xs
xsm
sm
md
lg

“คำนูณ” หนุน กมธ.ปรองดองใช้ 66/23 หากปฏิบัติตามได้จริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“คำนูณ” แจงคำสั่ง 66/23 มีประโยชน์มาก ถือเป็นนโยบายปฏิวัติประชาธิปไตย เน้นขจัดความเหลื่อมล้ำทุกรูปแบบ หนุนกมธ.ปรองดองนำมาใช้หากทำตามได้จริง แต่หวั่นไม่เข้าใจลึกซึ้งแล้วเอามาปฏิบัติแค่บางส่วน ด้าน “พิภพ” ชี้คนรอบตัว “ทักษิณ” เต็มไปด้วยคอมมิวนิสต์เก่า รอวันสานต่ออุดมการณ์ แนะหากเอาสิ่งที่เป็นประวัติศาสตร์มาใช้ ต้องพิจารณาให้ดีว่าแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่


วันที่ 21 ธ.ค. นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.แบบสรรหา และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV

นายคำนูณกล่าวว่า กรณีคดี 16 ศพเสื้อแดง ตำรวจสรุปสำนวนว่าการตายเกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ ประเด็นที่ควรทำความเข้าใจว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น คือจากนี้ไปยังไม่ถึงขั้นส่งฟ้อง แต่ว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150 กรณีที่เจ้าพนักงานสอบสวนระบุว่าเป็นการตายที่เกิดขึ้นโดยเจ้าพนักงานที่กำลังปฏบัติหน้าที่ ตามกฎหมายในชั้นชันสูตรพลิกศพ เจ้าพนักงานอัยการต้องร่วมพิสูจน์ด้วย ขั้นตอนนั้นผ่านไปแล้ว และขณะนี้สำนวนชันสูตรนี้ส่งไปถึงมืออัยการแล้วครบทั้ง 16 สำนวน เมื่อ 16 ธ.ค.

จากนั้นอัยการจะต้องทำสำนวนยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นในเขต กรณีนี้ก็คือศาลอาญา เพื่อให้ศาลดำเนินการไต่สวนและทำคำสั่งถึงสาเหตุการตายนั้น เงื่อนเวลาก็คือภายใน 30 วัน และต่อได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วัน สรุปคือนับจาก 16 ธ.ค. ยืดได้สุดไม่เกิน 90 วัน ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลไต่สวน ศาลก็ต้องนัดวัน มีหมายเรียกญาติผู้เสียชีวิต ผู้เกี่ยวข้องมาไต่สวน

ถ้าศาลมีคำสั่งชี้ว่าการตายของ 16 ศพ เกิดจากเจ้าพนักงานขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ ก็จะส่งสำนวนกลับไปยังเจ้าพนักงานสอบสวน ผ่านทางอัยการ เจ้าพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการสอบสวนรายละเอียดว่าใครที่ทำให้เสียชีวิต

นายคำนูณกล่าวอีกว่า ถ้าศาลมีคำสั่งหลังกระบวนการไต่สวน จะมีความหมายใหญ่หลวงสำหรับสังคมไทย เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกหลังจากเกิดเหตุจลาจล ที่เจ้าพนักงานออกปฏิบัติหน้าที่แล้วต้องขึ้นสู่กระบวนการไต่สวน เพราะมักมี พ.ร.บ.นิรโทษกรรมออกมาก่อน การสู้อาจกินระยะเวลาถึง 3 ศาล แต่ความหมายคือ ด้านหนึ่งความรู้สึกของทหารที่ออกปฏิบัติการ เราต้องเคารพความรู้สึกเขา ไม่มีใครอยากออกไปปฏิบัติการหรอก เพราะถ้าทำแรงก็เกิดเหตุอย่างทุกวันนี้ หากไม่ทำรุนแรงตัวเองก็อันตราย

อีกด้านกรณีที่ทหารเสียชีวิตกระบวนการไปถึงไหนแล้ว กลับกันอันนี้เป็นคดีขึ้นมาแล้ว ความรู้สึกทหารระดับปฏิบัติการจะเป็นอย่างไร ความรู้สึกของทหารระดับบังคับบัญชาจะเป็นอย่างไร การบังคับบัญชาหรือการปฏิบัติงานจากนี้ไปจะเป็นเช่นไร เพราะทหารถูกออกแบบมาให้รับคำสั่ง ปฏิบัติตามคำสั่ง เป็นสถานการณ์ที่ผมเห็นว่าจะเป็นจุดเปลี่ยน จากนี้ไปประเทศไทยจะก้าวไปสู่จุดไหน

