xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

"นลินี ทวีสิน" และเครือข่ายแม้วกาเบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นลินี ทวีสิน รัฐมนตรีใหม่ของรัฐบาลปูแดงที่กำลังถูกตั้งคำถามเรื่องจริยธรรมและความเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายสัมพันธ์ของเธอที่มีต่อเครือข่ายมูกาเบ
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เชื่อแน่ว่าเวลานี้สังคมคงจะได้เห็นหน้าคร่าตาของบรรดาคณะรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อยิ่งกวาดตามองพิจารณาประวัติ ปูมหลัง ของแต่ละคนแล้วก็คงจะเป็นการเน้นย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ หาได้เข้ามาบริหารประเทศเพื่อประโยชน์ของปวงชนชาวไทยเป็นส่วนใหญ่เลยด้วยซ้ำ เพราะการปรับ ครม.ครั้งนี้ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงคำว่า “บุญคุณต่างตอบแทน” ที่เชื่อมโยงไปถึงกลุ่มธุรกิจการเมือง กับ นช.ทักษิณ ชินวัตร แถมจะทั้งสิ้น ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และหากจะกล่าวว่าการปรับ ครม.ปู2 เป็นเพียงการแบ่งสมบัติผลัดกันชมของบริษัท ชินวัตร จำกัด ก็คงไม่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงเท่าใดเลย

และยิ่งโดยเฉพาะรายของ "นลินี ทวีสิน" อดีตผู้แทนการค้าไทย ที่พลันได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันทั่วบ้านทั่วเมือง ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะเธอได้ถูกขึ้นบัญชีดำ หรือมีชื่ออยู่ในแบล็กลิสต์สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างชาติ กระทรวงการคลัง สหรัฐอเมริกาโดยถูกกล่าวหาว่าทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์และด้านการค้าอัญมณีในนามของ ประธานาธิบดีโรเบิร์ต แห่งซิมบับเว และมาดาเกรซ มูกาเบ ภริยา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้นำเผด็จที่ครองอำนาจมายาวนานกว่า 30 ปี และเป็นรัฐบาลเผด็จการที่มีการคอรัปชั่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

อย่างไรก็ตาม แม้นลินีจะถูกตั้งคำถามมากมายถึงความเหมาะสมและถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงในการรับตำแหน่งรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรีจากทุกฝ่ายมากเพียงใด รวมไปถึงกระทั่งคนในพรรคเพื่อไทยด้วยกันเองก็ตาม ก็ดูเหมือนจะไม่ได้สั่นคลอนตำแหน่งรัฐมนตรีของเธอเลยแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่การันตีถึงความเหนียวแน่นของเก้าอี้รัฐมนตรีสำนักนายกฯ ของนลินีคงจะต้องหนีไม่พ้นคำสั่งจาก นช.ทักษิณ ผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้นเอง

แน่นอน สังคมคงจะเกิดเกิดคำถามว่า ความสัมพันธ์ของ นลินี และ นช.ทักษิณ มีความเกี่ยวเนื่องกันเพียงใด หรือเพราะนลินีเป็นตัวเชื่อมประสานเรื่องธุรกิจลับๆ ถึง นช.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งว่ากันว่า ที่ได้มากินตำแหน่ง ก็เพื่อช่วย นช.ทักษิณในการบุกฮุบธุรกิจเหมืองเพชรพลอยในกาฬทวีปมาแล้ว

***ลากไส้เครือข่ายธุรกิจมืด “มูกาเบ”

จะว่าไปแล้วรายชื่อของรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ 2 เมื่อดูรายชื่อแต่ละคนแล้วก็ล้วนมีเครื่องหมายการันตียี่ห้อ สายล่อฟ้า แทบจะทุกคนเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้ง แกนนำเสื้อแดง อย่าง "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" รมช.เกษตรฯ ที่ได้ดิบได้ดี เพราะสู้เพื่อนายใหญ่ เกณฑ์คนเสื้อแดงออกมาเผาบ้านเผาเมือง หรือจะเป็น "นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล" อดีตบิ๊กบอสไอทีวี หรือ "อารักษ์ ชลธารนนท์" อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารไทยคม

