xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

อิหร่านวางบึ้ม วินาศกรรมกลางกรุง! ใช้ซีโฟร์ติดแม่เหล็กคล้ายอินเดีย-จอร์เจีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สภาพรถแท็กซี่ที่มือระเบิดขว้างใส่
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เวลา 14.00 น.วันที่ 14 ก.พ.เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บ้านเลขที่ 66 ท้ายซอยปรีดีพนมยงค์ 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. เป็นเหตุให้ตัวบ้านได้รับความเสียหายทั้งหลัง บ้านเรือนที่อยู่ข้างเคียงได้รับความเสียหาย จากนั้นได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณกลางซอยเดียวกัน ห่างจากบ้านที่เกิดระเบิดในครั้งแรกประมาณ 200 เมตร เป็นเหตุให้รถแท็กซี่สีแดง ทะเบียน ทร-1419 กทม.และบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุได้รับความเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดในจุดนี้ทันที 3 ราย คือ นายสัญชัย บุญสูงเนิน 32 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ นอกจากนี้ยังมีผู้ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย คือ นายกังวาน หอปราสาททอง อายุ 83 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าตาซ้าย นางจุฑาทิพย์ สัจจดำรงค์ อายุ 62 ปี มีอาการหูอื้อ และนายอภิชาต คำลือ อายุ 32 ปี ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์วิ่งผ่านมา ถูกสะเก็ดตามตัวและมีอาการหูอื้อ

ห่างกันราว 5 นาทีได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีกครั้งเป็นครั้งที่สามที่บริเวณด้านหน้า ร.ร.เกษมพิทยา ปากซอยปรีดีพนมยงค์ 35 ห่างจากจุดที่สองประมาณ 500 เมตร ในจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ถูกแรงระเบิดทำให้ขาขาดทั้ง 2 ข้าง ทราบชื่อภายหลังคือ นายซาอิด โมราติ (Saeid Moradi) อายุ 28 ปี สัญชาติอิหร่าน ถูกนำตัวส่ง รพ.จุฬาลงกรณ์

หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร.รับผิดชอบกำกับดูแลกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. และนายตำรวจระดับสูง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเร่งสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ จนทราบว่า หลังเกิดระเบิดขึ้นที่บ้านเช่าหลังดังกล่าว ได้มีชายชาวตะวันออกกลาง 3 คน เดินออกจากบ้านหลังที่เกิดเหตุอย่างเร่งรีบ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดที่บริเวณใกล้เคียงสามารถบันทึกภาพไว้ได้ โดยคนสุดท้ายที่ออกมา คือ นายซาอิด โมราติ ที่ได้รับบาดเจ็บขาขาด โดยเจ้าตัวสะพายเป้เดินออกมา ในมือถือกระเป๋าคล้ายกระเป๋ากล้อง เมื่อออกมากลางซอย ได้พยายามเรียกแท็กซี่ ทว่าเมื่อแท็กซี่ไม่ยอมจอดรับ จึงได้ขว้างระเบิดใส่จนเกิดระเบิดขึ้น ทำให้คนขับแท็กซี่ได้รับบาดเจ็บและรถแท็กซี่ได้รับความเสียหายทั้งคน จากนั้นคนร้ายได้เดินออกไปบริเวณปากซอย ถึงถนนใหญ่ และพบตำรวจ ที่พยายามแสดงตัวเข้าตรวจค้นจับกุม คนร้ายจึงพยายามขว้างระเบิดอีกลูกเข้าใส่ตำรวจ แต่ปรากฏว่า ขว้างไม่พ้นตัว จึงเกิดเหตุระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บขาขาดทั้งสองข้าง