นายคำนูณกล่าวต่อว่า เรื่องนี้ประหลาด เพราะใครจะสู้ให้ทหาร ทหารเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่จะให้อัยการมาสู้คดีให้ได้หรือ ในเมื่ออัยการทำหน้าที่ฟ้องร้องไต่สวนเรื่องนี้ น่าจับตาว่ากองทัพบกจะดำเนินการอย่างไร คดีนี้จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง และเกิดปัญหาหลายมิติ ตนเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่ากองทัพบกแม้ยังไม่มีตัวตนผู้กระทำผิดโดยตรง แต่หากไปสู้ในชั้นไต่สวน อันตราย มันไม่เป็นอื่น เพราะศาลต้องทำตามสำนวนที่เจ้าพนักงานอัยการส่งมา ฉะนั้นน่าจับตาว่าเริ่มกระบวนการไต่สวนเมื่อไหร่ ข่าวบางกระแสบอกว่าอัยการจะยื่นศาล 28 ธ.ค. ซึ่งยังไม่ใช่วันพิจารณา ศาลต้องนัดวันเรียกบุคคลต่างๆมาไต่สวนก่อน

นายคำนูณยังกล่าวว่า รัฐบาลต้องการจับทุกฝ่ายเป็นตัวประกัน แต่ชีวิตมันไม่ง่ายอย่างนั้น ประเด็นคือจะบีบให้ทุกฝ่ายเข้าสู่กระบวนการนิรโทษกรรม แต่ไม่ใช่พรุ่งนี้เสนอกฎหมายนิรโทษกรรมแล้วทุกอย่างจะราบรื่น เพราะทุกฝ่ายจะคัดค้าน พันธมิตรฯ หมอตุลย์ สยามสามัคคี ต้องคัดค้าน แม้กระทั่งเสื้อแดงเองก็คัดค้าน เพราะเสื้อแดงบางกลุ่มไม่ต้องการให้นิรโทษกรรมทหาร แล้วเสื้อแดงต้องการรวมคนทำผิดมาตรา 112 เข้าสู่การนิรโทษด้วย ซึ่งฝ่ายอื่นรวมถึงกองทัพไม่ยอมแน่

“ฉะนั้นเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมเมื่อไหร่ ยุ่งเมื่อนั้น เสื้อแดงไม่ได้กลัวพันธมิตรฯ แต่กลัวทหารแน่นอน เพราะหากเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมช้าไป ไม่ทันชั้นไต่สวน กลัวว่าทหารจะรับไม่ได้ และกลัวเสื้อแดงด้วยเพราะบางกลุ่มต้องการให้ลุกไล่ต่อ ฉะนั้นรัฐบาลกำลังหนักหนาสาหัส ทักษิณก็ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเลือกเล่นอะไร บางครั้งอาวุธในมือมากเกินมันก็ทำลายตัวเอง สุดท้ายจะควบคุมตัวเองไม่ได้” นายคำนูณกล่าว  

ส่วนกรณีนายวัฒนา เมืองสุข ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาสร้ างความปรองดองแห่งชาติ (กมธ.ปรองดอง)  จุดประเด็นนำโมเดล 16/23 ในสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มาใช้ในการสร้างความปรองดอง

นายคำนูณกล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าผู้เสนอเข้าใจคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/23 ลึกซึ้งแค่ไหน ถ้าเข้าใจแล้วเสนอ ตนเห็นด้วย เอาเลย เพราะนโยบายนี้ไม่ใช่แค่เอาการเมืองนำการทหาร ไม่ใช่แค่การเปิดให้ผู้หลงผิดกลับเข้ามา แต่ 66/23 มีชื่อว่านโยบายต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ ก็คือการสร้างประชาธิปไตยขึ้นมาเพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ เป็นต้นว่าการปฏิบัติข้อ 4.2 ขจัดเหตุแห่งความไม่เป็นธรรมในสังคมทุกระดับตั้งแต่ท้องถิ่นถึงระดับชาติ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการอย่างเฉียบขาด ทำลายการกดขี่ขูดรีดทิ้งสิ้น สร้างความปลอดภัยให้เกิดแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

4.3 กำหนดการปฏิบัติให้มีการประสานประโยชน์ระหว่างชนชั้น เสียสละผลประโยชน์ของชนชั้น เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องมีจิตใจที่เป็นธรรม และเข้าใจปัญหาของประชาชนทุกชนชั้น และสำนึกว่า ประชาชนไทยทุกชนชั้นต่างก็มีจิตใจรักประเทศชาติ และพร้อมที่จะเสียสละเพื่อเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

