xs
xsm
sm
md
lg

1 ปีผ่านไป วีระ-ราตรียังอยู่คุกเขมร ร่วมกันส่งกำลังใจให้พวกเขาด้วย !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วีระ สมความคิด
ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

เวลา 1 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ยังคงติดอยู่ในเรือนจำของประเทศกัมพูชา ทั้งๆ ที่คนเหล่านี้ยังอยู่ในดินแดนไทย แต่รัฐบาลไทยกลับไม่สามารถนำตัว 2 คนไทยนี้กลับมาได้

เพื่อทำความเข้าใจอีกครั้งหนึ่งว่า ความจริงแล้วแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ได้ส่งเสริมหรือสนับสนุนให้นักวิชาการ ผู้ปราศรัย หรือ แกนนำคนใดเข้าไปในพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเลย แม้ว่าในเวลานั้นจะได้รับเชิญเข้าไปสำรวจในพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีการติดต่อประสานกับนักการเมืองส่วนหนึ่ง และทหารในพื้นที่อีกส่วนก็ตาม

เหตุผลที่ได้มีการปรึกษาหารือกันในเวลานั้นก็อยู่ตรงที่ว่า หากเข้าไปแล้วอาจตกหลุมพราง ติดกับดัก ด้วยเหตุผลหลายประการดังนี้คือ

1.หากเข้าไปแล้วอยู่ในฐานะผู้เข้าเยี่ยมชม หรือขอทหารเข้าไปเยี่ยมชม ในพื้นที่ซึ่งกัมพูชาปักธงชาติกัมพูชาอยู่ ก็อาจจะกลายเป็นการสร้างหลักฐานให้กับกัมพูชา ว่าคณะกลุ่มประชาชนชาวไทยไม่ปฏิเสธการใช้อำนาจอธิปไตยของกัมพูชาบนดินแดนไทย เท่ากับเป็นการนิ่งเฉยและยอมรับ (เหมือนเหตุการณ์ที่บรรพบุรุษไทยโดนกฎหมายปิดปากมาแล้ว)

2.หากเข้าไปแล้วถูกกัมพูชาจับกุม ก็จะทำให้กัมพูชาสามารถสำแดงอำนาจอธิปไตยทางการปกครองและทางศาลบนดินแดนไทย ซ้ำร้ายกว่านั้นหากเป็นแกนนำผู้ชุมนุมถูกจับกุมก็อาจจะถูกกัมพูชานำมาใช้เป็นเครื่องมือและอำนาจต่อรองกับรัฐบาลไทย และรัฐบาลไทยก็อาจจะพอใจในการหาแนวทางในการกำจัดแกนนำบางคน หรืออาจถูกใช้เป็นอำนาจต่อรองไม่ให้มาชุมนุมกดดันรัฐบาลในเวลานั้นก็ได้

ด้วยเหตุผลนี้คณะเดินทางของนักวิชาการ และผู้ปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงตัดสินใจว่าถ้าจะเข้าไปในพื้นที่ชายแดนไม่ว่าจะเป็นพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร หรือ ชายแดนไทยบริเวณอื่นๆ จะต้องไปเพื่อสำแดงอำนาจอธิปไตยของประเทศไทย โดยไปเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่เสาประการหนึ่ง และหากจะทำเช่นนั้นได้จะต้องมีทหารพร้อมอาวุธสงครามติดตามไปพร้อมกับคณะที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้าไปด้วยเป็นอีกประการหนึ่ง พร้อมการถ่ายวีดีโอและถ่ายภาพได้อย่างเปิดเผย

อาจด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ไม่ได้รับคำตอบใดๆในการเข้าพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา แต่กว่าจะมารู้ว่ามีอีกคณะหนึ่ง ซึ่งเป็นคนไทย 7 คน เข้าไปในพื้นที่บริเวณหลักเขตที่ 46 – 47 ก็เมื่อมีการจับกุมไปแล้วเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

แม้ว่าแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อาจไม่เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม การเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวของ 7 คนไทยนั้นได้สร้างคุณูปการอันใหญ่หลวง ที่ทำให้คนไทยได้ตื่นรู้และมาสนใจมากขึ้นว่าแผ่นดินไทยกำลังถูกรุกรานจริง

