xs
xsm
sm
md
lg

วินาศกรรมกลางกรุง แก๊งอิหร่านบอมบ์3จุด เย้ยถอนเตือนก่อการร้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-ระทึกรับวันวาเลนไทน์ แก๊งอิหร่านเข้าไทยก่อวินาศกรรมกลางกรุง 3 จุด หลังเลิกเตือนภัยก่อการร้ายไม่ถึง 10 วัน เผยระเบิดบ้านเช่า ปาบึ้มรถแท็กซี่ และรถตำรวจ คนร้ายโดนระเบิดขาขาด 1 ประชาชนถูกลูกหลงเจ็บ 4 ตำรวจตามรวบตัวได้คาสุวรรณภูมิอีก 1 ขณะเตรียมบินไปมาเลเซีย "ปานศิริ"ยันไม่เกี่ยวกลุ่มเลบานอน "เพรียวพันธ์"ยังไม่โยงก่อการร้าย "ปู" เครียด เตือนประชาชนอย่าตกใจ อังกฤษประกาศเตือนทันควัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (14 ก.พ.) เวลา 14.20 น. เจ้าหน้าที่ห้องวิทยุ สน.คลองตัน รับแจ้งเหตุชายชาวต่างชาติ อายุราว 50 ปี ขว้างระเบิดใส่รถแท็กซี่ ภายในซอยปรีดีพนมยงค์ 31 ถนนสุขุมวิท 71 แขวงคลองตัน เขตวัฒนา จึงแจ้ง ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ สุขวัต รอง สวป. และ ส.ต.อ.พันธุ์ภูมิ รักกุศล ผบ.หมู่ปราบปราม ที่กำลังขับรถตราโล่ ทะเบียน ชผ 2039 กรุงเทพมหานคร ออกตรวจพื้นที่รีบไปตรวจสอบเหตุทันที

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุตำรวจพบชายชาวต่างชาติต้องสงสัย เดินอยู่บนฟุตบาทหน้าโรงเรียนเกษมพิทยา ขณะเดียวกัน มี รถจักรยานยนต์ขับตามชายต้องสงสัยมา พอเห็นรถตำรวจรีบตะโกนบอกให้เจ้าหน้าที่จับกุมชายคนดังกล่าว ขณะที่ ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ สั่งการให้ลูกน้องจอดรถ แต่ยังไม่ทันเปิดประตูลงไป ปรากฏว่าชายชาวต่างชาติ ลักษณะเป็นคนอาหรับ ได้ใช้มือล้วงเป้สะพายหลัง หยิบระเบิดออกมาพยายามขว้างใส่เจ้าหน้าที่ แต่ด้วยความรีบร้อน ทำให้ระเบิดหล่นใส่ขาของตัวเอง เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น แรงระเบิดทำให้กระจกหน้ารถยนต์สายตรวจแตกกระจาย รวมทั้งทำให้กระจกร้านนารายณ์พิซเซอเรีย ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแตกกระจายเช่นเดียวกัน แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

**มือระเบิดพยายามฆ่าตัวตาย**

ส่วนคนร้ายพบว่านอนครวญครางจมกองเลือดอยู่ข้างตู้โทรศัพท์ โดยได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกสะเก็ตระเบิดเข้าที่หัวเข่าทั้ง 2 ข้าง ตัดเส้นเอ็นถึงกระดูกขาซ้ายขาด และมีอาการคลั่งยังไม่สิ้นฤทธิ์ พยายามลุกขึ้นนั่งคว้าเศษกระจกจากตู้โทรศัพท์มาปาดคอฆ่าตัวตาย แต่เจ้าหน้าที่เข้าชาร์จไว้ได้ จึงรีบแจ้งให้มูลนิธิร่วมกตัญญูรับตัวส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ ทันที

ขณะเดียวกัน พบกระเป๋าเป้คนร้ายตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าตรวจสอบ เพราะเกรงว่าอาจมีระเบิด หรือวัตถุอันตรายซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋า พร้อมสั่งการให้ปิดถนนสุขุมวิท 71 ทั้งเส้นเพื่อความปลอดภัยทันที

