xs
xsm
sm
md
lg

"ชัจจ์"ร้อนตัว!รีบกลับลำปัดส่งมาเฟียคุมจตุจักร-แย้มรายได้ปีนี้อาจต่ำเป้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "ชัจจ์"ร้อนตัวข่าวมาเฟียจตุจักรจะเป็นเด็กของตัวเอง อ้างส่งเข้าไปหาข่าว เพราะผู้ค้าผวาถูกเผา ยันมีความจำเป็นต้องใช้คนพวกนี้ แม้รู้ดีว่าเป็นดาบสองคม ส่วนรายได้ที่ตั้งเป้าไว้ 420 ล้าน อาจเบี่ยงเบนได้ ก่อนพลิกลิ้นช่วงบ่ายพลิกลิ้น ยันไม่มีมาเฟีย เผยร.ฟ.ท.เข้าไปจัดระเบียบแผงลอยไร้ทะเบียน 5,000 แผง เป็นการขวางผลประโยชน์กลุ่มมาเฟียเดิม ประสานตำรวจนครบาลดูแลความเรียบร้อย สั่งเดินหน้าเจรจาผู้ค้าจัดระเบียบ เคาะค่าเช่าให้จบใน 2 เดือน

พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม กล่าวให้สัมภาษณ์ในช่วงเช้าถึงกรณีที่พบกลุ่มมาเฟีย 3 กลุ่ม หาผลประโยชน์ ที่แฝงตัวอยู่ในตลาดนัดจตุจักร เข้าไปกว้านซื้อสัญญาเช่าแผงจำหน่ายสินค้าในตลาด แล้วนำมาจัดสรรให้พ่อค้าและแม่ค้าเช่าพื้นที่จำหน่ายสินค้าต่อ โดยเก็บอัตราค่าเช่าตั้งแต่แผงละ 1.5 - 3 หมื่นบาทว่า ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ ไม่มีปัญหาเรื่องนี้แก้ได้ กำลังเช็กข้อมูลอยู่ว่า จริง ไม่จริง ถ้าจริงคือใคร แก้ไม่ยาก เดี๋ยวคงจะเรียบร้อย บ่ายนี้หลังประชุมครม.ก็ทราบแล้ว มี พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ดูแลอยู่แล้ว และกำลังตำรวจ สงสัยเด็กที่ส่งเข้าไปดูหรือเปล่า ซึ่งจะไปเช็กดูว่า เขาถูกใส่ร้าย หรือทำจริง

ต่อข้อถามว่าส่งคนเข้าไปดู เพื่ออะไร พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า ไปหาข่าว ตั้งแต่เริ่มแรก เพราะมีข่าวว่าจะเกิดความไม่สงบเรียบร้อย ในช่วงที่การรถไฟแห่งประเทศไทยจะเข้าไปดูแลตลาดนัดจตุจักร แทนกรุงเทพมหานคร ก็ช่วยหาข่าว ส่งไปดูแลความสงบเรียบร้อย ดูว่า มีใครคิดจะทำอะไรหรือไม่ เพราะแม่ค้าเขากลัวว่าจะถูกเผา ถูกลักของ ตนก็ให้เข้าไปหาข่าว นอกเหนือจากกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีอยู่แล้ว คนที่ใช้ไป กว้างขวาง อาศัยที่รู้จักคนในตลาดนัดจตุจักร จะได้ผลเร็วกว่า ซึ่งมีการรายงานข้อมูลกลับมา ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว เวลานี้เรื่องของตลาดนัดจตุจักร ก็เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ว่ากำลังตั้งคณะกรรมการเจรจา เข้าไปรื้อถอนเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเด็กของท่านไปทำนอกเหนือคำสั่ง หรือเข้าไปหาผลประโยชน์จะจัดการอย่างไร พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า ตนมีวิธีจัดการ ดูว่าจริงไม่จริง ถ้าจริง ก็ไล่ออก เมื่อถามต่อว่า จะมีการแอบแฝงใช้อำนาจของท่านไปหาผลประโยชน์หรือไม่ พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า ตนกลัวมากเลย เพราะเราทำงานเรียบร้อยมาด้วยดี จะจบแล้ว เมื่อเกิดเรื่องอย่างนี้ รู้สึกไม่ค่อยดี

