ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า ตนไม่ได้แทรกแซงการสอบสวนคดี 91 ศพ เนื่องจากข้อเท็จจริงมีความเป็นมาตั้งแต่ตั้งวันที่ 10 เม.ย. 53 เหตุเกิดสี่แยกคอกวัว มีนักข่าวญี่ปุ่นเสียชีวิต แล้วโยงมาถึง19 พ.ค.53 ถึง 19-22-23 พ.ค.ปีเดียวกัน ที่สี่แยกราชประสงค์ แล้วไปจบลงที่วัดปทุมวนาราม เริ่มต้นการสอบสวนคดีนี้ ตำรวจนครบาลสรุปว่าเป็นการตายโดยผิดธรรมชาติ แต่ไม่ได้ตายโดยการกระทำของเจ้าพนักงาน ก็ส่งเรื่องไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จากนั้นดีเอสไอ ก็สอบจนปรากฏภายหลังว่า บางคนตายโดยการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ดีเอสไอ จึงขอทำสำนวนชันสูตรพลิกศพเอง
ร.ต.อ.เฉลืม กล่าวว่า ตนเป็นรองนายกฯ รับผิดชอบกระทรวงยุติธรรม ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการพิเศษ การประชุมครั้งหนึ่ง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ หยิบเรื่องนี้มาขออนุมัติที่ประชุม เพื่อเป็นคดีพิเศษ โดยขอชันสูตรพลิกศพเอง ตนบอกว่าไม่ได้ เพราะสำนวนสอบสวนคดีพลิกศพโดยผู้ตาย ตายโดยการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ดีเอสไอ ไม่มีอำนาจ ต้องเป็นพนักงานสอบสวนท้องที่ที่พบศพ จึงให้ดีเอสไอ ส่งเรื่องทั้งหมด 13 ศพ ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ต่อมาเพิ่มอีก 3 ศพ เป็น 16 ศพ เค้าโครงของสำนวนตาย โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจนครบาลสอบสวนสำนวน ข้อแตกต่างระหว่างตายธรรมดา กับตายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ คือ ถ้าตายธรรมดาพนักงานสอบสวนจะชันสูตรร่วมกับแพทย์ แต่ถ้าตายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ พนักงานสอบสวนจะต้องร่วมกับพนักงานฝ่ายปกครอง แพทย์ และพนักงานอัยการ ทำการสอบสวนเบื้องต้น เมื่อเสร็จแล้วจึงส่งพนักงานอัยการ เพื่อส่งศาลไต่สวน โดยญาติผู้ตายตั้งทนายความร่วมด้วย
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ คือเมื่อการสอบสวนตำรวจนครบาลไปได้ระยะหนึ่ง 5 สำนวนที่อัยการร่วมสอบดัวย เขาส่งให้อัยการไปแล้ว เพื่อส่งศาลไต่สวน ภายหลังมีเจ้าหน้าที่ทหารหลายนาย ไปให้การว่า ที่ทหารออกมาปฏิบัติภารกิจในสถานการต่างๆ ทั้งเม.ย.และพ.ค.53 มาตามคำสั่งของ ศอฉ.ซึ่งอยู่ในความรับชอบของ นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกฯ และรองนายกฯ ส่วนคดีนักข่าวญี่ปุ่นถูกฆ่าตาย พยาน 6 ปาก ยืนยันว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยพยานบุคคล และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พอความปรากฏชัด อัยการก็เลยสั่งพนักงานสอบสวนว่า ให้สอบสวนนายอภิสิทธิ์ กับนายสุเทพ เพราะมีกรณีพาดพิง
" คุณอภิสิทธิ์ เข้าใจผิดว่าผมไปแทรกแซง ว่าผมไปสั่ง ว่าผมไปชี้นำ ไม่ใช่ คุณรับรู้ไว้คุณอภิสิทธิ์ คนชี้นำให้สอบสวนคุณ กับคุณสุเทพ คือพนักงานอัยการ ที่เขาร่วมสอบสวนชันสูตรพลิกศพ ที่คุณมาบอกว่าผมทำเพื่อเอาใจคนหนึ่งคนใด คุณเข้าใจผิดอีก ผมเอาใจสุจริตชนทั้งประเทศ อาจจะไม่พอใจผม ก็แล้วแต่คุณคิด แต่ผมไม่ทำอย่างนั้น" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