ชาวบ้านหลายรายซึ่งถูกกัมพูชารุกล้ำที่ดินทำกินของตัวเอง จากการที่ต้องเสียสละให้เป็น ที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยชาวบ้านต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า 7 คนไทย ถูกกองกำลังทหารติดอาวุธของกัมพูชาจับในแผ่นดินไทย เพราะยังเดินทางไปไม่ถึงที่ดิน ส.ค. 1 ของนายหมา อันสมศรี ซึ่งเคยอยู่อาศัย และมีสัญลักษณ์ที่จำได้ชัดเจนเพราะที่ดินของนายหมาถูกขุดสระน้ำขนาดใหญ่โดยองค์การสหประชาชาติ เพื่อรองรับผู้อพยพชาวกัมพูชา

เสียงของชาวบ้านที่ยืนยันที่ดินของตัวเองนั้น ใสซื่อบริสุทธิ์ เพราะแม้นักการเมืองกับข้าราชการท้องถิ่นพยายามวาดรูปที่ดินว่าจะจัดพื้นที่ให้ใหม่ เพื่อให้พื้นที่สระน้ำแห่งนั้นให้เป็นของกัมพูชา ชาวบ้านก็ยังยืนยันผืนดินแผ่นดินเกิดของตัวเองตามตำแหน่งเดิมอยู่ดี

เพราะความจริงมีอยู่ว่า “หลักเขต เคลื่อนย้ายได้” แต่ “สระน้ำเคลื่อนย้ายไม่ได้”

ด้วยคุณูปการที่ 7 คนไทย ได้บุกเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวนั้น จึงถือได้ว่าได้เอาตัวเข้าแลกเพื่อเปิดเผยความจริงให้คนไทยได้รู้ มีความเสี่ยงถึงต้องติดคุกตะรางในประเทศกัมพูชา ถือเป็นผู้ที่เสียสละอย่างใหญ่หลวงที่สมควรได้รับการคารวะ และสมควรที่รัฐบาลไทยจะต้องให้การช่วยเหลือโดยไม่มีเงื่อนไข

และการช่วยเหลือโดยไม่มีเงื่อนไขในสิ่งที่สมควรทำที่สุดก็คือ การยืนยันว่าบริเวณนั้นเป็นแผ่นดินไทยต้องคืนตัว 7 คนไทยให้กลับมาโดยไม่มีเงื่อนไข


หรือหากรัฐบาลยึด MOU 2543 ที่จะต้องยึดหลักสันติวิธีและไม่ใช้ความรุนแรงหากเกิดกรณีพิพาท และข้อตกลงระหว่างไทย-กัมพูชา ว่าจะไม่มีการจับประชาชนที่ข้ามไปมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของแต่ละประเทศ ก็ต้องยื่นเงื่อนไขให้กัมพูชาปล่อยโดยไม่มีเงื่อนไขเช่นกัน

แต่เป็นที่น่าเสียดายที่สุดก็ตรงที่นักการเมืองและข้าราชการของรัฐบาลชุดที่แล้วแก้ไขปัญหานี้ด้วยการ พยายามทำให้แผ่นดินไทยบริเวณนั้นให้เป็นของกัมพูชา และแก้ไขปัญหาด้วยการเกลี้ยกล่อมให้คนไทยทั้ง 7 คน สารภาพผิดว่ารุกล้ำเข้าไปในกัมพูชาอีกด้วย

ในขณะที่ 5 คนไทยถูกปล่อยตัวออกมาแม้มีโทษจำคุกแต่ให้รอลงอาญา ในขณะที่นายวีระ สมความคิด ต้องถูกพิพากษาให้จำคุกถึง 8 ปี ส่วน น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ต้องถูกโทษจำคุก 6 ปี โทษฐานที่ติดกล้องวีดีโอซ่อนอยู่ในเสื้อ นี่เป็นข้ออ้างของรัฐบาลที่แล้วพยายามจะอธิบายต่อสังคมว่าทำดีที่สุดแล้ว แต่ 2 คนนี้ได้มีคดีมากกว่าคนอื่นจนเกินจะช่วยได้

ทั้งๆที่ความจริงอยู่ที่รัฐบาลไทยจะตั้งต้นว่า 7 คนไทยรุกล้ำเข้าไปดินแดนกัมพูชาหรือไม่? ถ้าไม่รุกล้ำ ก็ต้องช่วยออกมาทั้ง 7 คนโดยไม่มีเงื่อนไข แม้ต่อให้ติดกล้องสายลับไว้ในเสื้อผ้าก็ไม่มีสิทธิ์จับกุมคนไทยไปขึ้นศาลและลงโทษคนไทยได้เลย

