วานนี้ (23 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กล่าวถึงกรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงในการตอบกระทู้ถามสด เรื่องการออกพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในที่ประชุมสภาเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า นายสุรพงษ์ แทบไม่ได้ตอบคำถามในพฤติกรรมของตัวเองที่ได้ทำไปและที่ชัดเจนคือ คำอธิบายตามระเบียบไม่น่าจะถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ้างเพียงแค่ว่า ตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแล้ว แปลว่า ไม่มีคำสั่งห้ามออกนอกราชอณาจักร ซึ่งมันไม่จริง เพราะคำสั่งนั้นศาลออกไว้ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะหนีไป ก็ไม่ได้แปลว่าคำสั่งนั้นหายไป
เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า การดำเนินการครั้งนี้ของนายสุรพงษ์ ผิดระเบียบ พรรคจึงต้องเดินหน้าในการยื่นถอดถอนนายสุรพงษ์ออกจากตำแหน่ง โดยขณะนี้กำลังให้คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย ไปยกร่างรายละเอียดว่าเกี่ยวข้องกับใคร อย่างไรบ้าง รวมถึงข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศด้วย เพราะมีอำนาจหน้าที่แล้วทำผิด ก็ต้องได้รับด้วย
ส่วนที่นายสุรพงษ์ อ้างว่า คำอธิบายของกรมสนธิสัญญา ที่ตนอ่านมา ก็ไม่ตรง ซึ่งตนก็ถามว่า ตกลงแล้วมีคำสั่งศาลหรือไม่ คำตอบก็คือ มี เมื่อมีก็เข้าข่าย ส่วนที่แล้วเจ้าตัวจะอยู่ในประเทศ หรือนอกประเทศ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนในวงเล็บก็ไม่ได้แปลว่า คำอธิบายนั้นถูกต้อง เพราะโฆษกศาลยุติธรรมก็ชี้แจงแล้วว่า ศาลคงไม่มีหน้าที่ประกาศคดีต่างๆ เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แต่คำถามคือ เมื่อได้รับคำขอที่จะมีหนังสือเดินทาง เมื่อปลายเดือนต.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการสอบถามหน่วยงานใดบ้าง เพื่อที่จะได้ฟังความเห็นว่า สมควรที่จะออกหนังสือเดินทางให้หรือไม่
ทั้งนี้ หน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายตรวจสอบ ต้องดูแลว่ามีการฝ่าฝืนระเบียบอะไร หรือไม่ เมื่อมีก็ใช้อำนาจของเราในการตรวจสอบ
เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศ จะอ้างได้หรือไม่ว่า อัยการไม่แจ้งมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีหมายจับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กระทรวงทราบอยู่แล้วว่าสถานะของบุคคลที่มีคำขอมา เป็นอย่างไร ก็สามารถที่จะประสานงานหยุดได้อยู่แล้ว และคงเป็นไปไม่ได้ว่า ศาล อัยการ ตำรวจ ทำแต่ละคดีแล้วต้องมาคอยแจ้งหน่วยงานต่างๆ อยู่ตลอดเวลา แต่กระทรวงการต่างประเทศ ต้องมีความรับผิดชอบในการตรวจสอบว่า ทุกอย่างเป็นไปตามเกณฑ์ ตามระเบียบหรือไม่ ซึ่งเจตนาของระเบียบก็ชัดเจนอยู่แล้ว
"ผมถามว่า หนังสือเดินทางมีไว้อำนวยความสะดวกในการเดินทางของบุคคลซึ่งรัฐต้องการตัวให้มารับโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ รัฐควรจะอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้หรือไม่ ถ้าจะอำนวยความสะดวก คือให้เดินทางกลับมารับโทษอย่างเดียว" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ตนไม่เชื่อว่าเป็นปัญหาในการประสานงาน เพราะเรื่องนี้เป็นนโยบาย เนื่องจากนายสุรพงษ์พูดเองว่า จะทำเรื่องนี้ให้เป็นของขวัญปีใหม่ ถามว่ากรณีนี้จะเป็นตัวอย่างว่า ข้าราชการมีแนวโน้มที่จะตอบสนองนโยบายให้กับฝ่ายการเมือง
"ผมเตือนอยู่ตลอดว่า ใครมีอำนาจหน้าที่ ที่เป็นฝ่ายประจำ ขอให้ทำตามอำนาจหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพราะถึงเวลาแล้วก็จะเป็นความรับผิดชอบตามกฏหมายของเขาด้วย อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มีความตั้งใจทำงาน ไม่เฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ รวมไปถึงหน่วยงานอื่นๆด้วย แต่ก็มีบางคนที่หวังความก้าวหน้าด้วยวิธีการแบบนี้ พวกนี้ผมคิดว่าสังคมจะต้องจับตาดู และเขาก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเขาเอง"