อย่างไรก็ตามขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบภายในบ้านเลขที่ 66 ซึ่งนายซาอิดและเพื่อนรวม 3 คนเช่าอยู่ และได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด ยังพบมีวัตถุระเบิดซุกซ่อนอยู่อีกจำนวน 2 ลูก เจ้าหน้าที่จึงได้กันประชาชนออกจากบริเวณดังกล่าว ก่อนทำการเก็บกู้ไว้ได้ จากการตรวจสอบพบเป็นระเบิดแสวงเครื่องประกอบโดยใช้วิทยุทรานซิสเตอร์เอาแผงวงจรวิทยุออก ก่อนนำระเบิดซีโฟร์น้ำหนัก 3 - 4 ปอนด์ ยัดใส่ลงแทน จากนั้นนำส่วนหัวระเบิดมือที่ยังมีกระเดื่อง สลักแหวนระเบิด และแกนตัวจุดระเบิด เสียบใส่เข้าไปในวิทยุจนถึงเนื้อระเบิดซีโฟร์ นอกจากนี้ยังใส่ลูกเหล็กใส่ไว้ในกล่องวิทยุ เพื่อเพิ่มความรุนแรงในการสังหาร อีกทั้งมีการนำแม่เหล็กลักษณะกลมและแบนกว้างประมาณ 2 ซม.จำนวน 6 ตัว ติดไว้ใต้ฐานวิทยุ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าระเบิดแสวงเครื่องดังกล่าวมีรัศมีทำลายล้างประมาณ 40 เมตร และรัศมีสังหารประมาณ 3-5 เมตร

นอกจากนี้ยังพบว่าระเบิดแต่ละลูกมีการติดแม่เหล็กขนาดประมาณ 1 นิ้วเอาไว้จำนวน 6 อัน โดยติดไว้ที่ตัววิทยุทรานซิสเตอร์ เชื่อว่าวัตถุประสงค์ของการติดแม่เหล็กก็เพื่อนำไปใช้แปะติดกับยานพาหนะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงน่าจะเป็นการมุ่งสังหารตัวบุคคล แต่ทั้งนี้ระเบิดดังกล่าวสามารถใช้ก่อเหตุได้ 2 วิธี คือ ดึงสลักแล้วโยน กับนำไปแปะเอาไว้ แล้วใช้ลวดเส้นเล็กหรือเชือกผูกติดกับเพลาล้ออีกที เมื่อรถเคลื่อนตัวก็จะระเบิดทันที

ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัว นายโมฮัมหมัด คาซาอี (Mohammad Khazaei) อายุ 42 ปี สัญชาติอิหร่าน ผู้ต้องสงสัย 1 ใน 3 ที่เดินออกมาจากบ้านหลังเกิดระเบิด ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะรอขึ้นเครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3575 จุดหมายปลายทางที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเครื่องจะออกในเวลา 18.00 น. ก่อนนำตัวมาทำการสอบปากคำ ขณะที่ผู้ต้องสงสัยอีกรายคือ นายมาซุด เซดักฮัตซาเดะห์ (Masoud Sedaghatzadeh) อายุ 31 ปี สัญชาติอิหร่าน เดินทางออกไปด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน AK0837 เวลา 20.20 น

ขณะที่แนวทางการสืบสวนของตำรวจยังพบตัวละครในคดีนี้อีก 1 คน คือ น.ส.ไลลา โรฮานิ (Leila Rohani) อายุ 32 ปี สัญชาติอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้ติดต่อเช่าบ้านหลังที่เกิดระเบิด แต่ได้เดินทางออกจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 ก.พ.2555

ด้าน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ซึ่งหลังทราบข่าวได้บินด่วนกลับมาจากการปฏิบัติภารกิจแถลงข่าวจับกุมยาเสพติดที่ จ.เชียงใหม่ และได้รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที พร้อมยืนยันว่าเหตุระเบิดครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับก่อการร้าย เชื่อว่าเป้าหมายของคนร้ายน่าจะเป็นบุคคลไม่ใช่การก่อวินาศกรรมตามสถานที่สำคัญ เพราะเป็นระเบิดชนิดขว้าง และไม่เชื่อมโยงกับคดีนายอาทริส ฮุสเซ็น ชาวเลบานอนที่ถูกจับกุมพร้อมสารประกอบระเบิดก่อนหน้านี้ ส่วนจุดประสงค์ต้องรอสอบปากคำคนร้ายที่ถูกจับกุมได้