...แต่แล้วเรื่องราวของทุกคนก็ถูกกลบไปในพริบตา โดยคนที่รับตำแหน่งสายล่อฟ้าอันดับ 1 ในรัฐบาลปู2 ก็คงจะหนีไม่ "นลินี ทวีสิน" อดีตผู้แทนการค้าไทยที่จับผลัดจับผลูได้มากินตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมมอบหมายให้กำกับดูแลปฏิบัติราชการในส่วนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(เฉพาะสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ), สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (เฉพาะสำนักโฆษก), ราชบัณฑิตยสถาน

สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ส่วนการมอบหมายดูแลองค์การมหาชนและหน่วยงานของรัฐคือ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน), สำ นักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย, สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน)ศึกษา (องค์การมหาชน)

นี่คงเป็นเครื่องการันตีได้อย่างดีถึงกระแสข่าวที่ว่า นลินี ที่มาถึงวันนี้ได้ ไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะสายตรงนายใหญ่ล้วนๆ

และอย่าได้แปลกใจอันใด หากพรรคประชาธิปัตย์ จะดาหน้าออกมาถล่มเปิดโปงถึงประวัติย้อนหลังของนลินีที่ผ่านมา อาทิ มัลลิกา บุญมีตระกูลรองโฆษก พรรคประชาธิปัตย์ เปิดประเด็นใหม่ได้อย่างน่าสนใจ กระทั่งเรียกได้ว่า เส้นทางธุรกิจและการเมืองของ "นลินี ทวีสิน" นั้นไม่ธรรมดาเอาเสียเลย

มัลลิกาตั้งประเด็นว่า ผู้ที่ถูกขึ้นบัญชีดำ 4 คนของสหรัฐฯ ในคราวเดียวกันเมื่อปี 2008 ด้วยหลักฐานการเป็นเครือข่ายของ "โรเบิร์ต มูกาเบ" ซึ่งเป็นความเลวร้ายของการใช้อาวุธเข่นฆ่าประชาชน ประกอบด้วย1.จอห์น เบรเดนแคมพ์พ่อ ค้าอาวุธ 2.บิลลี โรเทนบัก ผู้สนับสนุนทางการเงิน3.มะห์มูด อาวัง เคชิก ชาวมาเลเซีย ที่ปรึกษาทางธุรกิจ
4.นลินี จอย ทวีสิน นักธุรกิจชาวไทย มีส่วนร่วมในข้อตกลงทางธุรกิจ

ทั้งนี้ในจำนวน 4 คนนั้น นลินีมีส่วนเกี่ยวข้องกับคน 2 คน รายแรกคือ จอห์น อาร์โนลด์ เบรเดนแคมพ์ (John Bredenkamp) และรายหลังคือ "บิลลี โรเทนบัก" (Billy Rautenbach หรือ Muller Konrad Rautenbach) เพราะทำธุรกรรมร่วมกันจนกลายเป็นที่มาของการแซงก์ชั่น ซึ่งหนักหนาสาหัสกว่าแบล็กลิสต์-ห้ามเข้าประเทศหลายเท่าตัว

ในข้อเท็จจริง "นลินี ทวีสิน" จะรู้จักกับ 2 คนนี้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ต่อไป แต่ที่แน่ๆ คือทั้ง 2 คนนี้มีสถานะเดียวกับ "นลินี ทวีสิน" นั่นคือถูกขึ้นบัญชี Specially Designated Nationals (SDN) ของสำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างชาติ กระทรวงการคลังสหรัฐ เหมือนกัน

กล่าวคือ จอห์น อาร์โนลด์ เบรเดนแคมพ์ อายุ 72 ปี เป็นนักธุรกิจชาวซิมบับเว และเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท คาซาลีกรุ๊ป เขาเกิดที่แอฟริกาใต้ และ ได้ย้ายมาอยู่ในโรดีเซียใต้ ซึ่งปัจจุบันคือประเทศซิมบับเว

เขาได้เข้าทำงานในบริษัทรับซื้อใบยาสูบในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 และได้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทคาซาลี ขึ้นในประเทศเบลเยียม ในปี 2519 ทำกิจการซื้อขายใบยาสูบในตลาด โลก กระทั่งกลายเป็นพ่อค้ายาสูบรายใหญ่อันดับห้าของโลก และเป็นบริษัทที่ไม่ใช่กิจการของอเมริกันรายใหญ่ที่สุดในโลก มีสำนักงานในทุกประเทศที่เป็นแหล่งปลูกยาสูบ รวมทั้งประเทศไทย

