“อภิสิทธิ์” สั่ง ปชป.เร่งร่างถอด “ปึ้ง” - กต.ออกพาสปอร์ตมิชอบ ชี้ผิดระเบียบชัด

หน.ประชาธิปัตย์ ซัด “สุรพงษ์” มั่วคำสั่งศาล ชี้ผิดระเบียบออกพาสปอร์ตชัด เร่งถอดถอนแน่ โยงข้าราชการ กต.โดนด้วย จ่อสอบฝ่าฝืนอะไรเพิ่มอีก ยันอำนาจกระทรวงสามารถประสานหยุดเดินเรื่องได้ ชี้รัฐมีหน้าที่อำนวยความสะดวก “นช.แม้ว” พากลับมาติดคุกได้อย่างเดียว เตือนพวกอยากก้าวหน้าต้องรับผิด

วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 11.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงในการตอบกระทู้ถามสดในการออกพาสปอร์ตให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีที่ดินรัชดาว่า เห็นว่านายสุรพงษ์แทบไม่ได้ตอบคำถามในพฤติกรรมของตัวเองที่ผ่านมา แต่ที่ชัดเจนคือ คำอธิบายตามระเบียบไม่น่าจะถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ้างเพียงแค่ว่าตัว พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแล้ว แปลว่าไม่มีคำสั่งห้ามออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งมันไม่จริง เพราะคำสั่งนั้นศาลออกไว้ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะหนีไปก็ไม่ได้แปลว่าคำสั่งนั้นหายไป เพราะฉะนั้น พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้ของนายสุรพงษ์ผิดระเบียบ ดังนั้นพรรคจึงเดินหน้าในการถอดถอน โดยขณะนี้กำลังให้คณะทำงานฝ่ายกฎหมายไปยกร่างรายละเอียดอยู่ว่าเกี่ยวข้องกับใครอย่างไรบ้าง รวมถึงข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศด้วยเพราะมีอำนาจหน้าที่แล้วทำผิดก็ต้องโดนด้วย

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนที่นายสุรพงษ์อ้างว่าคำอธิบายของกรมสนธิสัญญา ที่ตนอ่านมาก็ไม่ตรง ซึ่งตนก็ถามว่าตกลงแล้วมีคำสั่งศาลหรือไม่ คำตอบก็คือ มี เมื่อมีก็เข้าข่าย ส่วนที่แล้วเจ้าตัวจะอยู่ในหรือนอกประเทศก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนในวงเล็บก็ไม่ได้แปลว่าคำอธิบายนั้นถูกต้อง เพราะโฆษกศาลยุติธรรมก็ชี้แจงแล้วว่า ศาลคงไม่มีหน้าที่ประกาศคดีต่างๆ เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่คำถามคือ เมื่อได้รับคำขอที่จะมีหนังสือเดินทางเมื่อปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาได้มีการสอบถามหน่วยงานใดบ้าง เพื่อที่จะได้ฟังความเห็นว่าสมควรที่จะออกหนังสือเดินทางให้หรือไม่ ทั้งนี้หน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายตรวจสอบ ต้องดูแลว่า มีการฝ่าฝืนระเบียบอะไรหรือไม่ เมื่อมีก็ใช้อำนาจของเราในการตรวจสอบ

เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศจะอ้างได้หรือไม่ว่า อัยการไม่แจ้งมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีหมายจับ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า กระทรวงทราบอยู่แล้วว่า สถานะของบุคคลที่มีคำขอมาเป็นอย่างไร ก็สามารถที่จะประสานงานหยุดได้อยู่แล้ว และคงเป็นไปไม่ได้ว่า ศาล อัยการ ตำรวจ ทำแต่ละคดีแล้วต้องมาคอยแจ้งหน่วยงานต่างๆ อยู่ตลอดเวลา แต่กระทรวงการต่างประเทศมีความรับผิดชอบในการตรวจสอบว่าทุกอย่างเป็นไปตามเกณฑ์ ตามระเบียบหรือไม่ ซึ่งเจตนาของระเบียบก็ชัดเจนอยู่แล้ว ตนถามว่าหนังสือเดินทางมีไว้อำนวยความสะดวกในการเดินทางบุคคล ซึ่งรับต้องการตัวให้มารับโทษตามคำพิพากษา รัฐควรจะอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้หรือไม่ ถ้าจะอำนวยความสะดวกคือให้เดินทางกลับมารับโทษอย่างเดียว

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าเป็นปัญหาในการประสานงาน เพราะเรื่องนี้เป็นนโยบาย เนื่องจากตัวนายสุรพงษ์พูดเองว่าจะทำเรื่องนี้ให้เป็นของขวัญปีใหม่ เมื่อถามว่า กรณีนี้จะเป็นตัวอย่างว่าข้าราชการมีแนวโน้มที่จะตอบสนองนโยบายให้กับฝ่ายการเมือง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเตือนอยู่ตลอดว่าใครมีอำนาจหน้าที่ที่เป็นฝ่ายประจำขอให้ทำตามอำนาจหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพราะถึงเวลาแล้วก็จะเป็นความรับผิดชอบตามกฎหมายของเขาด้วย อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มีความตั้งใจทำงาน ไม่เฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ รวมไปถึงหน่วยงานอื่นๆ ด้วย แต่ก็มีบางคนที่หวังความก้าวหน้าด้วยวิธีการแบบนี้ พวกนี้ตนคิดว้าสังคมจะต้องจับตาดูและเขาก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเขาเอง

ต่อข้อถามว่า ภาพที่ออกมาเหมือนกับสะท้อนว่าข้าราชการพร้อมที่จะปฏิบัติตามรัฐบาลชุดนี้ทุกเรื่อง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่เชื่ออย่างนั้น แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ต้องการทำงานอย่างตรงไปตรงมา แต่มีบางส่วนเท่านั้นที่อยากตอบสนองแม้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่เพื่อความก้าวหน้า ซึ่งตนก็เตือนแล้วว่าในอดีตที่คนเหล่านี้ก็ต้องรับผิด และวันนั้นฝ่ายการเมืองเขาก็ไม่มาช่วย

ส่วนที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมาบอกเหมือนกับมีการลบข้อมูลออกหมายจับพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว นายอภิสิทธิ์กล่าว่า เรื่องนี้ก็จะตรวจสอบทั้งหมดและเอกสารต่างๆมีการแจ้งไปค่อนข้างชัด เพียงแต่เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมาในแง่ของการแจ้ง นายสุรพงษ์ก็มาเล่นคำในทำนองไม่ได้บอกว่าให้เพิกถอน หรือไม่ได้บอกว่าไม่ให้ออกให้ ซึ่งการไม่ให้ออกให้อย่างไรเขาก็ไม่บอกอยู่แล้วเพราะเรากำลังพูดถึงสิ่งที่เขาส่งไปปี 2551 แต่คำถามคือ ตอนขอปี 2554 ได้ฟังความเห็นอย่างไร

เมื่อถามว่า การบิดเบือนข้อเท็จจริงจะกลายเป็นปัญหาสำหรับรัฐบาลเองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้สะท้อนปัญหาหลายอย่าง คือ การลำดับความไม่สำคัญของเรื่องที่จะต้องทำ แต่รัฐบาลนี้ก็หมกหมุ่นอยู่กับเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอให้รัฐบาลหยุดหมกหมุ่น อยากให้มาหมกหมุ่นปัญหาและนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชนมากกว่าแล้วทุกอย่างจะเดินไปได้