4.4 ส่งเสริมประชาชนทุกกลุ่ม ทุกสาขาอาชีพให้สามารถในการปกครองตนเอง ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนทุกชนชั้นและสาขาอาชีพได้มีส่วนร่วมทางการเมือง กำหนดวิธีการให้ได้รับรู้ปัญหาของประชาชนให้ถือความต้องการของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการกำหนดแนวทางปฏิบัติงานเพื่อตอบสนองความต้องการ

4.5 สนับสนุนการจัดตั้งขบวนการประชาธิปไตยทั้งสิ้นที่มีอยู่โดยคำนึงถึงสิทธิและผลประโยชน์ของกลุ่มชนนั้นๆ อันพึงจะมี ให้ระมัดระวังและอย่าสับสนระหว่างขบวนการประชาธิปไตยกับขบวนการคอมมิวนิสต์ที่แอบแฝงโดยยกประชาธิปไตยนำหน้า  

โดยสรุปคนไทยเราจะมีประวัติศาสตร์สั้น 66/23 คือ นโยบายปฏิวัติประชาธิปไตยขั้นต้น และประชาธิปไตยที่ไม่ใช่แค่ผ่านการเลือกตั้งเท่านั้น แต่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ตาม 66/23 คือประชาธิปไตยที่ขจัดความเหลื่อมล้ำทุกรูปแบบ หรือคือการการปฏิรูปประเทศนั่นเอง

แต่น่าเสียดายที่การปฏิบัติตามนโยบายกระท่อนกระแท่น พอหมดยุค พล.อ.เปรม มันก็เป็นเหมือนเดิม มาจนทุกวันนี้ ท่านที่เสนอ 66/23 ต้องกลับไปอ่านให้ละเอียดว่าเอาอย่างนี้จริงหรือ ถ้าตามนี้ตนเอาด้วย แต่เกรงที่เสนอออกมา แล้วให้กฤษฎีกามาแจง กฤษฎีกาไม่รู้เรื่อง เพราะเขียนออกมาจากกองทัพ ท่านต้องให้ พล.อ.ชวลิต ชี้แจงรายละเอียดของ 66/23

นายคำนูณยังกล่าวว่า 66/23 มองว่าความอยุติธรรมเป็นต้นเหตุของการเกิดคอมมิวนิสต์ ฉะนั้นอย่าพูดถึงแต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ อย่าพูดแต่ผลรัฐประหาร หรือเรื่องนิรโทษกรรม แต่ต้องพูดถึงสาเหตุแท้จริงที่ทำให้สังคมขัดแย้งอย่างหนัก นั่นคือความอยุติธรรมที่เสื้อแดงพูดถึงเสมอ ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีนโยบายปฏิรูปประเทศ คณะกรรมาธิการปรองดองน่าจะไปศึกษา 66/23 ให้ดี แต่เกรงว่าจะเอาแค่บางสิ่งบางอย่างมา

ด้าน นายพิภพกล่าวว่า หลายคนเข้าใจผิดว่า 66/23 ปราบคอมมิวนิสต์ได้ แต่ความจริงแล้วคอมมิวนิสต์ของไทยอ่อนแอลงเพราะจีนกับโซเวียตแตกกัน 66/23 คือการเอาพวกหนีเข้าป่าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์กลับเข้ามาพัฒนาชาติไทย

ตนเห็นด้วยที่กรรมาธิการปรองดองต้องศึกษาประวัติศาสตร์ วันนี้ที่เสนอบนฐานประวัติศาสตร์อะไร และอย่าลืมแม้มี 66/23 พ.ร.บ.คอมมิวนิสต์ก็ยังไม่ยกเลิก การตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยก็ยังทำไม่ได้ ยังไม่เสรีเต็มที่ ซึ่งมาถึงปัจจุบันพวกนี้ก็เลยมาร่วมกับพ.ต.ท.ทักษิณ โดยเชื่อว่าร่วมกับกลุ่มทุนเพื่อเข้าสู่อำนาจ จะได้ใช้อำนาจทำตามอุดมการณ์ของตัวเอง ฉะนั้นพรรคไทยรักไทยจึงเต็มไปด้วยคนที่มีอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ จึงเกิดความขัดแย้งเพราะพ.ต.ท.ทักษิณเป็นทุนนิยมผูกขาดเต็มตัว

วันนี้ถ้าจะแก้ไขปัญหาแล้วจะเอาสิ่งที่เป็นประวัติศาสตร์มาใช้ ต้องพิจารณาให้ดีว่าแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ เสื้อแดงมีอุดมการณ์อย่างนั้นจริงหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องรู้ว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับคนหลายกลุ่ม ก็เลยขัดกันไปกันมา ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณต้องเลือกไพ่ใบเดียวแล้วเอาให้ชัดว่าจะเล่นใบไหน



กำลังโหลดความคิดเห็น