xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ม.112 “คริสตี้ เคนนีย์” และ “UN” “ผู้ร่านแร่แส่เสือก”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-จากกรณีที่ “นายเดอรราจ์ พาราดิโซ” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศฝ่ายเอเชียตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ออกมาให้ความเห็นผ่านสำนักข่าวเอพีในกรณีคดี “อากง SMS” ตกเป็นผู้ต้องหาส่งเอสเอ็มเอสละเมิดกฎหมายหมิ่นสถาบัน มาตรา 112 ว่า

"สหรัฐอเมริกาให้ความเคารพอย่างสูงสุดต่อสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่กระบวนการยุติธรรมไทยอาจไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลในเรื่องสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น"

และต่อมา “นางคริสตี้ เคนนีย์” เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ได้ “ทวีต” หรือ เขียนทวิตเตอร์ ถึงคดีที่ “นายโจ กอร์ดอน” คนไทยสัญชาติอเมริกัน ถูกศาลไทยสั่งจำคุกฐานละเมิดกฎหมาย ม.112 เพราะแปลหนังสือต้องห้ามเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต ว่า

“สหรัฐฯ เคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยอย่างสูง แต่ขณะนี้มีความกังวลต่อการตัดสินที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลในเรื่องสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น”

ทั้งนี้ หลังจากนายพาราดิโซและนางเคนนีย์แสดงความเห็นดังกล่าวต่อการบังคับใช้ม.112ในคดี “อากง” และ “โจ กอร์ดอน” ปรากฏว่า ใน US Embassy Bangkokซึ่งเป็นเพจเฟซบุ๊กของสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ได้มีสมาชิกเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นชาวไทยจำนวนมาก แสดงความคิดเห็นทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ แสดงความไม่พอใจกรณีดังกล่าวเป็นอย่างมาก โดยไม่พอใจที่สหรัฐฯ เข้ามาก้าวก่ายกิจการภายในของไทย

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนไทยผู้จงรักภักดีรวมตัวกันในนาม "กลุ่มสยามสามัคคี" รวมพลังประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐฯ เพื่อขับไล่นางคริสตี้ออกนอกประเทศ โดยกลุ่มสยามสามัคคีได้ยื่นหนังสือถึงสหประชาชาติและสหรัฐฯ เพื่อเรียกร้องให้พวกเขาหลีกเลี่ยงแสดงความคิดเห็นต่อกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

และล่าสุดกับกรณีที่เครือข่ายคนเชียงใหม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อดรนทนไม่ไหวจนต้องรวมตัวกันที่หน้าสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาจังหวัดเชียงใหม่เพื่อยื่นหนังสือต่อนางคริสตี้ ขอให้ยุติการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยและยุติการลบหลู่กระบวนการยุติธรรมของไทย

ทว่า ก็ไม่วายที่ชนเผ่าเสื้อแดงเชียงใหม่นำโดยดีเจอ้อม-นางกัญญาภัค มณีจักร แดงฮาร์ดคอร์ตัวเอ้จะนำสาวกเดินทางมาคัดค้าน พร้อมทั้งพยายามเข้าประชิดตัวผู้มาร่วมชุมนุมของเครือข่ายคนเชียงใหม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

แต่ที่เด็ดที่สุดเห็นจะเป็นความเห็นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ให้สัมภาษณ์กรณีที่ฝ่ายการเมืองพยายามแก้ไขมาตรา 112 ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ และมีบางฝ่ายพยายามอ้างกลุ่มสิทธิมนุษยชนของต่างประเทศที่ออกมาระบุให้ไทยปรับปรุงมาตรา 112 ว่า “หากคิดว่ากฎหมายไทยไม่เท่าเทียม หรือรุนแรง ก็ไปอยู่ต่างประเทศก็แล้วกัน”

อย่างไรก็ตาม แม้คนในรัฐบาลสหรัฐฯ จะอ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และแสดงความเป็นห่วงกรณีการดำเนินคดีผู้กระทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่ปรากฏว่าในสหรัฐฯ ก็มีการลงโทษผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ผู้นำสหรัฐอเมริกาเช่นกัน

โดยเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.53 นายจอห์นนี่ โลแกน สเปนเซอร์ ชาวเคนตั๊กกี้ วัย 28 ปี ถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลาเกือบ 3 ปี ด้วยข้อหาข่มขู่นายบารัก โอบามา กรณีที่เขียนบทกวีซึ่งมีเนื้อหาบรรยายถึงการใช้ปืน “สไนเปอร์” ลอบยิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ

นายสเปนเซอร์ได้กล่าวคำขอโทษในศาลเมืองหลุยส์วิลล์ และให้การว่า ขณะที่เขาเขียนบทกวีนั้น เป็นช่วงที่กำลังเศร้าโศกเสียใจเพราะการเสียชีวิตของมารดาและได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มเชิดชูคนผิวขาว (white supremacist) ซึ่งช่วยให้เขาเลิกยาเสพติดได้

ทั้งนี้ ผู้พิพากษาโจเซฟ เอ็ช.แม็กคินลีย์ จูเนียร์ ได้ตัดสินว่าบทกวีของนายสเปนเซอร์คือสิ่งที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งยวด จึงถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 33 เดือน และจะถูกคุมประพฤติอีก 3 ปีหลังพ้นโทษจำคุกแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีกรณีวัยรุ่นชาวอังกฤษถูกห้ามเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาตลอดชีวิต หลังจากส่งอีเมลไปยังทำเนียบขาว โดยเรียกนายโอบามาว่าเป็น “a prick” ซึ่งเป็นศัพท์สแลงมีความหมายถึง “อวัยวะเพศชาย”

