โสภณ องค์การณ์
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
ถึงยุคไพร่แดงยาตราทัพเข้าครองเมือง ยกระดับเป็นอำมาตย์ในตำแหน่งระดับต่างๆ แต่งตัวโก้ ทำให้ดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าเดิม ปล่อยให้ระดับถ่อยปลายแถวเป็นกองกำลังคุกคามฝ่ายตรงข้าม ย่ามใจ ลำพอง กร่างคับเมือง
แกนนำแดงแต่ละระดับวางแผนตั้งหน่วยงานหวังให้เป็นกองกำลังส่วนตัว เช่นหน่วยกู้ภัย! ทำให้สงสัยว่าภารกิจแท้จริงจะก่อภัย ก่อไฟ กู้เงินกองทุน หรือขนทรัพย์สินชาวบ้านเหยื่อเพลิงไหม้ เอาไปเก็บไว้หรือไม่
ความกร่างพรรค์นี้ต้องมีคนใหญ่โต สปอนเซอร์ให้ท้าย เจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายกลัวหัวหด เห็นตัวเอย่างแล้วว่าระดับ ผบ.ตร. ยังเอาตัวไม่รอด
ถ้ามองโลกในแง่ดี ถือว่าบ้านเมืองนี้ได้ช่วยเหลือพวกคนว่างงานใด้มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ก่อนหน้านี้ไพร่แดงอาสาสู้แล้วรวยไม่มีงานการทำ ต้องอาศัยเบี้ยชุมนุม ส่วนแบ่งจากเงินบริจาค เมื่อแกนนำหลักหักค่าหัวคิวแล้ว
อานิสงส์จากเงินภาษีของประชาชน น่าจะให้พวกไพร่แดงได้รู้สำนึกถึงคุณข้าวแดงแกงร้อน หลังจากไม่ได้กินข้าวมียางจากแผ่นดินไทย แต่เติบใหญ่เพราะกินอาหารเม็ดเงินจากนายทาส หัวหน้าขบวนการกังฉินกินเมือง
ยุคค่ายสะตอเป็นรัฐบาล “เสี่ยกษิต ภิรมย์” คนนิยมอาหารดี ดนตรีไพเราะห์ในงานชุมนุมพันธมิตร ถูกพวกแดง เครือข่ายเหลี่ยมร้ายจัดหนักว่าเป็นผู้ก่อการร้ายได้ดีเป็นรัฐมนตรี! ยุคนี้ยกระดับมาตรฐานอีกหลายขั้น
มีผู้ก่อการร้าย นักวางเพลิง ปล้นห้าง ฆ่าทหาร ได้ดีเป็นครอก!
รัฐบาลปู โคลนนิ่งแต่งตั้งไพร่แดงให้เป็นอำมาตย์ เสนาบดีในตำแหน่งต่างๆ ไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าไม่เอาพวกเดียวกันมาทำงาน จะพวกตรงข้ามเรอะ
ถ้าคิดสักนิด ก็น่าจะคำนึงถึงความรู้ ความสามารถของพวกไพร่ยกระดับบ้าง ได้ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี ที่ปรึกษา กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี หรือตำแหน่งสำหรับเถกระโถน นัดเสี่ย นักพนัน นักต้มตุ๋นให้เข้าพบเจ้านาย
บางคนมีศักยภาพเป็นตัวจัดงบประสัมพันธ์ในหน่วยงาน รวมทั้งเป็นหนังหน้าไฟ ถ้ามีเรื่องฉาวจากการงาบ ถ้ากลบรอยได้ไม่เนียนเพียงพอ
รัฐมนตรีบางคนได้ไพร่แดงมีระดับมานั่งหน้าห้อง เป็นเลขาฯ ที่ปรึกษา ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า ตัวเองอาจไม่ได้เลือก มีคนยัดเยียดให้ภายไต้ระบบการปูนบำเหน็จ ชอบหรือไม่ชอบก็ปฏิเสธไม่ได้! นี่เป็นนโยบายของนายใหญ่
ชาวบ้านได้แต่มองแล้วสงสัย รัฐมนตรีมีสติปัญญาแบบไหน จึงเอาคนระดับไพร่ไร้ราคามาเป็นที่ปรึกษา กินเงินเดือนภาษีหลายหมื่นบาท! ร้ายกว่านั้นยังสงสัยว่าระหว่างรัฐมนตรีกับที่ปรึกษา เลขาฯ ใครฉลาดกว่ากัน