กล่าวกันว่า เขาได้พยายามผลักดันให้ประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ ลงจากอำนาจเมื่อปี 2547 ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่พรรครัฐบาลของซิมบับเว ต่อมารัฐบาลซิมบับเวได้สอบสวนบริษัทเบรโกของเขาในข้อหาหลบเลี่ยงภาษีและละเมิดการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา และต่อมาในปี 2549 เขาได้ถูกไต่สวนในซิมบับเวในข้อหาใช้หนังสือเดินทางของแอฟริกาใต้ ซึ่งซิมบับเวห้ามพลเมืองของตนถือสองสัญชาติ

ส่วน บิลลี โรเทนบัก อายุ 53 ปี เป็นมหาเศรษฐีนักธุรกิจชาวซิมบับเว มีความใกล้ชิดกับพรรครัฐ บาลและรัฐบาลของโรเบิร์ต มูกาเบ เขามีอาณาจักรธุรกิจในหลายประเทศตั้งแต่ก่อนมีอายุครบ 40 ปี กระทั่งได้รับฉายาว่า "นโปเลียนแห่งแอฟริกา"

เขาถูกสั่งห้ามเข้าประเทศทั้งในสหภาพยุโรปและสหรัฐ อียูได้ขึ้นบัญชีดำเขาเมื่อเดือนมกราคม 2551 และสหรัฐได้สั่งห้ามเขาเข้าประเทศเมื่อสิ้นปีเดียวกันนั้นเนื่องจากพัวพันกับรัฐบาลของมูกาเบ เขาถูกกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนทางการเงินแก่มูกาเบ ซึ่งผู้นำซิมบับเวได้ตอบสนองเขาด้วยการให้สัมปทานขุดเจาะปิโตรเลียมและเหมืองแร่

ปัจจุบัน บิลลี โรเทนบักเป็นเจ้าของบริษัทผู้แทนจำหน่ายรถวอลโว่ในซิม บับเว, บริษัทขนส่งรายใหญ่ที่สุดแห่ง หนึ่ง และครอบครองพื้นที่เกษตร กรรมกว้างใหญ่ไพศาล

นอกจากนี้ น.ส.มัลลิกา ยังได้เรียกร้องต่อนางนลินีให้ชี้แจงว่าเกี่ยวข้องอย่างไรหรือไม่กับนายจอห์น เบรเดนแคมพ์ ที่เป็นชาวซิมบับเว และกระทำการเป็นนายหน้าคนกลางในการค้าอาวุธสงครามคองโกในปี 2000 เป็นนายหน้าคนกลางในการทำเหมืองระเบิดให้ซัดดัม ฮุสเซน ในสงครามอิรัก-อิหร่านช่วงต้น 1990 เป็นบุคคลคดีหนีภาษีเป็นผู้มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับเพชรสงคราม (Blood Diamond)เป็นบุคคลคดีหนีภาษีเป็นผู้มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับเพชรสงคราม (Blood Diamond)

อีกทั้งนางนลินีควรชี้แจงว่าเกี่ยวข้องอย่างไรหรือไม่กับนาย Muller Konrad Rau- tenbach หรือ บิลลี โรเทนบัก ที่มีคดียัดเงิน ค้าอาวุธ โกงภาษี ฆาตกรรม หลายครั้ง และเกี่ยวข้องกับคดีการลอบสังหาร Yong KooKwon (Executive of Daewoo) และหนีภาษีนำรถเข้าประเทศแอฟริกาใต้ 1,300 คัน โดยการยัดเงินกรมศุลกากร โดนปรับ 400 ล้าน

นางนลินีควรชี้แจงว่าได้เริ่มคบค้ากับประธานาธิบดีประเทศซิมบับเวที่มาจากการ โกงเลือกตั้งมาจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ฆ่าปิด ปากฝ่ายตรงข้าม มาจากระบอบเผด็จการ เพราะตัวนางนลินีเอง หรือเพราะ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ชักชวนช่วยอธิบายว่าใครชักชวนใครไปคบค้าด้วย" น.ส.มัลลิกาตั้งคำถาม

...ประวัติยาวเหยียดขนาดนี้ จึงอย่าได้แปลกใจเช่นกัน หากจะถามถึงความเหมาะสมในตำแหน่งรัฐมนตรีสำนักนายกฯ ของ นลินี