ผลการตรวจสอบกระเป๋าต้องสงสัยของคนร้าย พบเพียงเสื้อผ้าและธนบัตรสหรัฐ 2,800 เหรียญสหรัฐ ธนบัตรสกุลดีร์นาอิหร่านจำนวนมาก และเงินไทยอีก 8,500 บาท ไม่พบบัตรหรือพาร์สปอตว่าเป็นใครมาจากไหน มีเพียงใบเสร็จของโรงแรมท็อปไทย จ.ชลบุรี ระบุชื่อนายซาอิฟ โมราบิ สัญชาติอิหร่าน

**เผยมือบึ้มเช่าบ้านอยู่ในซอยปรีดีย์ 31 **

พยานที่เห็นเหตุการณ์ให้การว่า คนร้าย ได้มาเช่าบ้านเดี่ยวเลขที่ 66 ภายในซอยปรีดีพนมยงค์ 31 อยู่กับเพื่อนรวม 3 คน นานประมาณ 1 เดือน ส่วนใหญ่จะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ค่อยออกมาข้างนอก และมีชายหญิงชาวต่างชาติคู่หนึ่ง คอยซื้ออาหารเข้าไปในบ้านอยู่เป็นประจำ

ก่อนเกิดเหตุ มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ตามมาด้วยเสียงชาวต่างชาติตะโกนโหวกเหวก จากนั้นคนร้ายได้สะพายเป้วิ่งเดินออกมา 3 คน โดย 2 คนแรกโบกแท็กซี่สีเขียวเหลืองขึ้นรถหลบหนีไปก่อน ต่อมาคนร้ายที่คลั่งก่อเหตุเดินในสภาพโชกเลือดออกมาเกือบถึงหน้าปากซอย และเรียกแท็กซี่สีส้ม ทะเบียน ทร 1419 กรุงเทพมหานคร มีนายสัญชัย บุญสูงเนิน อายุ 32 ปีเป็นคนขับ แต่ได้ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสารและขับออกไป ทำให้หนุ่มใหญ่ชาวอาหรับเกิดคลุ้มคลั่ง ปาระเบิดใส่แท็กซี่จนเสียหาย ถูกสะเก็ดระเบิดจนพังยับเยิน โชคดีที่นายสัญชัย ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย จากนั้นคนร้ายได้เดินหลบหนีไปทางหน้าโรงเรียน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามขว้างระเบิดเข้าใส่ แต่เกิดพลาดระเบิดตกใส่ตัวเองจนได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว

**ค้นบ้านเช่าพบซีโฟร์2ปอนด์**

ต่อมา พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รรท.รองผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว ผบก.น.5 เดินทางไปยังที่เกิดเเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน

หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณหน้าโรงเรียนเกษมพิทยาในเบื้องต้นแล้ว พล.ต.อ.ปานศิริ ได้เดินทางมาตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 66 ในซอยปรีดีย์พนมยงค์ 31 ซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุระเบิดขึ้นครั้งแรก โดยเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ มีรั้วรอบขอบชิด เนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา สภาพได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดทั้งหลัง เบื้องต้น จากการตรวจสอบ พบว่ามีระเบิดอยู่ภายใน เป็นซีโฟร์ หนัก 2 ปอนด์ จึงให้เจ้าหน้าที่ทำการเก็บกู้ รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจหาและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด

พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บ้านหลังนี้ ได้มีชาวตะวันออกกลาง ออกจากบ้านหลังที่เกิดเหตุ 3 คน โดยคนสุดท้าย คือ นายซาอิฟ โมราบิ ที่ได้รับบาดเจ็บขาขาด สะพายเป้เดินออกมา ในมือถือกระเป๋าคล้ายประเป๋ากล้อง เมื่อออกมากลางซอย ได้พยายามเรียกแท็กซี่ แต่แท็กซี่ไม่จอด จึงได้ขว้างระเบิดใส่ จนเกิดระเบิดขึ้น ทำคนขับได้รับบาดเจ็บ และรถเสียหายทั้งคัน จากนั้นคนร้าย ได้เดินออกไปบริเวณปากซอย ถึงถนนใหญ่ และพบตำรวจ ซึ่งพยายามแสดงตัวเข้าตรวจค้น จับกุม คนร้าย พยายามขว้างระเบิดอีกลูกใส่ แต่ปรากฏว่า ขว้างไม่พ้นตัว จึงเกิดเหตุระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าตัวขาขาดทั้งสองข้าง

"ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เก็บกระเดื่องระเบิดได้ ตรวจสอบพบว่า เป็นระเบิดชนิดเดียวกันที่ขว้างใส่รถแท็กซี่ และยังพบกระเป๋าของคนร้าย ซึ่งพบหลักฐานระบุว่า คนเจ็บถือหนังสือเดินทางประเทศอิหร่าน เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 ก.พ.2555 โดยเข้ามาที่ภูเก็ต ก่อนมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ"

**ยังไม่โยงกลุ่ม"อาทริส ฮุสเซ็น"**

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุนี้ มีความเชื่อมโยงกับนายอาทริส ฮุสเซ็น คนร้ายชาวเลบานอนหรือไม่ พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า กรณีนั้นไม่พบว่า มีชาวอิหร่านเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งในส่วนนี้ ตำรวจจะทำการสืบสวนขยายผลในเชิงลึกต่อไป และคาดว่า คดีนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ผบ.ตร.จะตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมาดูแลคดีเป็นการเฉพาะ ส่วนคนร้ายที่เหลืออีก 2 คน เจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวอยู่

เมื่อถามอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือไม่ พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า ต้องรอสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ ทราบเพียงว่า คนร้ายมีวัตถุระเบิดในครอบครอง และได้ใช้ระเบิด 3 จุด ส่วนประเด็นว่า มีคนไทยมีส่วนรู้เห็นหรือไม่นั้น ทราบว่า อาจจะมี ขณะนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม 1ใน 2 คนร้ายได้ที่หลบหนีไปได้แล้ว ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเตรียมเดินทางไปยังมาเลเซีย

**รวบ 1 ผู้ต้องสงสัยคาสุวรรณภูมิ**

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมที่สนามบินสุวรรณภูมินั้นทราบชื่อ นายโมฮัมหมัด ฮาซาอี (mosumnad hazaei) อายุ 42 ปี สัญชาติอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัย กำลังเตรียมจะขึ้นเครื่องที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบินแอร์เอเซีย เที่ยวบินที่ FD 3575 ปลายทางกรุงกัวลาลัมเปีย ประเทศมาเลเซีย โดยจะออกเดินทางเวลา 18.00 น. ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องสงสัยอยู่ระหว่างพนักงานสอบสวนสอบปากคำ

เบื้องต้นทราบว่าคนร้ายมีด้วยกัน 3 คน หนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บ ส่วนอีก 2 รายหลบหนีไปได้ เป็นชายชาวอิหร่านรูปร่างอ้วนใหญ่ ส่วนการกระทำดังกล่าวจะเป็นการก่อการร้ายข้ามชาติหรือไม่นั้น ในขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นกลุ่มขบวนการก่อการร้ายหรือไม่ ต้องรอสอบสวนก่อน

**รักษาตัว รพ.กล้วยน้ำไท 4 ราย**

นายแพทย์วุฒิชัย บุษราคัมวงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท กล่าวว่า โรงพยาบาลได้รับตัวผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่ซอยปรีดีพนมยงค์ ทั้งสิ้น 4 ราย แยกเป็น ชาย 3 ราย หญิง 1 ราย จากผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ทั้งสิ้น 5 ราย โดยผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลรับไว้นั้น เป็นสัญชาติไทยทั้งหมด ส่วนอีก 1 ราย ที่ส่งต่อให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เป็นแขกขาว ไม่ทราบชื่อ-นามสกุล มีอาการสาหัส ขาขาดทั้ง 2 ข้าง

โดยผู้บาดเจ็บทั้ง 4 รายที่โรงพยาบาลรับไว้ ทราบชื่อ คือ นายอภิชาติ คำลือ อายุ 33 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดฝังที่เข่าขวา นายกังวาน หอประสาททอง อายุ 80 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดตามตัว ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล นางจุฑาทิพย์ สัจจะดำรง อายุ 62 ปี อาการหูอื้อ และนายขรรค์ชัย บุญสูงเนิน อายุ 32 ปี คนขับรถแท็กซี่อาการหูอื้อ