พวกมองโลกในแง่ดี คิดสรุปง่ายๆ อ้าว! พวกแกนนำไพร่มีงานการทำ เป็นอำมาตย์เต็มขั้น จะได้ไม่จัดม็อบวุ่นวาย ยึดสี่แยกราชประสงค์รีดไถเจ้าของห้างย่านนั้น เหมือนพวกแก๊งเรียกค่าคุ้มครอง รับประกันจะไม่เผา
ถ้าเป็นอย่างนี้ ต่อไปคนดี มีความเคารพในศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของตัวเองจะไม่กล้าเป็นรัฐมนตรี และตำแหน่งการเมืองอื่นๆ กลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล! หรือมองว่าเก้าอี้ตำแหน่งนี้พวกไพร่ไร้ราคา พวกเผาเมืองเคยนั่ง
ภาพรวมของคนในรัฐบาล ย่อมสะท้อนให้เห็นทัศนคติ วิสัยทัศน์ ระดับความรู้ของคณะปู โคลนนิ่งว่ามีเป้าหมาย เจตนา นำพาบ้านเมืองไปทิศทางใด ตามแนวนโยบายประชานิยม จะรุ่งเรืองหรือเสี่ยงกับหายนะรอบใหม่
เพียงเรื่องการผันเงินทุนสำรองของชาติมาตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่ง ก็ทำให้คนรู้เรื่องเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง หลังเย็น มองเห็นเค้าลางของวิบัติ
มองง่ายๆ ถ้าเจ้าของความคิดเชื่อว่าการตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งเป็นของดี มีประโยชน์ สร้างรายได้ดีแล้ว ตัวเองคงลงขันเข้าหุ้นกับพรรคพวกตั้งกองทุนที่ว่านี้ แล้วรวยเอง ไม่ต้องเอาเงินทุนสำรองของบ้านเมืองไปเสี่ยง
“ถ้าดีจริง มีหรือจะตกถึงมือคนอื่น?” ตรงกันข้ามกับ ปตท. ซึ่งพวกนักการเมืองกังฉินเอาหุ้นไปขายแล้วให้ตัวแทน นอมินีซื้อ ถือครองแทน ได้ส่วนแบ่งเงินปันผล กำไรในรูปแบบอื่นปีละหลายหมื่นล้านบาท
กองทุนเพื่อความมั่งคั่งขึ้นอยู่กับราคาขึ้นลงของหลักทรัพย์ ทรัพย์สินที่ไปลงทุน ถ้ากำไรก็ดีไป ถ้าขาดทุนแล้วนักการเมืองหน้าหนา หน้าไหนจะรับผิดชอบ เหมือนอย่างกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการนั่นไง
เจ๊งไปหลายหมื่นล้านบาท จากการลงทุน ไม่มีคนรับผิดชอบ!
ดูหน้า ศึกษาพฤติกรรม เบื้องหลัง ของพวกเกี่ยวข้องเครือข่ายประกอบแล้ว ฟันธงได้เลยว่า “ไว้ใจไม่ได้” ไล่มาตั้งแต่รัฐมนตรีดูแลเรื่องการเงินการคลัง กระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด จนถึงพวกมือตีนส่งเข้าไปคุมรัฐวิสาหกิจ
เขาทำกันแบบไม่อาย ไม่สนใจกระแสสังคม เพราะรู้ว่าถ้ายังมีพลังเถื่อนคอยสนับสนุน สร้างอาณาจักรแห่งความกลัว คนทั่วไปไม่กล้าหือแน่
จะอ้างว่าเป็น “แดงเทียม” คงไม่ด้าน จะมีโดนย้อนว่า “แดงจริงมีดีอย่างไร คนถึงอยากแอบอ้างเป็นแดง” และถ้าเป็นแดงเทียม ทำไมแดงจริงไม่จัดการ ป้องกันไม่ให้ภาพลักษณ์เสื่อมทราม น่ากลัวกว่าที่สังคมมองอยู่
บ้านเมืองเป็นแบบนี้ ท่านมีเสื้อแดงไว้ใส่เสริมบารมีหรือยังนิ! อิอิอิ!!!