***เชื่อแม้วตั้ง “นลินี” หวังให้ดูธุรกิจเหมืองแร่

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลข้างต้นตามที่ มัลลิกา บุญมีตระกูล ออกมาเปิดเผย ก็คงจะทำให้คนในสังคมเข้าใจความเป็นมา และปูมหลังของนลินีส่วนหนึ่งว่า นลินีหาใช่บุคคลธรรมดาที่สมควรเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี ตรงกันข้ามกลับมีชนักติดตัวไม่ใช่น้อย แล้วเหตุใด นช.ทักษิณ ชินวัตรถึงได้กล้าให้มานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีสำนักนายกฯได้อีก ซ้ำร้ายบรรดาลิ่วล้อนายใหญ่ อย่าง นายนพดล ปัทมะ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ยังออกมาแก้ตัวฟอกขาวให้นลินีไม่เว้นแต่ละวัน

แน่นอนที่ต้องขีดเส้นใต้ไว้ก็เห็นจะหนีไม่พ้นถึงความสัมพันธ์ของ นช.ทักษิณ และนลินีว่ามีความสัมพันธ์ต่างตอบแทนกันในลักษณะใด ซึ่งคงจะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคได้รับข้อมูลถึงความสัมพันธ์และแผนการลงทุนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในประเทศแถบแอฟริกาใต้ จากสำนักข่าวแห่งหนึ่งในซิมบับเว ที่มีการเปิดเผยเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นเรื่องของบริษัทเหมืองแร่แห่งหนึ่งในประเทศแถบแอฟริกาที่บริษัทนี้มีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งเข้ามาซื้อหุ้นเพื่อเทกโอเวอร์บริษัท มิรันดา โดยมีการสัญญาว่าจะมีเงิน 108.6 ล้านแรนซ์ (rand) เพื่อทำกิจการเหมืองแร่

ทั้งนี้ ช่วงที่กลุ่มนี้เข้ามาซื้อหุ้นทำให้ราคาหุ้นดีดขึ้นไปพอสมควรและระหว่างการดำเนินกิจการได้มีการตรวจสอบพบว่ากลุ่มนี้มีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ และมีการแอบอ้างการได้สัมปทานเหมืองเพชรพลอยในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศแอฟริกาใต้ ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทนี้สูงขึ้น แต่ทางตลาดหลักทรัพย์ของแอฟริกาใต้ตรวจสอบพบว่า ข้อมูลต่างๆ เป็นเท็จ ทั้งนี้คือไม่มีการนำเงินมาลงทุนจริง ไม่มีการไปรับสัมปทานอย่างที่มีการกล่าวอ้าง บริษัทที่เข้ามาทำสัญญาก็คือบริษัทของ พ.ต.ท.ทักษิณชื่อโกลเบิล พีเอส เทเลคอมอินเวสเมนต์ แต่ปัจจุบันหุ้นบริษัทนี้ถูกห้ามซื้อขายเพราะอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนจากหน่วยงานแอฟริกาและหุ้นตกพรวดลงมาจาก 70 เซ็นต์ เหลือ 19 เซ็นต์ และถูกยับยั้งการซื้อขายหุ้น คำถามคือนี่เป็นเหตุผลที่ต้องใช้นางนลินีที่มีสัมพันธ์อันดีกับผู้นำประเทศในแถบนี้

“อยากให้ประชาชนพิจารณาหลักฐานชิ้นนี้ว่าเกี่ยวโยงเส้นทางการทำธุรกิจของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะฉะนั้นจะไปว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้เพราะตอบไม่ได้จริงๆ ว่าจะปลดหรือไม่ปลดนางนลินีออก เพราะไม่มีอำนาจและสิทธิ์ตัดสินใจ ไม่ได้อยู่วงในธุรกิจเชื่อมโยง ซึ่งพรรคจะนำข้อมูลต่างๆ มาเสนอเพิ่มเติมต่อไปเพราะการทำธุรกิจของพ.ต.ท.ทักษิณในแอฟริกาค่อนข้างฉาวโฉ่และไม่โปร่งใสในหลายประเด็น คำถามที่ต้องถามนายกฯก็คือสิ่งที่สถานทูตสหรัฐฯใช้คำว่านางนลินีมีส่วนในการทำลายระบอบประชาธิปไตยในประเทศซิมบับเวนั้นเป็นพฤติกรรมที่คนในรัฐบาลชื่นชอบหรือไม่ ถ้าไม่ชื่นชมพฤติกรรมอย่างนี้ก็ควรจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนจะมีการถวายสัตย์ปฏิญาณตน”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