แต่ถ้ารัฐบาลไทยตั้งต้นว่า 7 คนไทยรุกล้ำเข้าไปดินแดนกัมพูชาจริง 5 คนไทยอาจรอดออกมาได้ แต่ 2 คนไทยย่อมไม่มีทางรอดได้เลย และทำให้อดคิดไม่ได้ว่าที่รัฐบาลสู้เกมนี้เพราะ 5 คนไทยที่รอดออกมานั้นหนึ่งในนั้นชื่อ นายพนิช วิกิจเศรษฐ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์

ซ้ำร้ายกว่านั้นนักการเมืองในรัฐบาลชุดที่แล้ว ก็มาเกลี้ยกล่อมชาวบ้านที่กำลังตามทวงสิทธิ์ขอที่ดินคืนบริเวณหลักเขตที่ 46-47 โดยสัญญาว่าจะเยียวยาแก้ไขปัญหาให้ ขอให้กลับบ้านไปอย่างได้มาให้ข่าวอีก แต่พอเอาเข้าจริงกลับจัดฉากชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่ใช่คนในท้องถิ่น(เพียงแต่ห่วงตัวเองกลัวการปะทะ)ให้ข่าวว่า ชาวบ้านที่เรียกร้องนั้นเข้าใจผิดเพราะที่ดินบริเวณนั้นเป็นของกัมพูชาไม่ใช่ของไทย จนชาวบ้านเจ็บใจและต้องกลับมาแถลงข่าวที่กรุงเทพอีก จนถึงวันนี้ชาวบ้านกลุ่มนี้ก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาเหลียวแลดังที่นักการเมืองรับปากชุ่ยๆแต่ประการใด

สำหรับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ความสัมพันธ์ ไม่ดีกับกัมพูชาอยู่แล้ว วิธีเดียวที่จะช่วยเหลือคนไทยได้ก็คือต้องกดดันทุกรูปแบบ หากมาตรการทางการทูตไม่สำเร็จต้องเร่งใช้มาตรการทางทหารและทางเศรษฐกิจ เพื่อเอาตัวคนไทยออกมาให้ได้ โดยเร็วที่สุด

7 เดือนของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงที่จะช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ให้ออกมาจากคุกกัมพูชา เพราะมัวแต่คิดว่าถ้าทำให้ดินแดนบริเวณดังกล่าวเป็นของกัมพูชา ก็จะทำให้ตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะถือว่าคนเหล่านี้รุกล้ำเข้าไปเอง !!!

สำหรับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชา วิธีเดียวที่จะพอหวังได้ก็คือมาตรการทางการทูตที่จะทำให้ 2 คนไทยได้ปล่อยตัวออกมา แต่บังเอิญโชคร้ายที่ นายวีระ สมความคิด เป็นผู้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร จนทำให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินให้จำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ก็อาจจะสร้างความแค้นให้กับทักษิณอยู่ไม่น้อย และอาจไม่อยากให้กลับประเทศไทยมาตรวจสอบและแฉเพิ่มเติมอีกก็ได้


5 เดือนของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ก็ไม่มีความคืบหน้าที่จะช่วยเหลือ 2 คนไทยแต่ประการใด เช่นกัน !!!

158 วันในการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่เคยคาดหวังว่ากัมพูชาซึ่งอยู่นอกประเทศจะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของภาคประชาชนในประเทศไทย เพราะผู้ที่มีอำนาจต่อรองที่แท้จริงก็คือรัฐบาลไทยซึ่งจะต้องมีหน้าที่กดดันต่อรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งสามารถใช้อำนาจรัฐ ศัยกภาพและแสนยานุภาพของกองทัพ มาตรการทางการทูต และมาตรการทางเศรษฐกิจได้

เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ นักการเมืองทุกฝ่าย ไม่มีความจริงใจที่จะช่วยเหลือนายวีระ และ น.ส.ราตรี ให้ออกจากคุกกัมพูชา และถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครจริงใจที่จะช่วยเหลือชาวบ้านซึ่งถูกชาวกัมพูชามาอพยพที่ดินของตัวเองบริเวณหลักเขตที่ 46-47 แต่ประการใด เช่นกัน

ได้แต่เชิญชวนให้ท่านผู้อ่านส่งพลังจิตและให้กำลังใจครอบครัว นายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ตลอดจนชาวบ้านที่ยังไม่ได้ที่ดินคืนเพราะถูกชาวกัมพูชายึดครองไป และถูกนักการเมืองหลอกมาไม่รู้กี่ยุคกี่สมัย

ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์
กำลังโหลดความคิดเห็น