โฆษก ปชป.สงสัย “นพดล” ไม่ได้จบออกซฟอร์ดจริง งงบิดเบือนกฎหมายเข้าข้าง “นช.แม้ว” แจงรัฐบาล ปชป.ไม่เพิกถอนพาสปอร์ต “กำนันเป๊าะ-วัฒนา” เพราะไม่ใช้ต่างประเทศทำร้ายชาติ ย้อนถามบัวแก้วจะออกพาสปอร์ตให้นักโทษหนีคดีเหมือน “แม้ว” หรือไม่ แฉเพิ่ม กต.เคยทำหนังสือขอจับกุมตัวชั่วคราว “ทักษิณ” ตอกย้ำรับรู้สถานะนักโทษหนีคดีเลี่ยงผิดยาก ย้ำลาก “ปึ้ง” เข้าคุกแน่
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้ นายนพดล ปัทมะ ทนายความส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี ที่ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่รับทราบกรณีกระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือเดินทางให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งๆ ที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ยื่นคำร้องขอให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือเดินทางให้เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา จากนั้นกระทรวงการต่างประเทศจึงออกหนังสือเดินทางให้ในวันที่ 26 ตุลาคม ซึ่งนายนพดลไม่ได้ชี้แจงในเรื่องนี้ แต่กลับบิดเบือนประเด็นกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ในขณะเป็นรัฐบาลว่ามีการเพิกถอนพาสปอร์ตพ.ต.ท.ทักษิณแบบไม่เป็นธรรม เพราะไม่ได้ถอนพาสปอร์ตกำนันเป๊าะนายสมชาย คุณปลื้ม และนายวัฒนา อัศวเหม ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุกและหนีคดีอยู่ ซึ่งในเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า นายนพดลมีปัญหาในเรื่องความเข้าใจด้านกฎหมายจนไม่น่าเชื่อว่าจะจบกฎหมายจากออกซฟอร์ด
“ผมเคยคิดว่าคุณนพดลแกล้งโง่ แต่วันนี้ผมเชื่อแล้วว่าคุณนพดลไม่ได้แกล้ง การเพิกถอนพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ คุณกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ใช้ระเบียบกระทรวงข้อ 23 (7) เกี่ยวกับการเดินทางของบุคคลในต่างประเทศที่จะสร้างความเสียหายให้กับชาติบ้านเมือง ซึ่งทั้งกำนันเป๊าะ และคุณวัฒนา ไม่ได้มีพฤติกรรมในลักษณะที่จะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติจากการเดินทางเหมือนที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำ จึงไม่มีการเพิกถอนพาสปอร์ตตาม 23 (7) ส่วนการจะคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น กระทรวงการต่างประเทศต้องใช้ระเบียบข้อ 21 ซึ่งระบุชัดว่าผู้ที่ต้องคดีมีหมายจับอยู่ในเงื่อนไขที่กระทรวงการต่างประเทศจะไม่ออกหนังสือเดินทางให้ ถ้าคุณนพดลนำเรื่องกำนันเป๊าะและนายวัฒนามาเปรียบเทียบต้องถามกระทรวงการต่างประเทศครับว่า วันนี้ถ้าบุคคลทั้งสองทำเรื่องขอหนังสือเดินทางจะอนุมัติออกหนังสือเดินทางเหมือนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นอยู่ในขณะนี้หรือไม่” นายชวนนท์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ทั้งนายนพดล และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ควรพูดความจริงกับประชาชนและเลิกบิดเบือนโกหกประชาชนได้แล้ว เพราะเป็นการกระทำที่ไร้ศักดิ์ศรีและน่าละอายที่รับใช้คนคนเดียวจนต้องโกหกประชาชนทุกวัน
นอกจากนี้ การที่นายนพดลอ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้พาสปอร์ตมอนเตเนโกร ไม่จำเป็นต้องใช้พาสปอร์ตไทยนั้น ก็ถือว่าตีความไม่แตก เพราะประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะถือพาสปอร์ตกี่เล่ม จะถือมากก็ยิ่งดีเพราะจะได้ไม่เดือดร้อนประเทศไทย แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับจำนวนแต่อยู่ที่พาสปอร์ตที่กระทรวงการต่างประเทศออกให้ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ขัดต่อระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ และถือเป็นสิทธิพิเศษที่ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่เหนือคนอื่น แสดให้เห็นถึงเรื่องสองมาตรฐานชัดเจนที่สุด
นายชวนนท์ยังตำหนินายนพดลที่กล่าวอ้างถึงคำชี้แจงของนายสิทธิศักดิ์ วนชกิจ โฆษกศาลยุติธรรม ที่ระบุว่า ศาลไม่ได้มีหน้าที่ในการห้ามกระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือเดินทางให้ใคร เพราะการออกหนังสือเดินทางเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่จะพิจารณาดำเนินการตามระเบียบของกระทรวง โดยนำมาบิดเบือนว่าศาลไม่ได้มีคำสั่งห้ามออกหนังสือเดินทางให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่ความจริงอำนาจการออกหนังสือเดินทางเป็นของกระทรวงการต่งประเทศและโฆษกศาลยุติธรรมก็ระบุชัดว่ากระทรวงจะต้องปฏิบัติตามระเบียบที่มีอยู่ ซึ่งในกรณีนี้กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้ทำตามระเบียบกระทรวง มีความชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
“ที่สำคัญคือ นอกจากทำผิดระเบียบกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ยังมีสือจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้รงตำหน่งทางการเมืองยืนยันสถานะความเป็นผู้ต้องหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ สตช. และกระทรวงการต่างประเทศก็เคยส่งหมายจับกุมขอจับกุมตัวชั่วคราว พ.ต.ท.ทักษิณ ไปยังหลายประเทศ เป็นหนังสือยืนยันสถานะของทักษิณ ในฐานะนักโทษหนีคดีอย่างชัดเจน และหนังสือเหล่านี้ก็อยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ ถ้าจะไปทำลายก็รีบทำให้ทัน เพราะจะมีคนส่งหนังสือดังกล่าวให้ผมภายในวันนี้ คุณสุรพงษ์ไม่ต้องท้าครับ เพราะพรรคประชาธิปัตย์เดินหน้าทางกฎหมายเพื่อเนินคดีกับคนที่ทำผิดกฎหมายแน่ และให้ระวังตัวเอาไว้ว่าการรับใช้นายใหญ่อย่างไม่ลืมหูลืมตาจะทำให้ติดคุกติดตะรางในอนาคต” นายชวนนท์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังเรียกร้องให้อัยการสอบถามไปยังกระทรวงการต่างประเทศถึงที่อยู่ของทักษิณที่ระบุในพาสปอร์ต เพื่อจะได้นำมาเป็นหลักฐานในการทำหนังสือขอจับกุมตัวชั่วคราวไปยังประเทศที่ พ.ต.ท.ทักษิณพำนักอยู่ หากไม่มีการดำเนินการก็ถือเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่