธรรมนูญ จะออกกฎหมายปรองดองเพื่อนำพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านว่า นับวันก็ยิ่งชัดเจนว่า การเคลื่อนไหวในเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการปรองดอง สุดท้ายก็เป็นการทำเพื่อคนเพียงคนเดียว

สิ่งที่ร.ต.อ.เฉลิมพูด เปรียบเสมือนเป็นใบเสร็จว่า คนที่หมกมุ่นอยู่กับพ.ต.ทักษิณ คือรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ที่ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ ทำแม้กระทั่งการแก้กฎหมายสูงสุด เพียงเพื่อจะช่วยคนเพียงคนเดียว

ทั้งนี้ ฝ่ายค้านยืนยันจะใช้โอกาสในสภาในการอภิปราย ชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ เพราะเคยระบุตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ควรชะลอไว้ก่อน เพราะยังมีหลายอย่างที่รอคอยความชัดเจน ตนขอยืนยันว่า แม้จะบรรจุวาระแล้ว ก็สามารถถอนได้

กรณี กลุ่มพันธมิตรฯ แสดงท่าทีจะออกมาคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า คงเป็นเพราะยังไม่มีใครตอบคำถามชัดๆ ว่าเป้าหมายการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คืออะไรกันแน่ จะมีก็แต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และนพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่บอกว่า ทำเพื่อใคร

"หากจะมีการชุมนุมคัดค้าน ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องควบคุม และผู้ชุมนุมก็ต้องทำตามกฎหมาย ไม่กระทบสิทธิผู้อื่น ผมยืนยันว่า รัฐบาลต้องทบทวนการแก้ไขในครั้งนี้ และเมื่อมองถึงข้อเสนอสำคัญที่สุดของ คอป. คือ หลีกเลี่ยงการดำเนินการอะไรก็แล้วแต่ ที่เพิ่มความขัดแย้งในสังคม แม้กระทั่งนายโคฟี่ อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ ยังบอกว่า สิ่งที่ขัดแย้งควรชะลอไว้ก่อน ดังนั้นนายกฯ และรัฐบาลต้องตระหนักจุดนี้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น