ASTVผู้จัดการรายวัน/ศูนย์ข่าวขอนแก่น-นักศึกษา คณาจารย์ คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น พร้อมองค์กรเครือข่าย ประชาชน สุดทน"นิติราษฎร์" ที่บังอาจบิดเบือน ให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ออกแถลงการณ์ปกป้อง พร้อมชวนคนไทย ค้านแก้มาตรา 112 "มาร์ค" ชี้ "แม้ว" เป็นศูนย์กลางความขัดแย้ง "ปู" ตีสองหน้า วอนทุกฝ่ายหยุดพูดก้าวล่วง ยันไม่คิดแก้ ม.112 ขณะที่ช่างภาพทีวีแดงสุดเหิมโพสต์หมิ่นผ่านเฟซบุ๊ก
วานนี้ ( 24 ม.ค. ) นักศึกษาแพทย์และคณาจารย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในนามองค์กรแพทย์ขอนแก่น พร้อมด้วยองค์กรเครือข่าย อาทิ กลุ่มทนายความขอนแก่นรักในหลวง กลุ่มเครือข่ายเกษตรทฤษฎีใหม่ รวมทั้งนักวิชาการ พ่อค้า ประชาชน และข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร่วมออกแถลงการณ์ในนาม “ชาวขอนแก่นรักในหลวง” เพื่อแสดงจุดยืน คัดค้านการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ณ ห้องประชุมสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ขอนแก่น คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น
รศ.น.พ. ชวลิต ไพโรจน์กุล อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น ตัวแทนกลุ่มชาวขอนแก่นรักในหลวง กล่าวว่า การที่คณะนิติราษฎร์ เสนอให้มีการยกเลิกประมวลกฏหมายอาญา มาตรา112 และจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระราชอำนาจนั้น เป็นการกระทำเพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเพียงสัญลักษณ์ ถือเป็นการลบหลู่สถาบันฯ ที่คนไทยทุกหมู่เหล่าเคารพเทิดทูนไว้เหนือหัว โดยใช้ข้อเรียกร้องการแก้กฏหมายต่างๆ มาอ้างอย่างเป็นเท็จ ทั้งที่พระมหากษัตริย์ ได้ทรงมอบพระราชอำนาจผ่านกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ ให้กับฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ไปหมดแล้ว
ทั้งนี้ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นเพียงเกราะป้องกันสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ เป็นไปตามหลักสากลในทุกๆ ประเทศที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันสำคัญสูงสุดของประเทศนั้น อันถือเป็นเรื่องความมั่นคงของราชอาณาจักรนั้นๆ ข้อเรียกร้องของคณะนิติราษฎร์ จึงเป็นการบิดเบือน และให้ร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้เกิดความเข้าใจผิดในคนหมู่มาก ซึ่งเป้าหมายที่แท้จริงต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยใช้กฏหมาย และรัฐธรรมนูญมาเป็นข้ออ้างเท่านั้น
รศ.นพ.ชวลิต กล่าวว่า ล่าสุดการแถลงข่าวถึงข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ จงใจแตะต้องทุกสถาบันหลักของไทย ทั้งการให้พระมหากษัตริย์สาบานตน การปฏิรูปศาล และกองทัพ นับเป็นพฤติกรรมเลวร้ายที่คนไทยซึ่งมีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ ไม่อาจทนได้ การกระทำของนิติราษฎร์ เสมือนเป็นเครื่องมือของกลุ่มการเมืองผูกขาด ที่วางแผนครอบงำทุกสถาบันหลักของไทยอย่างชัดเจน เพื่อให้ทุกสถาบันหลัก อยู่ใต้กลุ่มการเมืองนี้
ในนาม “ชาวขอนแก่นรักในหลวง” ขอประกาศเจตนารมณ์ ให้คณะบุคคลดังกล่าว หยุดการกระทำดังกล่าว โดยชาวขอนแก่นรักในหลวง ขอปฏิญาณว่า จะเทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้อยู่เป็นมิ่งขวัญของประเทศไทยจนถึงที่สุด และเพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี และแสดงจุดยืน จึงขอประกาศชุมนุม และเรียกร้องให้คนไทยผู้จงรักภักดี ร่วมคัดค้าน และลงชื่อคัดค้านในวันศุกร์ที่ 27 ม.ค. เวลา 16.00 น. ที่ลานกิจกรรม ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จ.ขอนแก่น