**รพ.จุฬาฯเตรียมตัดขาซ้าย**

ต่อมาเวลา 18.00 น.ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นพ.รัฐพลี ภาคอรรถ รองผู้อำนวยการ รพ.จุฬาลงกรณ์ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวว่า โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ได้นำส่งผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลจุฬาฯจำนวน 1 ราย เมื่อเวลา 15.05 น. เป็นชาย ไม่ทราบชื่อ นามสกุล แต่ยืนยันได้ว่าเป็นชาวต่างชาติ เนื่องจากไม่สามารถสื่อสารเป็นภาษาไทยได้ อีกทั้ง ไม่มีเอกสารใดๆ ที่บ่งชี้ตัวบุคคล โดยขณะนี้ผู้บาดเจ็บอยู่ห้องฉุกเฉิน แพทย์ทำการผ่าตัดตั้งแต่เวลา 16.30 น. อาการเบื้องต้น ผู้บาดเจ็บมาที่โรงพยาบาลด้วยอาการสาหัสมาก ขาข้างขวาขาด ขณะที่ขาข้างซ้ายเกือบขาด มีสภาพร่องแร่ง ซึ่งแพทย์จำเป็นต้องตัดขาข้างซ้ายทิ้งด้วย เนื่องจากเส้นเลือดใหญ่ กล้ามเนื้อ กระดูกถูกทำลายมาก ไม่สามารถต่อได้ หากเก็บไว้จะติดเชื้อรุนแรง ส่วนขาข้างขวาไม่พบตั้งแต่ถูกนำส่ง ขณะเดียวกันนัยน์ตาขวาก็ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก รวมทั้งยังได้รับบาดเจ็บภายในช่องท้อง ส่วนสภาพภายนอก ผิวหนังมีลักษณะถูกไฟเผา

นพ.รัฐพลี กล่าวว่า ขณะนี้ทางคณะแพทย์กำลังช่วยชีวิตอย่างเต็มที่ โดยแพทย์ได้ให้ออกซิเจนทางท่อหายใจ ซึ่งการเต้นหัวใจเร็ว โดยเต้น 122 ครั้งต่อนาที หายใจ 24 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 126/78 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งถือไม่สูงมาก นอกจากนี้ ยังใส่ปลอกคอป้องกันการเคลื่อนของกระดูกต้นคอ

“แม้ผู้บาดเจ็บจะมีอาการสาหัสมาก แต่คณะแพทย์จะรักษาเต็มที่ และเชื่อว่ามีโอกาสรอดสูง ซึ่งต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด” นพ.รัฐพลี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้บาดเจ็บจะพ้นช่วงวิกฤตเมื่อใด นพ.รัฐพลี กล่าวว่า คาดว่าต้องรออีก 72 ชั่วโมง จึงจะพิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามโอกาสรอดมีสูง แต่ไม่สามารถบอกเป็นเปอร์เซ็นต์ได้

**"เพรียวพันธ์"ปัดเอี่ยวก่อการร้าย**

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ที่ จ.เชียงใหม่ ว่า ได้รับรายงานแล้วและกำลังจะเดินทางกลับไปดูที่เกิดเหตุ ส่วนผู้ก่อเหตุจะเป็นชาวเลบานอนหรือไม่ยังระบุไม่ได้ ขณะที่สาเหตุจะมาจากการก่อการร้ายหรือไม่ก็ยังบอกไม่ได้ เพราะมันเร็วเกินไป บอกได้แต่ว่าระเบิดที่ใช้เป็นระเบิดมือแบบสังหาร และตอนนี้ได้สั่ง ผบช.น.พยายามหาอีกสองคนที่หนีไปหลังจากบ้านระเบิด ส่วนจะเกี่ยวโยงกับประกาศเตือนของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้หรือไม่ ต้องไปดูข้อมูลและจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้ง