นอกจากนี้ นายชวนนท์ยังมีข้อมูลย้อนหลังเมือเดือนกันยายน 2554 นลินี ทวีสิน ในฐานะผู้แทนการค้าไทย เรียกคณะเอกอัครราชทูตแอฟริกา ประจำประเทศไทย 5 ประเทศ ไล่ตั้งแต่ แอฟริกาใต้ ไนจีเรีย เคนยา อียิปต์ และโมร็อกโก เข้าหารือที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมยกประเด็นเร่งด่วนหารือเกี่ยวกับโอกาสทางการค้า สินค้าและบริการที่ไทยและประเทศไทยในกลุ่มแอฟริกามีศักยภาพ และแนวทางการขยายการค้าและการลงทุน ขณะเดียวกัน นลินียังมีธุรกิจอื่นอีกร่วม 25 บริษัท อีกต่างหาก

ขณะเดียวกัน หากยังจำกันได้ ช่วงที่ นช.ทักษิณ ชินวัตร ยังสวมบทสัมภเวสี เร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ประมาณเดือนกันยายน 2553 นช.ทักษิณ เคยออกข่าวคุยโวโอ้อวดสาวกเสื้อแดงว่าจะไปทำธุรกิจเหมืองเพชรในแอฟริกาใต้ แต่หลังจากนั้นปีเศษ ไปๆมาๆ เห็นทีจะไม่เป็นดังที่ นช.ทักษิณ "ดีแต่โม้" ไว้เสียแล้ว แถมยังถูกตีตราจากสื่อต่างประเทศว่า หลอกอัดฉีดเงินเพื่อหวังฮุบบริษัทเหมืองแร่ เสียอีก

ทั้งนี้ มีความเคลื่อนไหวทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ในเฟซบุ๊ก The Anonymous Thailand เผยถึงกรณีที่สื่อของแอฟริกาใต้ กล่าวถึง นช.ทักษิณ ชินวัตร โดยเขาเรียกว่าเป็นเศรษฐีพันล้านที่น่าเคลือบแคลง (shady billionaire) ประเด็นคงเป็นทำนองสิบแปดมงกุฎ หรือเขี้ยวลากดินปะทะเขี้ยวลากดิน คือต่างฝ่าย ต่างจ้องจะ “เอา” ประโยชน์จากอีกฝ่ายหนึ่ง

เมื่อทักษิณถูกกล่าวหาว่าทำผิดสัญญาผูกมัดตัวเพิกถอนไม่ได้ (irrevocable) โดยไปตกลงจะอัดฉีดเงินทุน 100 ล้านแรนซ์ เข้าไปในบริษัท Miranda Minerals ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้สัมปทานการทำเหมืองแร่ในแอฟริกาใต้ ภายใต้การลงทุนในชื่อบริษัท Global PS ที่ตัวเองเป็นประธานอยู่ ตามข่าวข้างล่าง

นอกจากพฤติกรรมเบี้ยวจ่ายเงินข้างต้นแล้ว นช.ทักษิณ ยังพยายามเข้าไปยึดครองที่นั่งกรรมการของบริษัท จนเกิดการฟ้องร้องในศาล จาก Ron Nel อดีตซีอีโอของบริษัท ระบุในคำฟ้องว่า บริษัท Global PS Telecom ของ ทักษิณ ชินวัตร ได้ตกลงในสัญญาที่จะอัดฉีดเงินทุน 108.6 ล้าน R ในเดือนสิงหาคม 2553 เข้าไปในบริษัทซึ่งกำลังมีปัญหา เพื่อแลกกับหุ้น ทำให้ในเดือน มี.ค. ปีถัดมาบริษัท Global ได้ที่นั่งเป็นกรรมการถึง 3 คนในบริษัท Miranda

อดีตซีอีโอยังระบุว่า ทักษิณลงนามในข้อตกลงในนามของบริษัท Global แต่บริษัท Global กลับอ้างว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท อีกทั้งบริษัท Global ไม่ได้ทำตามสัญญา แต่กลับเพิ่มการควบคุมบริษัท โดยการเข้าไปซื้อหุ้นจากกลุ่มบริษัท Yakani ส่งผลให้ Global กลายเป็นผู้ถือหุ้นถึง 24% ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ถือหุ้นเพียงรายเดียว

