xs
xsm
sm
md
lg

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยุให้สับรัฐบาลออกเป็นเสี่ยงๆ

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ในฉบับที่แล้วผมถามว่า คนไทยทราบหรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยในสภาผู้แทนราษฎรไม่ยอมออกกฎหมายและไม่ควบคุมรัฐบาล แต่กลับปล่อยให้รัฐบาลควบคุมพรรค เท่ากับเป็นการทำลายอำนาจอธิปไตยของชาติ

ผมเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ทราบ ผู้ที่น่าจะทราบคือนักวิชาการในคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ก็อมสากกระเบืออยู่เฉยๆ ไม่ยอมชี้แจงให้ประชาชนทราบ สื่อน้ำเน่ารวมทั้งโทรทัศน์ช่องขี้(คี่?)ทั้งหมดก็เช่นเดียวกัน

คำถามต่อไปก็คือ รัฐบาล-สภากับพรรคการเมืองร่วมกันทำลายอำนาจอธิปไตย เราจะทำอย่างไร

ผมสัญญาว่าจะให้ ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น เป็นผู้ตอบ และคำตอบก็อยู่ในหัวข้อบทความข้างบนนี้

แต่คำตอบดังกล่าวเป็นคำตอบที่มีเงื่อนไข ถ้าหากประชาชนยังเชิดชูบูชารัฐบาลและพรรคการเมืองนั้นๆ อยู่ก็ไม่เป็นไร ขอให้เชิดชูบูชากันต่อไป

แต่ถ้าหากประชาชนเลิกเชื่อถือหรือเกิดความเบื่อหน่ายรัฐบาลขึ้นมาเมื่อไร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

หากรัฐบาลทำให้ประชาชนเลิกเชื่อถือและเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นมาเมื่อใด ประชาชนก็มีสิทธิหรืออำนาจอยู่ในมือ 2 อย่าง คือ (1) สิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะเปลี่ยนรัฐบาลเสีย หรือ (2) สิทธิปฏิวัติที่จะสับรัฐบาลออกเป็นเสี่ยงๆ หรือล้มล้างรัฐบาลเสีย

ประธานาธิบดีลินคอล์นของสหรัฐฯ ที่พวกนักเลือกตั้ง วิชากรบริวารหรือนักวิชาการสุนัขรับใช้ มักจะอ้างประธานาธิบดีลินคอล์นอยู่อย่างเดียว และอ้างอย่างครึ่งๆ กลางๆ ข้างๆ คูๆ เสียด้วย เพื่อจะบิดเบือนว่า รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน Government of the people, by the people, for the people เท่านั้นจึงจะเป็นประชาธิปไตย

ทั้งนี้ เพื่อจะอ้างต่อว่า เมื่อราษฎรเลือกตั้งมาแล้วจะต้องอยู่ต่อไปให้ครบ จะลาออกหรือถูกไล่ออกไม่ได้ ไม่ว่าจะทำเหียอย่างไร เช่น ไม่ออกกฎหมายเลยจนตลอดสมัยก็ตาม

แต่อับราฮัม ลินคอล์น ไม่เห็นด้วย และเขาก็ไม่อ้างอะไรส่งเดชเหมือนทูตหรือรัฐบาลอเมริกันปํญญาทรามสมัยนี้

อับราฮัม ลินคอล์นมีความเห็นอีกต่างๆ มากมายที่ล้วนแต่นำไปสู่ข้อสรุปว่า ถ้าหากรัฐบาลไม่ดี ประชาชนก็มีสิทธิเปลี่ยนแปลง ขับไล่หรือล้มล้างได้

ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้นำ ลินคอล์นก็เห็นว่า ไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะดีเลิศไปจนกระทั่งสามารถปกครองผู้อื่นได้ โดยปราศจากความยินยอมเต็มใจของผู้นั้น (No man is good enough to govern another man without that other's consent).

คนอเมริกันมีคำพังเพยว่าอาชีพเก่าแก่ที่ 2 ของโลกรองจากหญิงงามเมืองก็คืออาชีพนักการเมือง และความสามารถพิเศษของนักการเมืองก็คือการโกหกหลอกลวง

ในประเทศไทยนักการเมืองล้วนแล้วแต่ยอดโกหกทั้งนั้น เป็นการโกหกหน้าด้านๆ ไม่รู้จักอายก็มี คือ อ้างว่าตนเก่งอย่างนั้น เก่งอย่างนี้ เช่น สามารถแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ ได้ภายในเวลา 6 เดือนบ้างล่ะ ลาทีน้ำท่วมและความแห้งแล้งบ้างล่ะ คนไทยจะเลิกจนเมื่อนั้นเมื่อนี้บ้างล่ะ ลองดูโปสเตอร์หาเสียงผิดกฎหมายที่ผู้รักษากฎหมายตาบอดทั้งประเทศ พรรคไหนก็พรรคนั้น ล้วนแล้วแต่โกหกพกลมทั้งเพ

