xs
xsm
sm
md
lg

เครือข่ายคนเชียงใหม่ประท้วงทูตสหรัฐฯลั่นอย่าจุ้น ม.112-เสื้อแดงเดือดแห่ต้านหวิดมีมวย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เครือข่ายคนเชียงใหม่ปกป้องสถาบัน ยื่นหนังสือผ่านสถานกงสุลสหรัฐฯ ที่เชียงใหม่ ประท้วงเอกอัครราชทูต หลังแสดงความเห็นเรื่องมาตรา 112 ชี้ แทรกแซงกิจการภายใน เรียกร้องให้ยุติ ด้านคนเสื้อแดงรวมตัวต้าน โวยเครือข่ายฯ ดึงเบื้องสูงยุ่งการเมืองทำสถานการณ์ตึงเครียด แถมหวิดมีมวยหลังเสื้อแดงบางส่วนวิ่งไล่ตาม โชคดีตำรวจยังคุมอยู่ไม่มีเหตุรุนแรง


วันนี้ (21 ธ.ค.) เครือข่ายคนเชียงใหม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จำนวนประมาณ 100 คน เดินทางมาชุมนุมที่หน้าสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือต่อนางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ผ่านทางสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาจังหวัดเชียงใหม่ ขอให้ยุติการแทรกแซงในกรณีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2551 โดยมี นายทอดด์ เบทท์-โพซอน รักษาการกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา จังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้รับมอบหนังสือดังกล่าว

ทั้งนี้ การชุมนุมดังกล่าวได้รับการต่อต้านจากกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 นำโดย นางกัญญาภัค มณีจักร หรือ ดีเจอ้อม พร้อมด้วยกลุ่มคนเสื้อแดงราว 100 คน ที่ทยอยเดินทางมาสมทบหลังทราบข่าวว่า มีการชุมนุมของเครือข่ายคนเชียงใหม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งรวมกลุ่มอยู่ที่บริเวณเจดีย์ขาว ใกล้กับสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา จังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าวโจมตีเครือข่ายคนเชียงใหม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่า พยายามเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยการดึงเอาสถาบันสูงสุดเข้ามาเกี่ยวข้อง

พร้อมทั้งเรียกร้องให้เครือข่ายคนเชียงใหม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เก็บพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทางเครือข่ายนำมาแสดงในการชุมนุม ทำให้บรรยากาศในบริเวณหน้าสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา จังหวัดเชียงใหม่ ค่อนข้างตึงเครียด

ด้านเครือข่ายคนเชียงใหม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้อ่านแถลงการณ์ โดยระบุว่า การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย เป็นการแทรกแซงกิจการภายในและลบหลู่กระบวนการยุติธรรมของไทย พร้อมทั้งเรียกร้องให้เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา กล่าวขอโทษและยุติการแทรกแซงในลักษณะดังกล่าว ก่อนจะยื่นหนังสือผ่าน นายทอดด์ เบทท์-โพซอน รักษาการกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา จังหวัดเชียงใหม่ ท่ามกลางการปราศรัยและตะโกนโห่ร้องต่อต้านจากกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกั้นไม่ให้เคลื่อนเข้าใกล้อีกฝ่าย

พร้อมกันนี้ ยังมีการเปิดเพลงจากรถขยายเสียงของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 แทรกโดยตลอด ในระหว่างที่เครือข่ายคนเชียงใหม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ร่วมกันร้องเพลงสดุดีมหาราชาและเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนที่จะแยกย้ายกันเดินทางกลับ รวมทั้งในระหว่างที่เครือข่ายคนเชียงใหม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ กำลังทยอยเดินทางกลับนั้น คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งได้ฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งตะโกนด่าทอ และพยายามเข้าประชิดตัวผู้มาร่วมชุมนุมของกลุ่มเครือข่าย แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและคนเสื้อแดงอีกส่วนหนึ่งเข้ามาห้ามปราม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการปิดถนนบริเวณหน้าสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งปล่อยให้กลุ่มเครือข่ายเดินทางกลับก่อน หลังจากนั้น จึงปล่อยให้กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เดินทางกลับในภายหลัง

อย่างไรก็ตาม นางกัญญาภัค หรือ ดีเจอ้อม ได้กล่าวปราศรัยผ่านรถขยายเสียงหลังจากที่กลุ่มเครือข่ายเดินทางกลับแล้วว่า คนเสื้อแดงที่พยายามเข้าไปประชิดตัวกลุ่มเครือข่ายไม่ใช่คนจากกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 แต่เป็นคนที่สวมเสื้อแดงปะปนเข้ามาเพื่อพยายามสร้างสถานการณ์

การเข้ายื่นหนังสือถึงเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ของเครือข่ายคนเชียงใหม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นผลสืบเนื่องจากกรณีที่ นางคริสตี้ เคนนีย์ ได้แสดงความกังวลใจกับคำตัดสินของศาลไทย กรณีตัดสินจำคุก นายโจ (สงวนนามสกุล) เชื้อชาติไทย สัญชาติสหรัฐฯ เป็นเวลา 2 ปี ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจากการแปลหนังสือต้องห้าม และเผยแพร่ผ่านบล็อก เนื่องจากเห็นว่าการตัดสินไม่สอดคล้องกับมาตรฐานทางเสรีภาพพื้นฐานสากลว่าด้วยสิทธิในการแสดงออก

ทั้งนี้ หลังจากเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าว ปรากฏว่า มีประชาชนส่วนหนึ่งแสดงท่าทีคัดค้าน พร้อมทั้งระบุว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการแทรกแซงกิจการภายในของไทย ทำให้สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ออกคำแถลงเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกามีความเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์ และวัฒนธรรมของประเทศไทยอย่างสูงสุด รวมทั้งเคารพกฎหมายไทย และไม่เข้าข้างฝ่ายใดในกิจการภายในของไทยทั้งสิ้น เพียงแต่สนับสนุนให้มีเสรีภาพในการแสดงออกในทุกประเทศทั่วโลก และถือว่าเสรีภาพในการแสดงออกนี้เป็นสิทธิพื้นฐานของมนุษย์







กำลังโหลดความคิดเห็น