ด้านนักศึกษาแพทย์ ปฏิญญา ยุทธชาวิทย์ นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น กล่าวว่า พระเจ้าอยู่หัวทรง มีพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นต่อประเทศไทย และคนไทยทุกๆคน มายาวนาน สำหรับตนแม้จะเป็นคนรุ่นใหม่ จะขอเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้เหนือหัวไปจนชั่วชีวิต และจะบอกต่อคนรุ่นลูกรุ่นหลานให้จงรักภักดีและรักษาเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดไป
ทั้งนี้ ตนจึงรู้สึกเสียใจมาก ที่ได้เห็นการกระทำของกลุ่มนิติราษฎร์ แม้ตนจะเป็นนักศึกษา แต่ก็มีสำนึกขอจงรักภักดีสถาบันด้วยความกตัญญูกตเวที ซึ่งคนไทยทุกคนก็คือลูกของพ่อ คนที่ทำร้ายพ่อของตนเองได้ ก็เป็นคนที่เลวร้ายมาก
** "แม้ว" คือศูนย์กลางความขัดแย้ง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผ่านหนังสือชื่อ Conversation with THAKSIN ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า ให้นายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ มาเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับประเทศ และยุติปัญหาทั้งหมดว่า ตนยังไม่ได้เห็นหนังสือดังกล่าว แต่คิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะเลิกพูดให้เกิดความไขว้เขว เพราะความขัดแย้งในบ้านเมืองที่เกิดขึ้นจนถึงทุกวันนี้ มี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นศูนย์กลางความขัดแย้ง และเมื่อฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณมีอำนาจรัฐในมือ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งลุกลามบานปลายออกไป โดยเฉพาะไปเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งกระบวนการในขณะนี้ กำลังสร้างความสับสนให้สังคม ทั้งๆ ที่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ คือ ศูนย์กลางความขัดแย้งทั้งหมด ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ คลายปมความขัดแย้งของประเทศได้อยู่แล้ว
**เลิกดึงฟ้าต่ำ เกลือกกลั้วการเมือง
ส่วนกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ตามที่สื่อออกมาเผยแพร่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องไปต่อว่าหนังสือเล่มนั้น ที่มีการลงเนื้อหาตามที่มีการเผยแพร่ออกมา ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีหลายครั้งที่เราเห็นว่ามีความพยายามดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งตนอยากให้รัฐบาลยืนยันให้ชัดเจนอีกครั้งว่า ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญปรองดองเชิญหัวหน้าพรรคไปคุยกันว่า มาตรา 112 ไม่ใช่ประเด็นความขัดแย้ง แต่ขณะนี้การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ในเรื่องนี้กำลังสร้างความขัดแย้ง และทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า มาตรา 112 หรือสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเงื่อนไขที่จะเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง
"ผมย้ำอีกครั้งว่า ความขัดแย้งในสังคมปัจจุบันศูนย์กลางอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้น การพยายามที่จะทำให้สังคมเข้าใจว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ เข้ามาเกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศ เป็นความพยายามที่จะสร้างความสับสนในสังคม รัฐบาลจึงต้องส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่มีการกล่าวหา เพราะทุกพรรคเห็นตรงกัน ก็ควรจะดำเนินการตามนี้ โดยมาตรา 112 ซึ่งไปเกี่ยวพันกับรัฐธรรมนูญ หมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์นั้น รัฐบาลก็ควรประกาศชัดเจนว่า จะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นนี้ เพราะรัฐบาลเป็นผู้ริเริ่มกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ต้องบอกว่าอะไรคือเป้าหมายของรัฐบาล และหากจะปรองดอง ต้องหยุดขยายวงความขัดแย้ง"นายอภิสิทธิ์กล่าว