ขณะที่ในวันรุ่งขึ้นผบ.ตร.ได้ให้สัมภาษณ์หลังร่วมสอบปากคำ นายโมฮัมหมัด ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมตัวได้ ว่า เจ้าตัวยังคงให้การภาคเสธ.ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดดังกล่าว แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะมีพยานหลักฐานมัดแน่น พร้อมย้ำ ว่า เหตุระเบิดครั้งนี้คนร้ายไม่ได้พุ่งเป้าไปที่การก่อการร้ายภายในประเทศไทย แต่มีเป้าหมายชัดเจนที่ตัวบุคคล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอลในประเทศไทย

“จากหลักฐานที่พบเชื่อได้ว่าเหตุระเบิดนี้เชื่อมโยงกับเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทูตอิสราเอลในประเทศอินเดีย และ จอร์เจีย เนื่องจากระเบิดที่ใช้ก่อเหตุเป็นระเบิดแสวงเครื่องลักษณะการประกอบเหมือนกัน อีกทั้งมีแถบแม่เหล็กที่เอาไว้ ยึดติดกับวัตถุเหมือนกัน ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตกใจ คนร้ายมีเป้าหมายที่บุคคลไม่ใช่มุ่งก่อการร้ายทำลายสถานที่ หรือกลุ่มคนจำนวนมาก”ผบ.ตร.ระบุ

สอดคล้องกับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ได้แถลงภายหลังร่วมประชุมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งกองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตัวแทนของกระทรวงการต่างประเทศ ว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นการเตรียมการมุ่งเป้าหมายต่อบุคคล อุปกรณ์ต่างๆ ของระเบิดไม่สามารถทำลายล้างสถานที่ขนาดใหญ่ได้ หรือมีการเตรียมการก่อวินาศกรรมแต่อย่างใด

ส่วนจะเป็นการดำเนินการในลักษณะเชื่อมโยงกับการเหตุก่อการร้ายที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย และจอร์เจีย ซึ่งเกิดเหตุคาร์บอมบ์หรือไม่นั้น เลขาฯ สมช.ยังไม่ยืนยัน พร้อมระบุว่า กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเตรียมการก่อการร้ายในไทยหรือไม่ รวมทั้งจะเชื่อมโยงกับนายอาทริส ฮุสเซน สมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้หรือไม่

ขณะที่ในช่วงค่ำวันที่ 15 ก.พ.55 ศาลอาญา กรุงเทพใต้ ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ทั้งหมด 4 รายแล้ว ประกอบด้วย นายซาอิด โมราติ อายุ 28 ปี นายโมฮัมหมัด ฮาซาอี อายุ 42 ปี นายมาซุด ซีดากัส ซาเดท อายุ 31 ปี และ น.ส.ไลลา โรฮานี่ อายุ 32 ปี ในข้อหา 1. ร่วมกันทำและประกอบวัตถุระเบิด 2. ร่วมกันมีไว้ซึ่งวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ3. ทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย

นอกจากนี้มีรายงานว่าทางการมาเลเซียสามารถจับกุม นายมาซุด ได้ ขณะเดินทางถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ ล่าสุดทางการไทยได้ประสานเพื่อขอให้ส่งตัว มาดำเนินคดีในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน

อ่านเรื่องประกอบ “ระเบิด 5 จุด 3 ประเทศ ตอกย้ำอิหร่านชำระแค้นอิสราเอลหน้า 57
วิทยุทรานซิสเตอร์ที่ดัดแปลงโดยยัดระเบิดซีโฟร์พร้อมติดแถบแม่เหล็ก ซึ่งเป็นการทำระเบิดที่คล้ายกับเหตุการณ์ลอบสังหารเจ้าหน้าที่ทูตอิสราเอลในอินเดียและจอร์เจีย
กำลังโหลดความคิดเห็น