** ปูดตร.ยศสูงเป็นคนยิง"เสธ.แดง"
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนคดีสังหาร พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผลหรือ เสธ.แดง เมื่อปีที่ผ่านมา ว่า " รู้ตัวคนยิงแล้วว่าเป็นนายตำรวจยศสูง ยืนยันไม่ใช่ฝีมือทหาร ส่วนการยิงกันที่ซอยรางน้ำ และบ่อนไก่ เมื่อปีที่ผ่านมา ฝีมือตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งนั้น เพราะช่วงสถานการณ์ตึงเครียด คนอื่นจะเข้าพื้นที่ไม่ได้ เพียงแต่หลักฐานยังไม่มี ตำรวจกลุ่มนี้ได้ดีมาแบบขุดต้นไม้ไปขาย ต้นที่มันใหญ่แล้ว สมัยที่ตนยังเป็นใหญ่ในราชการตำรวจ คนพวกนี้ยืนดูดไอติมริมถนนอยู่เลย " ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
**"เทือก"ให้ปากคำวันนี้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า วันนี้ (8 ธ.ค.) ตนจะเดินทางไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีการสลายการชุมนุม เมื่อวันที่10 เม.ย. 53 โดยจะเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ไปประกอบการให้ปากคำด้วย
อย่างไรก็ตาม ตนไม่กังวล และไม่กลัวว่าจะถูกเช็คบิล เพราะเราได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ปกป้องบ้านเมือง รักษาความสงบเรียบร้อย แล้วไม่ต้องคิดเลยเถิดจะไปนิรโทษกรรมให้ตน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกฯ ซึ่งก็พยายามจะยัดเยียดให้เรากลายเป็นผู้ต้องหา เพื่อเสนอกฎมายนิรโทษกรรม จะได้อ้างว่าทำเพื่อทุกฝ่าย ดังนั้น อย่าเพิ่งไปสรุป ขอให้ดูกันไปก่อน เพราะเขาอาจจะมีเจตนาบริสุทธิ์ใจก็ได้ ซึ่งตนก็จะให้ความร่วมมือทุกขั้นตอน
" ผมจะไม่ยอมที่จะถูกนำไปอ้างเรื่องนิรโทษกรรม ผมจะพูดความจริง และไม่กลัวที่จะพูดความจริง ไม่ว่าบรรยากาศจะเป็นอย่างไร แม้ว่าจะมีเสียงน้อยก็จะพูดความจริง เพราะผมเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 52 และ 53 ประชาชนทั้งประเทศได้เห็นชัดแจนว่า ใครผิด ใครถูก ผมเป็นผู้รักษากฎหมาย จะถูกยัดเยียดความผิดให้ ก็ต้องต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ยืนยันว่าไม่หนีออกนอกประเทศ และพร้อมที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม" นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่ออำนาจเปลี่ยน คิดว่าความยุติธรรมจะเปลี่ยนไปด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเชื่อในระบบยุติธรรม และศาลไทย ตนไม่กังวลใจ เพราะบุคคลนั้นมาชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็ไป แต่ระบบยังอยู่ ดังนั้น เราต้องเชื่อมั่นในเรื่องนี้
เมื่อถามว่ากรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ระบุว่า ทางสำนักข่าวรอยเตอร์ ได้ส่งนักสืบมา แล้วได้ส่งข้อสรุปให้กับทางรัฐบาลชุดนี้ โดยไม่ได้ให้ไว้กับรัฐบาลชุดที่แล้วนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่เคยรับทราบเรื่องนี้มาก่อน และขอบอกว่า ตนไม่เคยเชื่อถือคำพูด ร.ต.อ.เฉลิม และเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากก็ไม่เชื่อถือด้วย