** แจกแจงประเด็นแก้รัฐธรรมนูญให้ชัด
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลควรมีความชัดเจนในเรื่องขอบเขตการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ มีความเป็นห่วงว่าความขัดแย้งในเรื่องเหล่านี้กำลังไปบดบังการบริหารของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้มีปัญหามากในเรื่องความเป็นอยู่ค่าครองชีพ และการไม่ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งประชาชนรอการแก้ไข แต่กลายเป็นว่า การเมืองยังวุ่นวายอยู่กับการที่รัฐบาล หรือแนวร่วมของรัฐบาล ริเริ่มในการสร้างปมความขัดแย้ง ซึ่งจะทำให้ลุกลามออกไป จนเริ่มมีคำถามกลับมาอีกว่า จะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ทั้งๆ ที่ไม่ควรจะมีเรื่องเหล่านี้ รัฐบาลควรพาบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ด้วยการมุ่งบริหารแก้ปัญหาให้ประชาชน วันนี้รัฐบาลต้องตั้งหลักให้ชัดไม่อย่างนั้นบ้านเมืองก็จะเดินยาก และทางพรรคเห็นว่า สถานการณ์มีความล่อแหลมมากขึ้นจากการเคลื่อนไหวในขณะนี้ ทางพรรคจึงมีการระดมความเห็น เพื่อกำหนดมาตรการรับมือในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพื่อประคับประคองบ้านเมืองให้เดินไปข้างหน้า ซึ่งจุดยืนของพรรคเห็นตรงกันหมด แต่สิ่งที่เราไม่รู้ คือ รัฐบาลเคลื่อนทางใดบ้าง เพราะเคลื่อนหลายทาง เผื่อไว้หลายทาง เป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านต้องทำความเข้าใจว่า มีการวางแผนในหลายลักษณะ เพื่อที่จะได้รับมือ
**การเมืองกำลังตกอยู่ในอันตราย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลมีเจตนาจะให้เกิดปัญหาในเรื่องประเด็นทางการเมือง เพื่อให้ประชาชนลืมปัญหาเศรษฐกิจ และการไม่ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าจงใจ ก็ถือว่าใจร้ายมาก เพราะนอกจากไม่แก้ปัญหาของประชาชนแล้ว ยังสร้างปัญหาเพิ่ม จึงอยากเรียกร้องไหนๆ ก็ปรับครม.แล้ว และวันนี้เป็นวันแรกที่รัฐมนตรีเข้าปฏิบัติหน้าที่ ขอให้ตั้งหลักใหม่ ไปดูปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจริงๆ กับนโยบายของรัฐบาล ที่มีปัญหาว่าสิ่งใดควรทำแล้วยังไม่ได้ทำ ก็ต้องเร่งให้เกิดขึ้นตามที่สัญญาไว้ สิ่งที่ไม่ควรทำแต่ทำไปแล้วเกิดความผิดพลาด เช่น นโยบายพลังงาน ก็ต้องทบทวนใหม่ให้หมด และยุติการให้ท้ายผู้สนับสนุนที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่ม หรือกระทบกระเทือนจนถึงขั้นเกิดคำถามเรื่องการปฏิวัติ และประชาธิปไตย
เมื่อถามว่า วันนี้ปัญหาเศรษฐกิจกับการเมืองในมือรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ สิ่งไหนเป็นอันตรายต่อประเทศมากกว่ากัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในขณะนี้ประชาชนเดือดร้อนในเรื่องเศรษฐกิจที่เป็นสิ่งที่จับต้องได้ เพราะกระทบความเป็นอยู่ แต่ขณะเดียวกันการเมืองก็เข้าสู่ภาวะที่มีความอันตรายมากขึ้น จากการที่รัฐบาลไม่จริงใจในการแสวงหาคำตอบให้สังคม แต่พยายามแสวงหาคำตอบให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนเดียว
** รัฐบาลต้องปราม"นิติราษฎร์"
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการประชุมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษา และสมาชิกส่วนใหญ่ของพรรค วิเคราะห์ตรงกันว่า รัฐบาลพยายามที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งในหลายเรื่อง ทั้งนี้ไม่มีเจตนาที่จะดำเนินการในเรื่องนั้น เช่นกรณีการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งรัฐบาลไม่กล้าที่จะแก้ไข แต่กลับปล่อยให้มีการเคลื่อนไหว เพื่อให้เป็นประเด็นทางสังคม จึงมีการเตือนสมาชิกพรรคว่าไม่ควรหลงประเด็นไปกับสิ่งที่รัฐบาลพยายามสร้างขึ้น โดยเห็นว่า มาตรา 112 พรรคได้แสดงจุดยืนชัดเจนแล้วว่า ไม่แก้ไข ดังนั้น จากนี้ไปก็เป็นเรื่องที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กับคนเสื้อแดง กลุ่มนิติราษฎร์ ต้องไปทะเลาะกันเอง
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีการเสนอแนวทางแก้ไข ต่อสังคมหลายรูปแบบก็เป็นเพียงการสับขาหลอกของรัฐบาล ที่ต้องการให้เกิดความสับสน เพราะเจตนาของรัฐบาล ก็คือ ต้องการทำทุกอย่างเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศ เสี่ยงกับการเกิดการปฏิวัติ ที่อาจกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
โดยในระหว่างการประชุม นายอภิสิทธิ์ ยืนยันกับที่ประชุมว่า หนทางเดียวที่จะทำให้ประเทศหลุดพ้นจากวังวน ความขัดแย้ง คือ พรรคประชาธิปัตย์ต้องชนะเลือกตั้ง หากไม่ชนะ ตนก็จะไม่จัดตั้งรัฐบาล หากจะมีการจัดตั้งรัฐบาลทั้งที่พรรคไม่ชนะการเลือกตั้ง ก็ควรไปเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่แทนตน
**นายกฯขึงขังยันปกป้องสถาบันฯ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเยือนประเทศอินเดียอย่างเป็นทางการ ถึงข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ ที่จะให้ตั้งคณะกรรมการ 25 คน ขึ้นมาพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในหมวดที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยก่อนเข้ารับตำแหน่ง ต้องปฏิญาณตนก่อนว่า วันนี้ทุกคนต้องไม่เอาสถาบันฯ เข้ามายุ่งเกี่ยว และที่สำคัญในฐานะคนไทยด้วยกัน เราต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ตนมองตรงนี้ คือ จะไม่เอาไปใช้ในทางอื่น ก็คงต้องร่วมกันในการปกป้องสถาบันฯ
ส่วนเรื่องของมาตรา 112 นั้น เป็นเรื่องของกฎหมายอาญา แต่ ณ วันนี้ ภารกิจสำคัญของรัฐบาลคือเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และการฟื้นฟูหลังน้ำท่วม
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วยที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรามองในเรื่องการปกป้องสถานบันฯ มากกว่า เราไม่มองตรงนี้ เรามองว่า นั่นคือการใช้ และไม่ควรจะนำเอาเรื่องสถาบันฯ ไปในทางอื่น เชื่อว่าทุกคนมีแนวทางเดียวกันคือ ร่วมกันปกป้องสถาบันฯ
เมื่อถามว่าจะขอร้องให้หยุดพูดในเรื่องนี้กันหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือ เพราะประเด็นต่างๆ เหล่านี้ ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน วันนี้อยากให้เราหันมาร่วมกันแก้ไขในสิ่งที่ประชาชนเดือดร้อน และต้องการ การดูแลว่าหลังจากน้ำท่วมแล้ว จะกลับมาใช้ชีวิตปกติอย่างไร และเศรษฐกิจ ที่ลดลงในไตรมาส 4 หลังเจอมหาอุทกภัย เราจะช่วยกันเร่งฟื้นฟูความมั่นใจให้กับคนไทย และนักลงทุนตรงนั้นมากกว่า ดังนั้น ขอความร่วมมือมาช่วยกันตรงนั้นจะดีกว่า
เมื่อถามว่า จุดยืนของรัฐบาลยืนยันจะไม่แตะต้องมาตรา 112 หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรายังไม่ได้ทำ รัฐบาลจะมุ่งเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจมากกว่า
เมื่อถามว่า ท่าทีรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ในเรื่องการปกป้องสถาบันฯ เพราะตอนนี้เว็บไซต์หมิ่นสถาบันเบื้องสูง เริ่มย้อนกลับมาอีก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราเน้นเรื่องการรณรงค์ และสร้างความเข้าใจอันดี ซึ่งคงต้องให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือกัน
**"นิติราษฎร์"คิดสุดโต่ง ทำไม่ได้
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า พรรคได้ให้ตนแถลงต่อรัฐสภา คือ การตั้ง ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้ง 77 จังหวัด 77 คน และมาจากวิชาชีพ 22 คน รวมทั้งสิ้น 99 คน แล้วจึงมายกร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นจึงไปถามประชาชน หากประชาชนเห็นด้วย ก็จบ รัฐสภามีหน้าที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ตนอยากเรียนสื่อว่า บางครั้งคณะไหนไปตั้งโต๊ะแถลง ถ้าท่านไม่รายงานข่าวก็จบ บางครั้งมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าสื่อไม่รายงาน 2-3 ครั้งก็เฉาไปเอง
"บางคนที่คิดสุดโต่ง ประเทศไทยทำไม่ได้หรอก บ้านเมืองวุ่นวายเปล่าๆ เปิดโอกาสให้รัฐบาลทำงาน ทำการ ถ้าประชาชนเขาศรัทธาผลงานเลือกตั้งรอบหน้าก็ชนะ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายแก้รัฐธรรมนูญไว้ เขาก็ต้องทำ บางคนไปไกลขนาดนั้น รีบแก้เดี๋ยวเลือกตั้ง" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อไรจะถึงเวลาที่รัฐบาลจะประกาศเป็นเจ้าภาพแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยุติปัญหา ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คงเร็วๆ นี้ ก็รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาแล้วว่า เราจะดำเนินการภายใน 1 ปี และพรรคเพื่อไทย ก็มีคนเก่งเยอะ มีคนแสดงความเห็นมาก แต่คนที่ปราศรัยเอาไว้ ก็มีแต่ตน และตนก็ทำตามมติพรรค
เมื่อถามว่า กลุ่มนิติราษฎร์ ควรหยุดการนำเสนอแนวคิดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่ระบุว่ากลุ่มไหน แต่พูดอย่างนี้น่าจะเข้าใจ เมื่อถามว่า จะมีการเปิดโอกาส ให้กลุ่มบุคคลต่างๆ เสนอแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกจากแนวทางของรัฐบาลหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จะมาเสนอกับตนได้อย่างไร ต้องไปเสนอกับรัฐสภา และหากเสนอไปสภาจะบรรจุหรือไม่ บางครั้งคนก็ไปคิดเองว่า จะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 คุณเอาอำนาจอะไรไปแก้ คุณไม่มีสิทธิ คุณพูดได้ ตนยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย จะไม่แก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยเด็ดขาด ใครแก้ตนค้าน แต่หากจะแก้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ก็ถือว่าเป็นคนละเรื่อง การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีประชาชนเป็นผู้เสนอ จะสามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ รวมถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน และสิทธิเสรีภาพได้ แก้กฎหมายอย่างอื่นไม่ได้
ถามต่อว่า หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะมีการสร้างความวุ่นวายหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าไม่มีหรอก ตนเป็นทั้ง ทหาร ตำรวจ ใครคิดเรื่องนี้ ก็ผิดแล้ว นึกยังไม่ควรนึกเลย
"ที่นี่ประเทศไทย มีความสุขสบายมาได้ เพราะพระกรุณามหาธิคุณ" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