"ได้สั่งให้ตำรวจสันติบาลและทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการในการดูแลตรวจสอบชาวต่างชาติให้มากขึ้น และได้มีการสืบสวนเชิงลึกมาตลอดหลังพบปุ๋ยยูเรียที่เชื่อมโยงจากการจับกุมชาวเลบานอน แต่รายละเอียดยังเปิดเผยไม่ได้มาก"

**รัฐบาลคาดอาจเป็นการทะเลาะกัน

นางฐิติมา ฉายแสง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยทางโทรศัพท์ระหว่างลงพื้นที่นกขมิ้นทัวร์ถึงความคืบหน้าเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานแล้ว และได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เข้าไปดูแลตรวจสอบในพื้นที่ ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศ ได้ประสานไปยังประเทศอิหร่าน เพื่อตรวจสอบว่าชาวอิหร่านกลุ่มที่ก่อเหตุ เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่ออะไร

อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ รัฐบาลได้ป้องกันการก่อวินาศกรรมได้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เชื่อมโยงถึงการประกาศเตือนก่อการร้ายของสหรัฐฯ ช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยคาดว่าอาจเป็นการทะเลาะกัน ไม่คิดว่าเป็นการก่อวินาศกรรม หรือระเบิดพลีชีพ เนื่องจากมีการนำระเบิดมาขว้างใส่รถแท็กซี่และเจ้าหน้าที่ตำรวจ

**นายกฯเครียดหลังรู้เหตุบึ้ม**

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ที่บริเวณ บึงสีไฟ จ.พิจิตร จากการสังเกตเห็นได้ว่า ทีมงานรักษาความปลอดภัยของ นายกรัฐมนตรี ได้รายงานเรื่องสำคัญต่อ นายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่า เป็นการรายงานถึงเหตุระเบิดภายในพื้นที่กรุงเทพฯ 3 จุด ในซอยปรีดีพนมยงค์ สุขุมวิท 71 ในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้นายกรัฐมนตรี มีสีหน้าเคร่งเครียดก่อนที่จะเดินทักทายประชาชนที่มาให้การต้อนรับ

**เตือนประชาชนอย่าตกใจ**

ต่อมาเวลา 16.50 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ระหว่างการลงพื้นที่บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ ว่า อย่าเพิ่งสรุปประเด็นนี้ขอให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักข่าวกรอง ทำงานก่อน และขอให้ประชาชน อย่าตกใจ ขณะนี้เราจับตัวคนร้ายได้แล้ว ซึ่งต้องดำเนินการตามกระบวนการ

**โฆษกบัวแก้วให้รอ สตช.ตรวจสอบ**

นายธานี ทองภักดี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่อย่าเพิ่งปักใจเชื่อว่าเป็นเรื่องก่อการร้าย ต้องรอให้ทาง สตช.ได้ตรวจสอบก่อน ส่วนจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของต่างประเทศหรือไม่ เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดหลังจากที่มีการถอนประกาศเตือนก่อการร้ายเพียง 10 วัน เห็นว่า เป็นคนละเรื่องกัน ต้องรอดูรายละเอียดก่อน

**"อภิสิทธิ์"ชี้น่าห่วงความปลอดภัย**

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเกิดเหตุระเบิด ว่า ยังเป็นเรื่องที่วางใจไม่ได้ เจ้าหน้าที่คงต้องเข้มข้นขึ้น ต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้นขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 15 ก.พ.เวลา 07.30 น. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติได้เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคงถึงกรณีดังกล่าว และจะมีการแถลงข่าวในเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล

***อังกฤษประกาศเตือนพลเมือง

รายงานข่าวแจ้งว่า กระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ ได้ออกประกาศเตือนพลเมืองของตน ให้ระวังการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุบลราชธานี และอุดรธานี โดยระบุว่า มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดเหตุการณ์ก่อการร้าย หลังจากที่เกิดเหตุระเบิดบริเวณตู้โทรศัพท์ในซอยสุขุมวิท 71 เขตคลองตัน ในช่วงบ่ายวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา และยังได้แนะนำให้ชาวอังกฤษที่อยู่ในประเทศไทย ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการไทยและติดตามการรายงานข่าวสารต่างๆ อย่างใกล้ชิด
กำลังโหลดความคิดเห็น