รมช.คมนาคม กล่าวต่อข้อถามถึงความระมัดระวังการใช้คนว่า ตนก็รู้ว่าเป็นดาบสองคม แต่ก็จำเป็นต้องใช้ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสีย เพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อย จะได้สบายใจ ต่อข้อถามที่ว่า จะให้ความมั่นใจต่อสาธารณชนอย่างไรว่าจะไม่มีกลุ่มไหนเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ รมช.คมนาคม กล่าวว่า ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น ภายใต้การดูแลของตน จะไม่มีมาเฟียแน่

นอกจากนี้การจะทำให้รายได้ถึง 400 ล้านบาทที่รฟท.วางไว้ จะต้องมีการขึ้นราคาในส่วนของสัญญาที่ทำไว้กับผู้ค้าหรือไม่ รมช.คมนาคม กล่าวว่า คงไม่จำเป็น เพราะตลาดไม่ได้ส่งมอบตามเกณฑ์ปกติ เพราะมีการยุยง มันไม่สงบเกิดขึ้น การจะเข้าไปเป้าหมายเบี่ยงแบนไปบ้าง ยอดเงินที่จะได้ 420 ล้านบาทต่อปีนั้น ฝั่งตนก็ให้นโยบายไปว่า เบี่ยงแบนไปบ้าง ไม่เป็นไร แต่ทั้งนี้ต้องทำให้ผู้ค้า ผู้ที่มาจับจ่าย ไม่ได้รับความเดือดร้อนในเบื้องต้นก่อน ค่อยทำความเข้าใจกัน ปรับราคากันพอสมควร ตามความเป็นธรรม และไม่ได้มีเพดานว่าต้องเบี่ยงแบนไปที่เท่าไร

ทั้งนี้หากไม่มีปรับรายให้ได้ตามที่รฟท.วางเป้าไว้ รายได้ไม่ได้แตกต่างจากที่ กทม.บริหาร ถ้าอย่างนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ระหว่างกทม.บริหารกับรฟท.บริหาร พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงเท่าที่เห็น รฟท.ประชุมวางแผน ความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย จะดีขึ้น มีการซ่อมแซมถนนหนทาง และจะมีการจัดสถานที่ให้กับคนพิการมาขาย ยังมีอีกหลายอย่างที่ รฟท. มีโครงการจะทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อรายได้ไม่เป็นไปตามที่รฟท.อ้างในการเข้ามาดำเนินการเอง หวั่นหรือไม่ว่ากทม.จะอ้างว่า ที่เรียกคืนไปเป็นเพราะประเด็นทางการเมือง รมช.คมนาคม กล่าวว่า จริงๆ แล้วรายได้ไม่ใช่เรื่องหลัก แต่เรื่องหลักคือ สัญญาสิ้นสุดลง ไม่มีใครดูแลทรัพย์สิน รฟท. 68 ไร่เศษตรงนี้ ซึ่งเป็นตลาดอยู่ จะเลิกก็ไม่ได้ ไล่แม่ค้าก็ไม่ได้ รฟท.จำเป็นต้องเข้าไปดูแล ถ้าสมุมติว่า คนมาเช่าให้น้อยไป รฟท.ไม่พอใจ แล้ว รฟท.จะทำอย่างไร เพราะรฟท. มีพระราชบัญญัติรถไฟ ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติรถไฟ เจ้าหน้าที่รถไฟจะไม่ดูแลไม่ได้ ตัวเงินที่ยื่นเสนอต่อรองกับกทม. ก็เป็นตัวเงินที่ทางบริษัทที่ตั้งเข้าไปศึกษาประเมินไว้ แต่เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนไป ไม่ได้เป็นไปตามรูปแบบ การเข้าไปบริหารก็ยุ่งยาก ตอนนี้ก็ใจเย็น ซึ่งต่อไปเรียบร้อยแน่