**แผนแก้รัฐธรรมนูญสอดรับแก้ม.112
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า นโยบายการแก้รัฐธรรมนูญของรัฐบาล และข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ มีลักษณะสอดรับกัน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมาจากรากฐาน และกระบวนการที่มีเป้าหมาย เพื่อลบล้างความความผิดให้กับบุคคลพิเศษ และทำเพื่อรัฐบาลทักษิณส่วนหน้า ขณะเดียวกันเห็นว่าการตั้ง ส.ส.ร. จะเป็นทางเลือกสุดท้ายของรัฐบาล เนื่องจากมีกระบวนการแต่งตั้งที่ล่าช้า โดยท้ายที่สุด จะนำข้อเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 34 คน ของ คอ.นธ. มาเป็นแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยย้ำฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอ การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของ คณะนิติราษฎร์ เพราะกระทบกับสถาบัน กองทัพรวมไปถึงศาล
** ปัญหาม.112 อยู่ที่การบังคับใช้
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า พรรคยืนยันมาตลอดว่า การแก้ไขมาตรา 112 เราไม่เห็นด้วย การที่พยายามกล่าวอ้างว่า มีการใช้มาตรานี้ เพื่อกลั่นแกล้งกันทางการเมืองนั้น แสดงให้เห็นว่า มีปัญหาในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้น ถ้าปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย รัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร ต้องควบคุม บังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย ให้เข้าไปดูแล ควบคุมเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่พอมีปัญหาแล้วจะมาแก้ มาตรา 112 ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด
"ที่สำคัญ มาตรา 112 ไม่ใช่การหมิ่นพระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท แต่ยังมีเรื่องของการกระทำความผิด อาฆาตมาดร้าย ซึ่งเป็นเรื่องกระทำความผิดต่อรัฐ การที่จะไปมีแนวคิดความผิดต่อรัฐไปเป็นความผิดส่วนตัว โดยให้พระมหากษัตริย์ต้องไปดำเนินคดี ต้องไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง แค่คิดก็ถือว่าชั่วแล้ว เพราะพระเจ้าแผ่นดินทรงตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม ท่านจะไปแจ้งความดำเนินคดีได้อย่างไร"นายศุภชัยกล่าว
***ช่างภาพทีวีแดงเหิมโพสต์หมิ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วานนี้ (24 ม.ค.) ได้รับการร้องเรียนว่า พบผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อล็อกอินว่า Tanan Maneewong ได้เผยแพร่ข้อความบนเว็บไซต์เฟซบุ๊กในลักษณะอันไม่บังควรต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อย่างรุนแรง และอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งจากการตรวจพบว่าบุคคลดังกล่าวทำงานเป็น ช่างภาพสังกัดสถานีโทรทัศน์เอเชีย อัพเดท และอยู่ในทีมข่าวที่ประจำทำเนียบรัฐบาล มีภารกิจติดตามนายกรัฐมนตรีเป็นหลัก
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์เอเชียอัพเดทที่ดำเนินการโดยบริษัท เดโมเครซี นิวส์ เน็ตเวิร์ก จำกัด หรือ ดีเอ็นเอ็น ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีการนำเสนอข่าวที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และแนวทางของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างชัดเจน
ผู้ใกล้ชิดรายหนึ่งของช่างภาพคนดังกล่าว เปิดเผยว่า Tanan Maneewong มีแนวความคิดที่ไม่เคารพสถาบันเบื้องสูง และเคยแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงอยู่แล้ว ซึ่งข้อความดังกล่าวได้มีการโพสต์ตั้งแต่ช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะมีการลบออกในช่วงสายของวันที่ 23 ม.ค. เนื่องจากได้มีเพื่อนทั้งในเฟซบุ๊ก และที่พบปะกัน ตักเตือนว่าไม่เหมาะสม และมีความผิดทางกฎหมายอีกด้วย
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังจากมีการนำข้อเสนอที่ไม่เหมาะสมออกแล้วนั้น ผู้ใช้ Tanan Maneewong ก็ยังได้แสดงความคิดเห็นที่ก้าวร้าวออกมา โดยการโพสต์ข้อความอีกว่า “ผมไม่สามารถแสดงความคิดเห็นอะไรได้เลย นี่มันสังคมไทยชัดเจน”