พรรคการเมือง นักการเมือง และผู้นำการเมืองประเทศไทยเข้าตำราว่า มือถือสากปากถือศีล อย่างน้อยส่วนใหญ่ผิดศีลห้าจังๆ 3 ข้อ คือ อทินนาพากันคอร์รัปชันคดโกง กาเมคบชู้สู่สาวเล่นเจ้าหน้าที่สภาหรือขนาดสับเปลี่ยนและแย่งลูกเมียกันก็มี และมุสาวาทาคือโกหกโกไหว้อันเป็นเรื่องร้ายที่สุด เพราะพระพุทธองค์ทรงสอนว่า คนโกหกจะไม่ทำชั่วอย่างอื่นย่อมไม่มี

เรื่องนี้ ลินคอล์นว่าอย่างไรบ้างเล่า

ลินคอล์นบอกว่าอย่างนี้ครับ ดูกรเจ้าหน้าเหลี่ยม หน้าหล่อ หน้าก้อทั้งหลาย “เจ้าอาจจะหลอกลวงประชาชนทุกคนได้บางเวลา เจ้าอาจจะหลอกลวงประชาชนบางคนได้ทุกเวลา แต่เจ้าไม่สามารถหลอกลวงประชาชนทุกคนได้ทุกเวลา” (You may deceive all the people part of the time, and part of the people all the time, but not all the people all the time.)

ลินคอล์นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา ระหว่าง 4 มีนาคม 4, 1861-15 เมษายน 15, 1865 เป็นผู้นำเลิกทาส จนเกิดสงครามกลางเมืองระหว่างภาคเหนือกับภาคใต้ ในที่สุดรัฐบาลกลางหรือสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ชนะ ลินคอล์นได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 เขาถูกลอบยิงตายในขณะที่กำลังดูละคร ลินคอล์นถูกจัดอันดับให้เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของอเมริกา

ในเรื่องเกี่ยวกับรัฐบาลและการปกครอง ฝรั่งเขามีคติต่างกับคนไทย เขาถือว่ารัฐบาลคือสิ่งชั่วร้ายที่จำเป็น จำเป็นเพราะว่าประเทศชาติจะขาดรัฐบาลไม่ได้ แต่ประชาชนก็จำจะต้องควบคุมมิให้รัฐบาลมีอำนาจมากเกินไป เพราะว่าอำนาจทำให้คดโกง และอำนาจมากหรือเด็ดขาดก็ยิ่งทำให้คดโกงมากหรือคดโกงเด็ดขาดทั้งโคตร

ลินคอล์นจึงฝากความหวังไว้กับคุณธรรมและความเข้มแข็งของประชาชน ท่านประธานาธิบดีบอกว่า ถ้าหากประชาชนยังรักษาคุณธรรมและความเข้มแข็งเอาใจใส่ควบคุมรัฐบาลอยู่ตลอดเวลาแล้ว ถึงแม้รัฐบาลจะชั่วร้ายเลวทรามหรือหลอกลวงสุดๆอย่างไร ก็คงไม่สามารถทำลายบ้านเมืองได้สำเร็จภายใน 4 ปี แปลว่าเมื่อครบ 4 ปี ประชาชนก็มีสิทธิเตะรัฐบาลออกไป “While the people retain their virtue, and vigilance, no administration, by any extreme of wickedness or folly, can very seriously injure the government, in the short space of four years.”

แต่ถ้าเจอรัฐบาลโคตรโกง โคตรโกหก โคตรรุนแรงต่ำช้า โคตรจาบจ้วงจนประชาชนเอือมระอา หมดความเชื่อถือศรัทธาล่ะ ประชาชนควรจะทำอย่างไร

ลินคอล์นตอบว่า

“ในประเทศ สถาบันต่างๆ เป็นของประชาชนเจ้าของประเทศ ถ้าเมื่อใด ประชาชนเกิดความเบื่อหน่ายเอือมระอารัฐบาลที่มีอยู่ ประชาชนสามารถใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเปลี่ยนรัฐบาลได้ หรือไม่ก็ใช้อำนาจปฏิวัติสับรัฐบาลให้เป็นเสี่ยงและล้มล้างรัฐบาลนั้นเสีย” This country, with its institutions, belongs to the people who inhabit it. Whenever they shall grow weary of the existing government, they can exercise their constitutional right of amending it, or their revolutionary right to dismember or overthrow it.”

ท่านผู้อ่านลองถามลินคอล์นต่อดูว่า ถ้าหากรัฐบาลหรือพรรคการเมืองนั้น อ้างสิทธิว่าตนได้รับอำนาจมาจากการเลือกตั้ง และจะอ้างสิทธิหรือแก้รัฐธรรมนูญได้เฉพาะที่ตนเห็นด้วยเท่านั้น จะทำอย่างไร

ในขณะที่คอยคำตอบจากลินคอล์น ประธานาธิบดีขวัญใจของท่าน คือประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ซึ่งถูกลอบสังหารเหมือนลินคอล์น ชิงตอบแทนว่า

“คนพวกใดก็ตามที่ทำให้การปฏิวัติโดยสันติเป็นไปไม่ได้ คนพวกนี้แหละที่จะทำให้การปฏิวัตินองเลือดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” (Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable.)
กำลังโหลดความคิดเห็น