ขณะที่ นช.ทักษิณกล่าวอ้างว่า ทีมผู้บริหารชุดก่อนของ Miranda ได้แสดงทรัพย์สินซึ่งบริษัทไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของ แจ้งเกินจริงถึง 285 ล้าน R (ทั้งนี้ สิทธิดังกล่าวเป็นการประเมินจากมูลค่าของสัมปทานเหมืองที่บริษัทน่าจะได้ สัมปทานดังกล่าวถูกรัฐบาลแอฟริกาใต้เพิกถอนในเวลาต่อมา แต่ผู้บริหารยังไม่ได้ปรับแก้ทรัพย์สินให้เป็นไปตามความจริง) และจากการกล่าวอ้างนี้เอง ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทตกลงจาก 70 เซ็นต์ เป็น 19 เซ็นต์

...เรียกว่าไปสิ่งสถิตอยู่แห่งหนใด ก็ไม่วายจะทิ้งนิสัยเดิมๆที่เคยทำไว้กับประเทศไทย นี่คงเป็นหลักฐานที่ตอกย้ำว่า นช.ทักษิณ ไม่เคยสำนึกในพฤติกรรมของตัวเองเลยแม้แต่น้อยทีเดียว

*** จ่อฟัน "ยิ่งลักษณ์" ผิดรัฐธรรมนูญ ม. 279

อย่างไรก็ตาม สังคมคงจะทราบเป็นอย่างดีแล้วว่า การตั้ง ครม.ปู 2 ก็เป็นเพียงเพื่อบุญคุณต่างตอบแทน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประชาชนตาดำๆ เลยด้วยซ้ำ ซึ่งคนที่กดปุ่มควบคุมความเป็นไปทุกอย่าง หนีไม่พ้น นช.ทักษิณ เพียงคนเดียว แต่ถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ทราบหรือไม่ ก็คงต้องย่อมทราบดีถึงประวัติของนลินีเป็นอย่างดี

ที่สำคัญคือตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เธอสวมหมวกอยู่
ก็หาใช่ว่าจะไม่ต้องรับผิดชอบอันใดเกี่ยวกับการตอบแทนบุญคุณที่พี่ชายของเธอ มอบให้แก่ นลินี

ขณะเดียวกัน ผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินจะประชุมร่วมกับผู้ตรวจการแผ่นดิน หลังรับหนังสือร้องเรียน เพื่อแจ้งไปยังนายกรัฐมนตรีให้มาชี้แจง ในฐานะผู้แต่งตั้ง "นลินี" ภายใน30 วัน

เนื่องจากประมวลจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 ระบุไว้ชัดเจนว่า "การแต่งตั้งบุคคลเข้ามาใช้หน้าที่อำนาจของรัฐ ต้องคำถึงจริยธรรม พฤติกรรมและความเหมาะสม ดังนั้นการตรวจสอบตามจริยธรรม เกี่ยวเนื่องจากประมวลจริยธรรม ข้อ 27 ระบุไว้ว่า ผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะต้องไม่มีพฤติกรรมที่เสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของชาติ"

ทั้งนี้ คงต้องคอยจับตาดูว่า รัฐบาลปูแดง จะมาตกม้าตาย จากการตอบแทนบุญคุณคนที่สร้างประโยชน์ให้แก่คนตระกูลชินวัตรแบบไม่ลืมหูลืมตาหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป

….เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว Nando ซึ่งเป็นแบรนด์ฟาสต์ฟูดไก่ย่างชื่อดังของแอฟริกาใต้ เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาเรื่อง The Last Dictator Standing เพื่อส่งเสริมการขายในช่วงเทศกาลคริสต์มาส โฆษณานี้เปิดฉากด้วยตัวแสดงที่เล่นเป็นนายโรเบิร์ต มูกาเบ ประธานาธิบดีของซิมบับเว ยืนอยู่คนเดียวอย่างเดียวดายที่โต๊ะอาหาร เขาหยิบป้ายชื่อ มูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบียที่เสียชีวิตไปแล้วขึ้นมาดูก่อนวางกลับไปที่เดิม
   