ส่วนที่ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาระบุว่า ไม่มีชายชุดดำในการสลายการชุมนุมนั้น ตนคิดว่าร.ต.อ.เฉลิม อาจจะตาบอด และสมองไม่ดี ไม่รู้จะแปลว่าอะไร เพราะคนเขาเห็นกันทั้งประเทศ มีแต่ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ไม่เห็นอยู่คนเดียว ซึ่งถือเป็นความพยายามในการบิดเบือนข้อเท็จจริง แต่ตนเห็นว่าเขาคงทำไม่ได้ เพราะประชาชนเขาเห็นทั้งประเทศ มาเปลี่ยนจากขาวให้เป็นดำ จากดำให้เป็นขาว คงทำไม่ได้
ร.ต.อ.เฉลืม กล่าวว่า ตนเป็นรองนายกฯ รับผิดชอบกระทรวงยุติธรรม ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการพิเศษ การประชุมครั้งหนึ่ง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ หยิบเรื่องนี้มาขออนุมัติที่ประชุม เพื่อเป็นคดีพิเศษ โดยขอชันสูตรพลิกศพเอง ตนบอกว่าไม่ได้ เพราะสำนวนสอบสวนคดีพลิกศพโดยผู้ตาย ตายโดยการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ดีเอสไอ ไม่มีอำนาจ ต้องเป็นพนักงานสอบสวนท้องที่ที่พบศพ จึงให้ดีเอสไอ ส่งเรื่องทั้งหมด 13 ศพ ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ต่อมาเพิ่มอีก 3 ศพ เป็น 16 ศพ เค้าโครงของสำนวนตาย โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจนครบาลสอบสวนสำนวน ข้อแตกต่างระหว่างตายธรรมดา กับตายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ คือ ถ้าตายธรรมดาพนักงานสอบสวนจะชันสูตรร่วมกับแพทย์ แต่ถ้าตายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ พนักงานสอบสวนจะต้องร่วมกับพนักงานฝ่ายปกครอง แพทย์ และพนักงานอัยการ ทำการสอบสวนเบื้องต้น เมื่อเสร็จแล้วจึงส่งพนักงานอัยการ เพื่อส่งศาลไต่สวน โดยญาติผู้ตายตั้งทนายความร่วมด้วย
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ คือเมื่อการสอบสวนตำรวจนครบาลไปได้ระยะหนึ่ง 5 สำนวนที่อัยการร่วมสอบดัวย เขาส่งให้อัยการไปแล้ว เพื่อส่งศาลไต่สวน ภายหลังมีเจ้าหน้าที่ทหารหลายนาย ไปให้การว่า ที่ทหารออกมาปฏิบัติภารกิจในสถานการต่างๆ ทั้งเม.ย.และพ.ค.53 มาตามคำสั่งของ ศอฉ.ซึ่งอยู่ในความรับชอบของ นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกฯ และรองนายกฯ ส่วนคดีนักข่าวญี่ปุ่นถูกฆ่าตาย พยาน 6 ปาก ยืนยันว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยพยานบุคคล และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พอความปรากฏชัด อัยการก็เลยสั่งพนักงานสอบสวนว่า ให้สอบสวนนายอภิสิทธิ์ กับนายสุเทพ เพราะมีกรณีพาดพิง
" คุณอภิสิทธิ์ เข้าใจผิดว่าผมไปแทรกแซง ว่าผมไปสั่ง ว่าผมไปชี้นำ ไม่ใช่ คุณรับรู้ไว้คุณอภิสิทธิ์ คนชี้นำให้สอบสวนคุณ กับคุณสุเทพ คือพนักงานอัยการ ที่เขาร่วมสอบสวนชันสูตรพลิกศพ ที่คุณมาบอกว่าผมทำเพื่อเอาใจคนหนึ่งคนใด คุณเข้าใจผิดอีก ผมเอาใจสุจริตชนทั้งประเทศ อาจจะไม่พอใจผม ก็แล้วแต่คุณคิด แต่ผมไม่ทำอย่างนั้น" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
** ปูดตร.ยศสูงเป็นคนยิง"เสธ.แดง"
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนคดีสังหาร พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผลหรือ เสธ.แดง เมื่อปีที่ผ่านมา ว่า " รู้ตัวคนยิงแล้วว่าเป็นนายตำรวจยศสูง ยืนยันไม่ใช่ฝีมือทหาร ส่วนการยิงกันที่ซอยรางน้ำ และบ่อนไก่ เมื่อปีที่ผ่านมา ฝีมือตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งนั้น เพราะช่วงสถานการณ์ตึงเครียด คนอื่นจะเข้าพื้นที่ไม่ได้ เพียงแต่หลักฐานยังไม่มี ตำรวจกลุ่มนี้ได้ดีมาแบบขุดต้นไม้ไปขาย ต้นที่มันใหญ่แล้ว สมัยที่ตนยังเป็นใหญ่ในราชการตำรวจ คนพวกนี้ยืนดูดไอติมริมถนนอยู่เลย " ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
