สังคมโซเชียลเน็ตเวิร์ก แฉเล่ห์เหลี่ยม “นช.แม้ว” สัญญากับบริษัททำเหมืองแร่จะอัดฉีดเงิน 100 ล้าน R แลกถือหุ้นจนได้นั่งเป็นกรรมการ 3 คน แต่กลับเบี้ยว อ้างเฉย บ.เหมืองแร่แสดงทรัพย์สินเกินจริง ก่อนฉวยโอกาสช้อนหุ้นจนกลายเป็นผู้ถือหุ้นซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ถือหุ้นเพียงรายเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีความเคลื่อนไหวทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ในเฟซบุ๊กThe Anonymous Thailand ได้เผยถึงกรณีที่ สื่อของแอฟริกาใต้ กล่าวถึง นช.ทักษิณ ชินวัตร โดยเขาเรียกว่าเป็นเศรษฐีพันล้านที่น่าเคลือบแคลง (shady billionaire) ประเด็นคงเป็นทำนองสิบแปดมงกุฎ หรือเขี้ยวลากดินปะทะเขี้ยวลากดิน คือต่างฝ่าย ต่างจ้องจะ “เอา” ประโยชน์จากอีกฝ่ายหนึ่ง
ทั้งนี้ หากจำกันได้เมื่อประมาณเดือนกันยายน 2553 นช.ทักษิณ เคยทำคุยโวว่าจะไปทำธุรกิจเหมืองเพชรในแอฟริกาใต้ แต่หลังจากนั้นแค่ปีเศษ เห็นทีจะไม่เป็นดังที่ นช.ทักษิณ จำอวดเสียแล้ว เมื่อทักษิณถูกกล่าวหาว่าทำผิดสัญญาผูกมัดตัวเพิกถอนไม่ได้ (irrevocable) โดยไปตกลงจะอัดฉีดเงินทุน R 100 ล้าน เข้าไปในบริษัท Miranda Minerals ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้สัมปทานการทำเหมืองแร่ในแอฟริกาใต้ ภายใต้การลงทุนในชื่อบริษัท Global PS ที่ตัวเองเป็นประธานอยู่ ตามข่าวข้างล่าง
นอกจากพฤติกรรมเบี้ยวจ่ายเงินข้างต้นแล้ว นช.ทักษิณ ยังพยายามเข้าไปยึดครองที่นั่งกรรมการของบริษัท จนเกิดการฟ้องร้องในศาล จาก Ron Nel อดีตซีอีโอของบริษัท ระบุในคำฟ้องว่า บริษัท Global PS Telecom ของ ทักษิณ ชินวัตร ได้ตกลงในสัญญาที่จะอัดฉีดเงินทุน 108.6 ล้าน R ในเดือนสิงหาคม 2553 เข้าไปในบริษัทซึ่งกำลังมีปัญหา เพื่อแลกกับหุ้น ทำให้ในเดือน มี.ค. ปีถัดมาบริษัท Global ได้ที่นั่งเป็นกรรมการถึง 3 คนในบริษัท Miranda
นอกจากนี้ อดีตซีอีโอยังระบุว่า ทักษิณลงนามในข้อตกลงในนามของบริษัท Global แต่บริษัท Global กลับอ้างว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท
Nel ระบุอีกว่า บริษัท Global ไม่ได้ทำตามสัญญา แต่กลับเพิ่มการควบคุมบริษัท โดยการเข้าไปซื้อหุ้นจากกลุ่มบริษัท Yakani ส่งผลให้ Global กลายเป็นผู้ถือหุ้นถึง 24% ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ถือหุ้นเพียงรายเดียว
ขณะที่ด้าน ทักษิณกล่าวอ้างว่า ทีมผู้บริหารชุดก่อนของ Miranda ได้แสดงทรัพย์สินซึ่งบริษัทไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของ แจ้งเกินจริงถึง 285 ล้าน R (ทั้งนี้ สิทธิดังกล่าวเป็นการประเมินจากมูลค่าของสัมปทานเหมืองที่บริษัทน่าจะได้ สัมปทานดังกล่าวถูกรัฐบาลแอฟริกาใต้เพิกถอนในเวลาต่อมา แต่ผู้บริหารยังไม่ได้ปรับแก้ทรัพย์สินให้เป็นไปตามความจริง) และจากการกล่าวอ้างนี้เอง ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทตกลงจาก 70 เซ็นต์ เป็น 19 เซ็นต์