ASTVผู้จัดการรายวัน - ภาคการผลิตฟันธงไตรมาสแรกปีนี้ส่งออกขยายตัวแรงหลังโรงงานใช้อัตรากำลังการผลิต 80% เพื่อปั๊มสินค้าส่งมอบออเดอร์เก่าที่ค้างจาก น้ำท่วมและรับออเดอร์ใหม่ผสม ดันแรงงานเริ่มตึงตัวทุกระดับ แนะรัฐเร่งชัดเจนพื้นที่เศรษฐกิจและลงทุนของประเทศในอนาคตป้องการย้ายฐานหนีไปเพื่อนบ้าน
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคการผลิตส่วนใหญ่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตถึง 80% เนื่องจากมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ค้างจากปีก่อนเนื่องจากบางแห่งหยุดผลิตชั่วคราวจากภาวะน้ำท่วมทำให้ ต้องเร่งผลิตรวมกับคำสั่งซื้อใหม่ของปี 2555 ส่งผลให้แรงงานในภาคการผลิตทุกระดับอยู่ในภาวะตึงตัว หลายแห่งต้องทำงานล่วงเวลา (โอที) มากขึ้น
"โรงงานที่น้ำท่วมก็เริ่มกลับ มาผลิตแล้วกว่า 50% และเดินเครื่องกันเต็มที่ดังนั้นไตรมาสแรกนี้ภาวะการส่งออกขยายตัวอย่างแน่นอนเพราะออร์เดอร์เก่าค้างมาสมทบกับออร์เดอร์ใหม่ โดยเฉพาะ อุตสาหกรรมยานยนต์ สิ่งทอ รองเท้า อาหาร ฯลฯ ซึ่งเรายืนยันว่าแรงงานตึงตัวโดยเฉพาะระดับล่างแต่บางหน่วยงานกลับบอกแรงงานว่างงานเพิ่ม เราเองก็พยายามถามว่าอยู่ตรงไหน เราจะขอรับเพราะแรงงานที่เคยว่างงานช่วงน้ำท่วมก็กระจายไปทำงานที่อื่นๆ กันจนแทบไม่เหลือตกงานแล้ว" นายธนิตกล่าว
ปัจจุบันแรงงานต่างด้าวที่อยู่ ในระบบการจ้างงานของไทยมีอยู่ประมาณ 3-3.5 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงานพม่า และขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายมีประมาณ 9 แสนคนซึ่งภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้ทบทวนการขึ้น ทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้เพิ่มขึ้น อีกเพราะที่ผ่านมาแรงงานต่างด้าวที่กลับบ้านช่วงน้ำท่วมส่วนหนึ่งไม่ได้กลับมาเพราะติดระเบียบคนเข้าเมืองเนื่องจากต้องยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่าแรงงานส่วนใหญ่เข้ามาแบบผิดกฎหมาย ซึ่งแรงงานเหล่านี้มีความจำเป็นต้องการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอยู่
นายธนิตกล่าวว่ารัฐบาลควร เร่งสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับพื้นที่ เศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศใหม่หลังจากไทยประสบภาวะน้ำท่วม ประกอบกับรัฐบาลมี นโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวันนำร่องวันที่ 1 เม.ย. 55 และทั่วประเทศในปี 2556 เพื่อรักษาการลงทุนไว้ในประเทศก่อนที่นักลงทุนจะต้องตัดสินใจย้ายฐาน การผลิตบางส่วนไปยังประเทศ เพื่อนบ้านแทน โดยเอกชนเห็นว่ารัฐบาลควรจะเร่งประกาศเขตเศรษฐกิจชายแดนรองรับ
"หากระบบเศรษฐกิจไทยยังต้องพึ่งพิงการส่งออกรัฐบาลเอง ก็จะต้องชัดเจนถึงนโยบายการลงทุน โดยเฉพาะเรื่องของการพัฒนา พื้นที่รองรับ" นายธนิตกล่าว
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคการผลิตส่วนใหญ่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตถึง 80% เนื่องจากมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ค้างจากปีก่อนเนื่องจากบางแห่งหยุดผลิตชั่วคราวจากภาวะน้ำท่วมทำให้ ต้องเร่งผลิตรวมกับคำสั่งซื้อใหม่ของปี 2555 ส่งผลให้แรงงานในภาคการผลิตทุกระดับอยู่ในภาวะตึงตัว หลายแห่งต้องทำงานล่วงเวลา (โอที) มากขึ้น
"โรงงานที่น้ำท่วมก็เริ่มกลับ มาผลิตแล้วกว่า 50% และเดินเครื่องกันเต็มที่ดังนั้นไตรมาสแรกนี้ภาวะการส่งออกขยายตัวอย่างแน่นอนเพราะออร์เดอร์เก่าค้างมาสมทบกับออร์เดอร์ใหม่ โดยเฉพาะ อุตสาหกรรมยานยนต์ สิ่งทอ รองเท้า อาหาร ฯลฯ ซึ่งเรายืนยันว่าแรงงานตึงตัวโดยเฉพาะระดับล่างแต่บางหน่วยงานกลับบอกแรงงานว่างงานเพิ่ม เราเองก็พยายามถามว่าอยู่ตรงไหน เราจะขอรับเพราะแรงงานที่เคยว่างงานช่วงน้ำท่วมก็กระจายไปทำงานที่อื่นๆ กันจนแทบไม่เหลือตกงานแล้ว" นายธนิตกล่าว
ปัจจุบันแรงงานต่างด้าวที่อยู่ ในระบบการจ้างงานของไทยมีอยู่ประมาณ 3-3.5 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงานพม่า และขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายมีประมาณ 9 แสนคนซึ่งภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้ทบทวนการขึ้น ทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้เพิ่มขึ้น อีกเพราะที่ผ่านมาแรงงานต่างด้าวที่กลับบ้านช่วงน้ำท่วมส่วนหนึ่งไม่ได้กลับมาเพราะติดระเบียบคนเข้าเมืองเนื่องจากต้องยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่าแรงงานส่วนใหญ่เข้ามาแบบผิดกฎหมาย ซึ่งแรงงานเหล่านี้มีความจำเป็นต้องการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอยู่
นายธนิตกล่าวว่ารัฐบาลควร เร่งสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับพื้นที่ เศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศใหม่หลังจากไทยประสบภาวะน้ำท่วม ประกอบกับรัฐบาลมี นโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวันนำร่องวันที่ 1 เม.ย. 55 และทั่วประเทศในปี 2556 เพื่อรักษาการลงทุนไว้ในประเทศก่อนที่นักลงทุนจะต้องตัดสินใจย้ายฐาน การผลิตบางส่วนไปยังประเทศ เพื่อนบ้านแทน โดยเอกชนเห็นว่ารัฐบาลควรจะเร่งประกาศเขตเศรษฐกิจชายแดนรองรับ
"หากระบบเศรษฐกิจไทยยังต้องพึ่งพิงการส่งออกรัฐบาลเอง ก็จะต้องชัดเจนถึงนโยบายการลงทุน โดยเฉพาะเรื่องของการพัฒนา พื้นที่รองรับ" นายธนิตกล่าว