ต่อข้อถามว่าได้มีการตัดสินใจที่จะให้บริษัทเอกชนเข้ามาดูแลแล้วหรือยัง รมช.คมนาคม กล่าวว่า สัมปทานคงไม่ให้ เพราะเป็นที่รังเกียจของผู้ค้า ซึ่งผู้ค้ากลัวว่าจะคิดค่าเช่าแผงแพง และก็เดือดร้อนผู้ค้า เมื่อถามว่า กฎหมายเปิดช่องให้ผู้ค้าเข้ามาบริหารงานเองได้ใช่หรือไม่ พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า ได้ ตนดูด้วยตัวเอง อ่านกฎหมายรู้เรื่อง ไม่มีปัญหาเลย

****“ชัจจ์” พลิกลิ้นยันเจเจไม่มีมาเฟีย

ในขณะที่ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า กรณีกระแสข่าวว่ามีผู้มีอิทธิพล 3 กลุ่ม เข้าไปยึดพื้นที่ตลาดนัดจตุจักรและเรียกเก็บเงินจากกลุ่มผู้ค้า ภายหลังจากที่กรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้ส่งมอบพื้นที่ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) บริหารนั้น ได้รับทราบข้อมูล หลังจากเจ้าหน้าที่ร.ฟ.ท.เข้าไปจัดระเบียบ โดยมีการตรวจสอบรถและบุคคลที่เข้าออก เพราะผู้ค้าจำนวนหนึ่งหวาดกลัวว่าจะถูกกลุ่มดังกล่าวเผาร้านและขโมยของที่เก็บไว้ โดยยืนยันว่า ขณะนี้ผู้ค้าไม่ต้องจ่ายค่าเช่าใดๆ เป็นเวลา 2 เดือน หากมีการเก็บเงินให้ผู้ค้าแจ้งความได้ทันที ซึ่งได้ประสานกับพล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 จัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อย

“ข้อมูลที่ได้รับรายงานพบว่าจะมีคนที่เข้าไปจัดการพื้นที่ตรงหอนาฬิกา และจะมาเรียกเก็บค่าเช่าจากผู้ค้ารายย่อยที่เป็นแผงเร่ตั้งในวันเสาร์-อาทิตย์อีกทอดหนึ่ง แผงละ 300-500 บาท ทำแบบนี้กันมานานแล้ว และหลังวันที่ 2 มกราคม 55 ที่สัญญากทม.หมดลง ก็ยังทำกันอยู่ คนพวกนี้พอรู้ตัวกันว่าเป็นใครบ้าง ก็ให้ร.ฟ.ท.ไปดูแลด้วย ตั้งจุดตรวจทางเข้าออก ต้องแลกบัตรทั้งคนและรถยนต์ พอเจอพวกกลุ่มมาเฟียก็ไม่ให้เข้าไปในพื้นที่เลยเกิดเรื่องขึ้น ผมยืนยันว่าตราบใดที่ยังเป็นรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องนี้อยู่จะไม่ให้มีมาเฟียแน่นอน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร 68 ไร่ แต่นอกเขตเช่น บนฟุตบาท ริมถนนนั้น คงไม่สามารถดุแลได้เพราะอยู่นอกเขตไม่มีอำนาจ เพราะเป็นหน้าที่ของทางเทศกิจที่ต้องดูแล”พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าว

พล.ต.ท.ชัจจ์กล่าวว่า ตลาดนัดจตุจักรจะต้องมีการปับปรุงใหม่แน่นอน ทั้งด้านความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งที่ผ่านมาทางร.ฟ.ท.ได้มีการเจรจากับตัวแทนผู้ค้ามาแล้ว 4 ครั้ง ในเรื่องการจัดจัดระเบียบการค้าต่างๆ รวมไปถึงการจัดการเรื่องหาบเร่ แผงลอย ส่วนเรื่องอัตราค่าเช่ายังไม่ได้คุยกัน แต่หลักการ คือ ราคาที่ตกลงต้องเหมาะสม โดยร.ฟ.ท.จะสามารถนำมาบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น การจัดการขยะ , ไฟฟ้าแสงสว่าง ,การดูแลรักษาความปลอดภัย และมีเหลือเพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงตลาดด้วย ซึ่งจะได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือนนี้