**"เทือก"ให้ปากคำวันนี้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า วันนี้ (8 ธ.ค.) ตนจะเดินทางไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีการสลายการชุมนุม เมื่อวันที่10 เม.ย. 53 โดยจะเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ไปประกอบการให้ปากคำด้วย
อย่างไรก็ตาม ตนไม่กังวล และไม่กลัวว่าจะถูกเช็คบิล เพราะเราได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ปกป้องบ้านเมือง รักษาความสงบเรียบร้อย แล้วไม่ต้องคิดเลยเถิดจะไปนิรโทษกรรมให้ตน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกฯ ซึ่งก็พยายามจะยัดเยียดให้เรากลายเป็นผู้ต้องหา เพื่อเสนอกฎมายนิรโทษกรรม จะได้อ้างว่าทำเพื่อทุกฝ่าย ดังนั้น อย่าเพิ่งไปสรุป ขอให้ดูกันไปก่อน เพราะเขาอาจจะมีเจตนาบริสุทธิ์ใจก็ได้ ซึ่งตนก็จะให้ความร่วมมือทุกขั้นตอน
" ผมจะไม่ยอมที่จะถูกนำไปอ้างเรื่องนิรโทษกรรม ผมจะพูดความจริง และไม่กลัวที่จะพูดความจริง ไม่ว่าบรรยากาศจะเป็นอย่างไร แม้ว่าจะมีเสียงน้อยก็จะพูดความจริง เพราะผมเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 52 และ 53 ประชาชนทั้งประเทศได้เห็นชัดแจนว่า ใครผิด ใครถูก ผมเป็นผู้รักษากฎหมาย จะถูกยัดเยียดความผิดให้ ก็ต้องต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ยืนยันว่าไม่หนีออกนอกประเทศ และพร้อมที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม" นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่ออำนาจเปลี่ยน คิดว่าความยุติธรรมจะเปลี่ยนไปด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเชื่อในระบบยุติธรรม และศาลไทย ตนไม่กังวลใจ เพราะบุคคลนั้นมาชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็ไป แต่ระบบยังอยู่ ดังนั้น เราต้องเชื่อมั่นในเรื่องนี้
เมื่อถามว่ากรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ระบุว่า ทางสำนักข่าวรอยเตอร์ ได้ส่งนักสืบมา แล้วได้ส่งข้อสรุปให้กับทางรัฐบาลชุดนี้ โดยไม่ได้ให้ไว้กับรัฐบาลชุดที่แล้วนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่เคยรับทราบเรื่องนี้มาก่อน และขอบอกว่า ตนไม่เคยเชื่อถือคำพูด ร.ต.อ.เฉลิม และเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากก็ไม่เชื่อถือด้วย
ส่วนที่ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาระบุว่า ไม่มีชายชุดดำในการสลายการชุมนุมนั้น ตนคิดว่าร.ต.อ.เฉลิม อาจจะตาบอด และสมองไม่ดี ไม่รู้จะแปลว่าอะไร เพราะคนเขาเห็นกันทั้งประเทศ มีแต่ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ไม่เห็นอยู่คนเดียว ซึ่งถือเป็นความพยายามในการบิดเบือนข้อเท็จจริง แต่ตนเห็นว่าเขาคงทำไม่ได้ เพราะประชาชนเขาเห็นทั้งประเทศ มาเปลี่ยนจากขาวให้เป็นดำ จากดำให้เป็นขาว คงทำไม่ได้