โต๊ะอาหารซึ่งควรจะคึกคักในยามเทศกาล บัดนี้ว่างเปล่า ทำให้มูกาเบตกอยู่ในอารมณ์เศร้า เหงา ซึม และคิดถึงวันชื่นคืนสุขกับเพื่อนรัก วันที่เคยวิ่งไล่ ยิงปืนฉีดน้ำใส่ กัดดาฟีร้องคาราโอเกะ กับเหมา เจ๋อตง เล่นเป็นทูตสวรรค์บนพื้นทรายกับซัดดัม ฮุสเซน แกว่งไกวชิงช้าให้ พี ดับบลิว. โบธา ผู้นำแอฟริกาใต้ในยุคเหยียดผิว และโอบประคองอีดี้ อามิน บนรถถัง ในท่วงท่าที่ลีโอนาร์โด ดี คาปริโอ ตระกองกอด เคต วินเลต บนเรือไททานิค โดยมีเสียงเพลง Those were the days โดยแมรี ฮอฟกินส์ ร้องคลอประกอบฉาก

บัดนี้เหลือเขาเพียงคนเดียว เป็นเผด็จการคนสุดท้ายที่อยู่ในอำนาจมายาวนานถึง 30 ปี ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ หนังโฆษณาซึ่งมีความยาว 46 วินาทีนี้ จบลงด้วยฉากมูกาเบนั่งถอนใจอยู่คนเดียวที่หัวโต๊ะ ตามด้วยเสียงบรรยายว่า This time of year no one should have to eat alone. So get a Nado6 - pack meal for six

ทันที่ที่หนังโฆษณาเรื่องนี้ได้รับการเผยแพร่ มีผู้เข้าไปชมผ่าน Youtube ถึง 600,000 กว่าคน ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ Nando ต้องถอดโฆษณาชิ้นนี้ ในวันที่ 2 ธันวาคม หลังจากถูกกลุ่มผู้จงรักภักดีนายมูกาเบในซิมบับเว ประกาศบอยคอตร้าน Nando ในซิมบับเว และขู่ว่าจะใช้กำลังคุกคามพนักงานของร้าน
       
 การดูหมิ่น ล้อเลียนผู้นำ ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายของซิมบับเว

ถ้า นายดีน บลุมเบิร์ก ( Dean Blumberg) ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รู้มาก่อนหน้านี้ว่า มูกาเบไม่ได้เป็นคนไม่มีเพื่อนอย่างที่เขาเข้าใจ ภาพยนตร์เรื่อง The Last Dictator Standing อาจไม่ได้เกิด หรืออาจจะมีเนื้อหาแตกต่างออกไป อาจจะมีฉากที่ผู้หญิงไทยที่ทีหน้าตาเหมือนนายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ราวกับเป็นพี่น้องกัน พานายมูกาเบ และภรรยาไปซื้อเพชร หรือพาลูกชายนายมูกาเบไปกินแมคโดนัลด์ ในยามที่ทั้งสองคนเดินทางมาเยือนไทยเป็นการส่วนตัวบ่อยครั้ง

เพราะที่จริงแล้ว นายมูกาเบมีเพื่อนที่แสนดีอยู่อย่างน้อย 3 คนในประเทศไทย คนแรกคือ นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ของซิมบับเวประจำประเทศไทย และมีความพยายามาที่จะจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าซิมบับเวในกรุงเทพฯ

คนที่สองคือนางนลินี ทวีสิน ที่ได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้เพิ่งจะยอมรับว่ารู้จักและเป็นเพื่อนกับมูกาเบและครอบครัวมานานหลายปี หลังจากที่ข้อเท็จจริงเรื่องทางการสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีนางนลินี เป็นบุคคลต้องห้าม มิให้ชาวอเมริกันติดต่อคบหาทำธุรกิจด้วย แพร่งพรายออกมา 

เพื่อนผู้แสนดีของมูกาเบรายที่ 3 คือ นายกฯ นกแก้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ยอมเอาผลประโยชน์ของชาติไปแลกกับความสัมพันธ์ที่นางนลินี มีกับมูกาเบ 
โรเบิร์ต มูกาเบ
สื่อของแอฟริกาใต้รายงานถึงความเคลื่อนไหวในการทำธุรกิจของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่ใช้วิธีใต้ดินในการฮุบบริษัทเหมือนแร่จนเกิดการฟ้องร้องขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น