ทั้งนี้ แม้ว่าจะไม่มีการดำเนินคดีกับเด็กวัยรุ่นชาวอังกฤษคนนี้ แต่เขาก็ถูกขึ้นบัญชีดำเป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามกับกรณีที่เกิดขึ้น ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทูตเคนนีย์คงไม่เข้าใจความรักและความจงรักภักดีที่คนไทยมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มายาวนานหลายร้อยปี และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อคนไทยมาตลอดนับตั้งแต่พระองค์ท่านขึ้นครองราชย์ โครงการตามพระราชดำริหลายพันโครงการเกิดขึ้นเพื่อคนไทยทั้งสิ้น เพราะถ้าเข้าใจ คนที่มีตำแหน่งเป็นถึง “ท่านทูต” จากประเทศที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้เจริญแล้ว คงไม่แสดงความคิดเห็นที่ “โง่ๆ” และ “ง่าวๆ” ออกมาแบบนี้

รวมถึงโฆษกข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ "นางเนวี พิลเลย์" ที่ร่านแร่แส่เสือกข้ามพรมแดนอธิปไตยมาว่า

"เราวิตกเกี่ยวกับการไต่สวนคดีและการลงโทษอย่างรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นกับประชาชนที่ได้ถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทย และผลของเรื่องนี้ที่มีต่อเสรีภาพของการแสดงออกในประเทศไทย"

และ “นางราวีนา ซัมดาซานี” ที่สตรอเบอรี่ “แจ๋น” เข้ามาสมทบว่า "นี่คือการลงโทษทางอาญาอย่างรุนแรง ทั้งไม่จำเป็นและเกินกว่าเหตุ ละเมิดสัมพันธกรณีระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน เราขอเรียกร้องให้ทางการไทยแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"

ทั้งนี้ ดูจากท่าทีของ “ทูตคริสตี้” และจากท่าทีอันน่ารังเกียจของ UN ผ่าน “นางงามด้านสิทธิมนุษยชน” ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือการ “แยกกันอยู่-รวมกันตี” โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็น "ตัวการ" !

และไม่ต้องมาเล่นละครเป็นผู้ “ร่านแร่แส่เสือก” ประเทศไทย เพราะเขารู้กันทั้งโลกว่า “UN” คือ “ลูกมือ-ลูกตีน” ของสหรัฐฯ เพราะไม่ว่าสหรัฐฯ ต้องการอะไร ก็ให้องค์การในยูเอ็นแสดงบทบาท “จัดให้” ไม่ใช่หรือ ?

แล้วไอ้ที่ไปไล่ฆ่า ไล่ระเบิดในประเทศต่างๆ จนชาวบ้าน ลูกเด็กเล็กแดงตายเป็นเบือ นั่นมันไม่ “รุนแรง” เกินกว่าเหตุหรือ ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือ แล้ว UN ไปมุดรูทวารพ่อ “ไอ้กัน” อยู่หรือไง แล้วกล้าพูดไหมว่า “ไอ้กันไม่ใช่พ่อ” !?

ประเทศไทยเป็น "ราชอาณาจักร" โดยมีรากฐานมาร่วมพันปี มีกฎหมาย ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม ฯลฯ ที่สืบทอดกันมาเนิ่นนาน ไม่ใช่ไปแย่งชิงเอาผืนแผ่นดินมาจากชนพื้นเมืองที่เขาอยู่อย่างสงบมาหลายร้อยปี จนหมด แล้วสุดท้ายก็ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เขาอย่างเหี้ยมโหด

แล้วยังมีหน้ามาอวดอ้างว่าเป็น "ดินแดนแห่งเสรีภาพ" ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนจนไม่เห็นหัวประเทศอื่น ทั้งๆ ที่เพิ่งจะตั้งเป็น “ประเทศ” มาเมื่อวานซืนนี้เอง...

เหมือนอย่างที่“มีชัย ฤชุพันธุ์” ปรมาจารย์ทางกฎหมายของไทยที่ตอบคำถามเกี่ยวกับ ม.112 เอาไว้ใน www.meechaithailand.com ว่า ..... “อเมริกันกลัวการก่อการร้ายจนขี้ขึ้นสมอง ใครจะผ่านเข้าประเทศจะตรวจค้นอย่างละเอียดยิบโดยไม่คำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคลของใคร ถึงขนาดจับแก้ผ้าก็ยังทำ  แม้แต่กระเป๋าเดินทางก็เปิดรื้อค้นเอาเองได้ เมื่อตอนที่อเมริกันตามล่าบินลาเดน เคยจับภาพจากอากาศเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินถือไม้เท้าอยู่เชิงเขา นึกว่าเป็นบินลาเดน ส่งจรวดราคาแพงไปถล่มตายหมดทั้งกลุ่ม จึงรู้ภายหลังว่าไม่ใช่บินลาเดน ชาวบ้านเลยตายฟรีนั่นน่ะไม่โหดร้ายป่าเถื่อนเสียกว่ายุคหินอีกหรือ ก็ไม่เห็นคนอเมริกันหรือสหประชาชาติจะไปตำหนิอะไร เพราะความแค้นในเรื่องถูกถล่มตึกยังค้างคาอยู่ในใจ” 
กำลังโหลดความคิดเห็น