บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง(ประเทศไทย ) จำกัด(มหาชน) ทำบทวิเคราะห์ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟร์เซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TUF หลังจากที่ TUF จะเข้าซื้อหุ้นบริษัท แพ็คฟู้ด จำกัด (มหาชน ) หรือ PPC โดยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) ภายใต้เงื่อนไขว่าจะได้หุ้น PPC ไม่น้อยกว่า 40% โดยผู้ถือหุ้นของ PPC 9 ราย คือ กลุ่มอารีเจริญเลิศ และ / หรือ กลุ่มกนกวัฒนาวรรณ จะขายหุ้นออกมาบางส่วนซึ่งจะไม่เกิน 12 ล้านหุ้น หรือ ไม่เกิน 40% ให้ TUF โดยที่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และยังผู้บริหาร PPC ต่อไป ปัจจุบันกลุ่มดังกล่าวถือหุ้นรวมกัน 86.25%
สำหรับราคา Tender Offer เท่ากับมูลค่าตามบัญชีสุทธิต่อหุ้นตามงบการเงินของ PPC ในสิ้นปีนี้ที่ตรวจสอบแล้วโดยผู้สอบบัญชี หากราคาเสนอซื้อเท่ากับมูลค่าตามบัญชี ณ 30 ก.ย. 54 ที่ 28.77 บาทต่อหุ้น จะคิดเป็น PER ประมาณ 11 เท่า มูลค่าการซื้อหุ้นกรณีที่เข้าถือหุ้นสัดส่วน 40-50% จะเท่ากับ 345-432 ล้านบาท โดย TUF จะชำระค่าหุ้นเป็นเงินสดทั้งหมดจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
สำหรับ PPC เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจแปรรูปและส่งออกอาหารทะแลแช่แข็ง สินค้าส่วนใหญ่คือ กุ้งแช่แข็ง เนื้อปูพาสเจอร์ไรซ์ และ อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง มีรายได้ในสัดส่วน 72% , 6% และ 22% ตามลำดับ รายได้จากการส่งออกมีสัดส่วน 94% ของรายได้รวม ตลาดหลัก คือ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และ ญี่ปุ่น ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ PPC มียอดขาย 4,979 ล้านบาท EBITDA 270 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 112 ล้านบาท เทียบกับงบ 9 เดือนปี 53 ที่ขาดทุน 83 ล้านบาท
ขณะการลงทุนใน PPC จะสร้างผลประโยชน์เพิ่มเติมให้กับ TUF ในแง่ของการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาวัตถุดิบ เพิ่มกำลังการผลิตและขยายตลาด โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป กำลังการผลิตกุ้งจะเพิ่มขึ้นจาก 220 ตัน/วัน เป็น 400 ตัน/วัน โดยที่ TUF ไม่ต้องลงทุนขยายกำลังการผลิตเอง ขณะที่จะสามารถรับคำสั่งซื้อได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตของ PPC ในปัจจุบันอยู่ที่เพียง 50% ส่วนการซื้อวัตถุดิบกุ้งคาดว่าจะได้รับเงื่อนไขการค้าที่ดีขึ้นเนื่องจาก TUF และ PPC มีการซื้อวัตถุดิบกุ้งรวมกันประมาณ 1 แสนตัน/ปี หรือคิดเป็นเกือบ 20% ของการผลิตกุ้งของไทย ส่วนการ Tender Offer คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน มี.ค. 55 ซึ่งจะมีระยะเวลา 25 วันทำการ โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในครึ่งแรกปี 55 ซึ่ง TUF จะรับรู้กำไรของ PPC ตามส่วนได้เสีย (Equity method) จากการถือหุ้น 40-50% เบื้องต้นเราคาดว่าจะทำให้กำไรของ TUF เพิ่มขึ้นประมาณ 3% แต่ในระยะยาวคาดว่าจะส่งผลบวกมากขึ้นจากการประหยัดจากขนาดและลดต้นทุนต่อหน่วย เราจึงคงคำแนะนำ " ซื้อ " TUF ให้ราคาเหมาะสม 65.25 บาท
สำหรับราคา Tender Offer เท่ากับมูลค่าตามบัญชีสุทธิต่อหุ้นตามงบการเงินของ PPC ในสิ้นปีนี้ที่ตรวจสอบแล้วโดยผู้สอบบัญชี หากราคาเสนอซื้อเท่ากับมูลค่าตามบัญชี ณ 30 ก.ย. 54 ที่ 28.77 บาทต่อหุ้น จะคิดเป็น PER ประมาณ 11 เท่า มูลค่าการซื้อหุ้นกรณีที่เข้าถือหุ้นสัดส่วน 40-50% จะเท่ากับ 345-432 ล้านบาท โดย TUF จะชำระค่าหุ้นเป็นเงินสดทั้งหมดจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
สำหรับ PPC เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจแปรรูปและส่งออกอาหารทะแลแช่แข็ง สินค้าส่วนใหญ่คือ กุ้งแช่แข็ง เนื้อปูพาสเจอร์ไรซ์ และ อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง มีรายได้ในสัดส่วน 72% , 6% และ 22% ตามลำดับ รายได้จากการส่งออกมีสัดส่วน 94% ของรายได้รวม ตลาดหลัก คือ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และ ญี่ปุ่น ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ PPC มียอดขาย 4,979 ล้านบาท EBITDA 270 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 112 ล้านบาท เทียบกับงบ 9 เดือนปี 53 ที่ขาดทุน 83 ล้านบาท
ขณะการลงทุนใน PPC จะสร้างผลประโยชน์เพิ่มเติมให้กับ TUF ในแง่ของการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาวัตถุดิบ เพิ่มกำลังการผลิตและขยายตลาด โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป กำลังการผลิตกุ้งจะเพิ่มขึ้นจาก 220 ตัน/วัน เป็น 400 ตัน/วัน โดยที่ TUF ไม่ต้องลงทุนขยายกำลังการผลิตเอง ขณะที่จะสามารถรับคำสั่งซื้อได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตของ PPC ในปัจจุบันอยู่ที่เพียง 50% ส่วนการซื้อวัตถุดิบกุ้งคาดว่าจะได้รับเงื่อนไขการค้าที่ดีขึ้นเนื่องจาก TUF และ PPC มีการซื้อวัตถุดิบกุ้งรวมกันประมาณ 1 แสนตัน/ปี หรือคิดเป็นเกือบ 20% ของการผลิตกุ้งของไทย ส่วนการ Tender Offer คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน มี.ค. 55 ซึ่งจะมีระยะเวลา 25 วันทำการ โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในครึ่งแรกปี 55 ซึ่ง TUF จะรับรู้กำไรของ PPC ตามส่วนได้เสีย (Equity method) จากการถือหุ้น 40-50% เบื้องต้นเราคาดว่าจะทำให้กำไรของ TUF เพิ่มขึ้นประมาณ 3% แต่ในระยะยาวคาดว่าจะส่งผลบวกมากขึ้นจากการประหยัดจากขนาดและลดต้นทุนต่อหน่วย เราจึงคงคำแนะนำ " ซื้อ " TUF ให้ราคาเหมาะสม 65.25 บาท