รายงานข่าวแจ้งว่า ในพื้นที่ตลาดนัดจตุจักรมีกลุ่มผู้ค้าที่ได้มีการลงทะเบียนประมาณ 8,800 แผงและมีอีกประมาณ 5,000 แผงที่เป็นผู้ค้าที่ไม่ได้มีการลงทะเบียน และตั้งร้านค้า แผงเร่ กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ โดยก่อนหน้านี้จะมีกลุ่มอิทธิพลเป็นผู้เก็บค่าเช่าจากผู้ค้าเหล่านี้ แต่เมื่อร.ฟ.ท.เข้ามาบริหารตลาด จึงมีการจัดระเบียบใหม่โดยให้กลุ่มผู้ค้าเหล่านี้เข้ามาลงทะเบียนเพื่อเข้าระบบและจัดเก็บรายได้เข้าร.ฟ.ท.ทั้งหมด จึงเป็นการขัดขวางผลประโยชน์ของกลุ่มอิทธิพลเดิม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ร.ฟ.ท.ได้เร่งทำการประชาสัมพันธ์ และวางแผนการตลาด เพื่อทำความเข้าใจ ให้ความเชื่อมั่นกับผู้ค้า

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ชัจจ์ยืนยันว่า ผู้ค้าที่ทำมาหากิน ถ้าเดือดร้อนแม้จะมีการตั้งร้านที่อาจจะผิดกฎหมายบ้าง ก็ต้องพยายามจัดหาที่ค้าขายให้เหมาะสม เพื่อให้ตลาดนัดจตุจักรมีระเบียบมากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ ร.ฟ.ท.จะต้องจ้างผู้ที่มีความชำนาญด้านการตลาดเข้ามาช่วย โดยจะเป็นการว่าจ้าง ไม่ให้สัมปทานแก่เอกชนแน่นอน

** “สุขุมพันธุ์”เล็งรื้อทรัพย์สินในจตุจักร

ด้านม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า การเจรจาร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในประเด็นที่เกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างที่ภายในตลาดนัดจตุจักรที่เป็นของ กทม.นั้น ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้วทั้ง 2 ฝ่ายโดยในส่วนของ กทม.ได้มอบหมายให้ นายทวีศักดิ์ เดชเดโช รองปลัด กทม.และฝ่ายกฎหมายเข้าร่วม เพราะในข้อตกลงในสัญญา กทม.จะต้องส่งมอบคืนในสภาพเดิมซึ่งเป็นที่ดินเปล่า เพราะไม่เช่นนั้นกทม.จะต้องเสียค่าปรับได้ จึงอยากให้มีการเจรจาว่าสิ่งใดที่ ร.ฟ.ท.ต้องการบ้าง ในเรื่องรายละเอียด เพราะหากเปิดบริการในวันเสาร์-อาทิตย์นี้ ทรัพย์สินที่เป็นของ กทม.หากมีการชำรุดเสียหายก็ต้องมีคนรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม หากต้องมีการรื้อถอน กทม.ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการ เนื่องจากมีบุคลากร วัสดุ อุปกรณ์ที่พร้อมอยู่แล้ว

ส่วนการประเมินทรัพย์สินของของ กทม.นั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบมูลค่าว่าประเมินเท่าไหร่ เพราะไม่เคยคิดจะขาย จึงอยากให้คณะกรรมการร่วมหารือในเรื่องนี้ด้วย ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะหากมองเป็นเรื่องการเมืองในสมัยที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็คงมีการสั่งการให้ กทม.เข้าบริหารไปแล้ว ตนอยากให้เป็นเรื่องของหน่วยงานของรัฐหารือกัน โดยให้คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน ผู้ค้า ผู้ใช้บริการ เป็นหลัก

**ย้ำชัดไม่ส่งคน กทม.เก็บค่าเช่าที่

ส่วนกรณีที่มีผู้ค้าร้องเรียนว่า มีคนของ กทม.เข้าไปเก็บค่าเช่าที่นั้น ผู้ว่าฯ กทม.ยืนยันว่า กทม.ไม่ได้ให้คนเข้าไปเก็บค่าเช่าแล้ว หากมีการเรียกเก็บจากฝ่าย กทม.จริงให้แจ้งมายังตนได้ ตนจะดำเนินการการเอาผิดทันที และหากเป็นคนนอกที่แอบอ้าง ก็จะแจ้งความดำเนินคดี
กำลังโหลดความคิดเห็น