ต่อข้อถามว่า ภาพที่ออกมาเหมือนกับสะท้อนว่า ข้าราชการพร้อมที่จะปฏิบัติตามรัฐบาลชุดนี้ ทุกเรื่อง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่เชื่ออย่างนั้น แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ต้องการทำงานอย่างตรงไปตรงมา แต่มีบางส่วนเท่านั้นที่อยากตอบสนอง แม้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่เพื่อความก้าวหน้า ซึ่งตนก็เตือนแล้วว่าในอดีตที่คนเหล่านี้ก็ต้องรับผิด และวันนั้นฝ่ายการเมืองเขาก็ไม่มาช่วย
ส่วนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมาบอกเหมือนกับว่า มีการลบข้อมูลออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าว่า เรื่องนี้ก็จะตรวจสอบทั้งหมด และเอกสารต่างๆ มีการแจ้งไปค่อนข้างชัด เพียงแต่เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในแง่ของการแจ้ง นายสุรพงษ์ ก็มาเล่นคำในทำนอง ไม่ได้บอกว่าให้เพิกถอน หรือไม่ได้บอกว่าไม่ให้ออกให้ ซึ่งการไม่ให้ออกให้อย่างไร เขาก็ไม่บอกอยู่แล้ว เพราะเรากำลังพูดถึงสิ่งที่เขาส่งไปปี 2551แต่คำถามคือ ตอนขอปี 2554 ได้ฟังความเห็นอย่างไร
เมื่อถามว่า การบิดเบือนข้อเท้จจริงจะกลายเป็นปัญหาสำหรับรัฐบาลเองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้สะท้อนปัญหาหลายอย่างคือ การลำดับความไม่สำคัญของเรื่องที่จะต้องทำ แต่รัฐบาลนี้ก็หมกหมุ่นอยู่กับเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอให้รัฐบาลหยุดหมกหมุ่น อยากให้มาหมกหมุ่นปัญหา และนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชนมากกว่า แล้วทุกอย่างจะเดินไปได้
** DSI ปัดลบข้อมูลหมายจับ"นช.แม้ว"
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ที่มีการระบุว่า ดีเอสไอ ได้ดำเนินการลบข้อมูลเกี่ยวกับการออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วว่า เรดโนติส ก็ไม่มี อินเตอร์โปร ก็ไม่มี ไม่เป็นไร อันนี้พิสูจน์ได้ สมัยนั้นตนได้ตรวจสอบ ปรากฏว่า ไม่มีทั้งเรดโนติส และ อินเตอร์โปร
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ( ดีเอสไอ) ได้ปฏิเสธกรณีที่ ดีเอสไอ ลบฐานข้อมูลหมายจับคดีก่อการร้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยยืนยันว่า ไม่มีหน้าที่ดำเนินการ และเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากคดีก่อการร้าย ทางดีเอสไอ ได้ส่งสำนวนไปให้อัยการแล้ว
เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า การดำเนินการครั้งนี้ของนายสุรพงษ์ ผิดระเบียบ พรรคจึงต้องเดินหน้าในการยื่นถอดถอนนายสุรพงษ์ออกจากตำแหน่ง โดยขณะนี้กำลังให้คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย ไปยกร่างรายละเอียดว่าเกี่ยวข้องกับใคร อย่างไรบ้าง รวมถึงข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศด้วย เพราะมีอำนาจหน้าที่แล้วทำผิด ก็ต้องได้รับด้วย
ส่วนที่นายสุรพงษ์ อ้างว่า คำอธิบายของกรมสนธิสัญญา ที่ตนอ่านมา ก็ไม่ตรง ซึ่งตนก็ถามว่า ตกลงแล้วมีคำสั่งศาลหรือไม่ คำตอบก็คือ มี เมื่อมีก็เข้าข่าย ส่วนที่แล้วเจ้าตัวจะอยู่ในประเทศ หรือนอกประเทศ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนในวงเล็บก็ไม่ได้แปลว่า คำอธิบายนั้นถูกต้อง เพราะโฆษกศาลยุติธรรมก็ชี้แจงแล้วว่า ศาลคงไม่มีหน้าที่ประกาศคดีต่างๆ เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แต่คำถามคือ เมื่อได้รับคำขอที่จะมีหนังสือเดินทาง เมื่อปลายเดือนต.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการสอบถามหน่วยงานใดบ้าง เพื่อที่จะได้ฟังความเห็นว่า สมควรที่จะออกหนังสือเดินทางให้หรือไม่
ทั้งนี้ หน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายตรวจสอบ ต้องดูแลว่ามีการฝ่าฝืนระเบียบอะไร หรือไม่ เมื่อมีก็ใช้อำนาจของเราในการตรวจสอบ
เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศ จะอ้างได้หรือไม่ว่า อัยการไม่แจ้งมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีหมายจับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กระทรวงทราบอยู่แล้วว่าสถานะของบุคคลที่มีคำขอมา เป็นอย่างไร ก็สามารถที่จะประสานงานหยุดได้อยู่แล้ว และคงเป็นไปไม่ได้ว่า ศาล อัยการ ตำรวจ ทำแต่ละคดีแล้วต้องมาคอยแจ้งหน่วยงานต่างๆ อยู่ตลอดเวลา แต่กระทรวงการต่างประเทศ ต้องมีความรับผิดชอบในการตรวจสอบว่า ทุกอย่างเป็นไปตามเกณฑ์ ตามระเบียบหรือไม่ ซึ่งเจตนาของระเบียบก็ชัดเจนอยู่แล้ว
"ผมถามว่า หนังสือเดินทางมีไว้อำนวยความสะดวกในการเดินทางของบุคคลซึ่งรัฐต้องการตัวให้มารับโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ รัฐควรจะอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้หรือไม่ ถ้าจะอำนวยความสะดวก คือให้เดินทางกลับมารับโทษอย่างเดียว" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ตนไม่เชื่อว่าเป็นปัญหาในการประสานงาน เพราะเรื่องนี้เป็นนโยบาย เนื่องจากนายสุรพงษ์พูดเองว่า จะทำเรื่องนี้ให้เป็นของขวัญปีใหม่ ถามว่ากรณีนี้จะเป็นตัวอย่างว่า ข้าราชการมีแนวโน้มที่จะตอบสนองนโยบายให้กับฝ่ายการเมือง
"ผมเตือนอยู่ตลอดว่า ใครมีอำนาจหน้าที่ ที่เป็นฝ่ายประจำ ขอให้ทำตามอำนาจหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพราะถึงเวลาแล้วก็จะเป็นความรับผิดชอบตามกฏหมายของเขาด้วย อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มีความตั้งใจทำงาน ไม่เฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ รวมไปถึงหน่วยงานอื่นๆด้วย แต่ก็มีบางคนที่หวังความก้าวหน้าด้วยวิธีการแบบนี้ พวกนี้ผมคิดว่าสังคมจะต้องจับตาดู และเขาก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเขาเอง"
ต่อข้อถามว่า ภาพที่ออกมาเหมือนกับสะท้อนว่า ข้าราชการพร้อมที่จะปฏิบัติตามรัฐบาลชุดนี้ ทุกเรื่อง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่เชื่ออย่างนั้น แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ต้องการทำงานอย่างตรงไปตรงมา แต่มีบางส่วนเท่านั้นที่อยากตอบสนอง แม้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่เพื่อความก้าวหน้า ซึ่งตนก็เตือนแล้วว่าในอดีตที่คนเหล่านี้ก็ต้องรับผิด และวันนั้นฝ่ายการเมืองเขาก็ไม่มาช่วย
ส่วนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมาบอกเหมือนกับว่า มีการลบข้อมูลออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าว่า เรื่องนี้ก็จะตรวจสอบทั้งหมด และเอกสารต่างๆ มีการแจ้งไปค่อนข้างชัด เพียงแต่เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในแง่ของการแจ้ง นายสุรพงษ์ ก็มาเล่นคำในทำนอง ไม่ได้บอกว่าให้เพิกถอน หรือไม่ได้บอกว่าไม่ให้ออกให้ ซึ่งการไม่ให้ออกให้อย่างไร เขาก็ไม่บอกอยู่แล้ว เพราะเรากำลังพูดถึงสิ่งที่เขาส่งไปปี 2551แต่คำถามคือ ตอนขอปี 2554 ได้ฟังความเห็นอย่างไร
เมื่อถามว่า การบิดเบือนข้อเท้จจริงจะกลายเป็นปัญหาสำหรับรัฐบาลเองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้สะท้อนปัญหาหลายอย่างคือ การลำดับความไม่สำคัญของเรื่องที่จะต้องทำ แต่รัฐบาลนี้ก็หมกหมุ่นอยู่กับเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอให้รัฐบาลหยุดหมกหมุ่น อยากให้มาหมกหมุ่นปัญหา และนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชนมากกว่า แล้วทุกอย่างจะเดินไปได้
** DSI ปัดลบข้อมูลหมายจับ"นช.แม้ว"
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ที่มีการระบุว่า ดีเอสไอ ได้ดำเนินการลบข้อมูลเกี่ยวกับการออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วว่า เรดโนติส ก็ไม่มี อินเตอร์โปร ก็ไม่มี ไม่เป็นไร อันนี้พิสูจน์ได้ สมัยนั้นตนได้ตรวจสอบ ปรากฏว่า ไม่มีทั้งเรดโนติส และ อินเตอร์โปร
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ( ดีเอสไอ) ได้ปฏิเสธกรณีที่ ดีเอสไอ ลบฐานข้อมูลหมายจับคดีก่อการร้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยยืนยันว่า ไม่มีหน้าที่ดำเนินการ และเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากคดีก่อการร้าย ทางดีเอสไอ ได้ส่งสำนวนไปให้อัยการแล้ว
