ASTVผู้จัดการรายวัน-มันช่วยไม่ได้เมื่อ อนุดิษฐ์ ไม่เอาไหน ไม่มีปัญญาปราบเว็บหมิ่นฯ ที่กำลังระบาดซึ่งจะเป็นเพราะเหตุผลหรือติดขัดอะไรก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้ลูกเข้าเท้า ร.ต.อ.เฉลิม เต็มๆ อีกทั้งคณะกรรมการมีจำนวนถึง 22 คน ล้วนแล้วไม่ธรรมดา เพราะมีระดับปลัดกระทรวงสำคัญมาร่วมกันเพียบ รับรองว่าต้องมีรายการ “แอ็กอาร์ต” กันสนุกแน่
บอกได้ว่างานนี้มีแต่กำไร สำหรับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กับการเข้าร่วมอยู่ในรัฐบาลที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้นำที่พิสูจน์ให้เห็นเรื่อยๆว่า “กลวง” เกินความหมาย ทำอะไรด้วยตัวเองไม่เป็นสักอย่าง มันก็ช่วยไม่ได้ที่ย่อมเปิดช่องให้พวก “เขี้ยวลากดิน” ทางการเมือง ใช้เป็นโอกาสถีบตัว สร้างอำนาจขึ้นมาได้ไม่ยาก
หากพิจารณากันตามความรู้สึก เชื่อว่าตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งที่ฟอร์มคณะรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ขึ้นมาใหม่ๆ เพราะรับรู้อยู่ว่าเป็นตำแหน่งลอย ไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการโดยตรง ต่างกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ อย่างสิ้นเชิง มีงบประมาณ มีบุคลากรมีอำนาจสั่งการได้อย่างเต็มที่ และยังเชื่อว่าตำแหน่งที่เขาชมชอบที่สุดก็คือ เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรืออย่างน้อยก็ต้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งในปัจจุบันตามโครงสร้างถือว่ามีอำนาจไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่า โดยเฉพาะการได้ควบคุมกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกรมราชทัณฑ์ เป็นต้น
แต่นาทีนี้ ถ้าให้มองข้ามช็อตเขาอาจจะมองผ่าน และกำลังฝันหวานไปไกลถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี “ส้มหล่น” หลังจากได้เห็นความไม่เอาไหนของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากขึ้นทุกวัน และสังคมกำลังมองด้วยสายตาสมเพชอยู่เรื่อยๆ
** ที่สำคัญหากคนอย่างยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ ทำไมคนอย่างเขา จะเป็นนายกรัฐมนตรีบ้างไม่ได้
อย่างน้อยเมื่อเทียบกันคำต่อคำ เอาเข้าจริงระดับภาษาอังกฤษก็ไม่น่าแตกต่างกันนัก นั่นคือ “ไม่รู้เรื่อง” ทั้งคู่
ขณะเดียวกันหากพิจารณาในเรื่องสติปัญญา ระดับสมองเมื่อเทียบกับรัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็ไม่ได้แตกต่างกัน แต่รับรองว่าในเรื่องการสร้าง “ปมเด่น” รู้จักมุมกล้อง รู้จักพูด มีลีลาให้เป็นข่าวได้ทุกวัน เวลาให้สัมภาษณ์กับสื่อโทรทัศน์ ก็มีการปล่อยเสียงโม้ได้ทุกวัน ทุกเรื่อง จริงไม่จริงไม่รู้ สามารถเป็นข่าว เป็นประเด็นพาดหัวได้ทุกวันก็แล้วกัน
เทียบกับ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี คนที่หนึ่ง ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลบไปเลย หรือ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่พูดจาเงอะๆงะ โดยเฉพาะคนหลังนี่ “หมดสภาพ” ไปแล้ว หลังจากยอมให้ครอบงำ “บอกบท” ในวันถูกฝ่ายค้านซักฟอกในสภาเมื่อหลายวันก่อน เวลานี้ความโดดเด่นเทียบกันไม่ติด
สิ่งที่ เฉลิม กำลังสะสมแต้มเพื่อให้เข้าตา นายทักษิณ ถ้าเปรียบกับการชกมวย ก็รัวหมัดมั่วๆเอาไว้ก่อน ในสิบหมัดมันก็ต้องเข้าเป้าสักหมัดสองหมัดแหละน่า แต่อย่างน้อยก็ต้องสร้างความประทับใจเอาไว้ก่อน และที่สำคัญงานนี้มีแต่กำไรกับเสมอตัว ไม่มีขาดทุนแน่นอน
เริ่มจากทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์ปู ทำหน้าที่ตอบกระทู้ เป็นหนังหน้าไฟชนกับฝ่ายค้านในสภา และแถมด้วยการยกยอปอปั้น ทักษิณ ด้วยการส่งเสียงให้ได้ยินไปถึงแดนไกล และผลงานที่โดดเด่นก็คือความพยายามผลักดันขอพระราชทานอภัยโทษ แม้จะไม่สำเร็จ แต่ก็น่าจะได้ใจบ้าง อีกทั้งยังมัดใจ สร้างความหวังต่อ ด้วยการประกาศว่าจะผลักดันพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ในวันหน้าให้ได้
แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ลืมที่จะต้องเชิดชูความโดดเด่นให้กับ “พี่เมียนาย” นั่นคือ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะรู้ว่าสำหรับคนๆนี้ จะล้ำเส้นไม่ได้เป็นอันขาด
**นั่นคือบทบาทของ เฉลิม อยู่บำรุง ที่อาศัยความ “เขี้ยว” ที่เหนือกว่าคนอื่น สร้างความโดดเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่น่าจับตาก็คือล่าสุด เขาได้รับการมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ให้เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการกำหนดนโยบายการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมาย หรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ความหมายก็คือ เพื่อดำเนินการปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
**ต้องบอกว่านี่ไม่ธรรมดาสำหรับ เฉลิม เพราะสามารถกินได้สองต่อ
อย่างแรก เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องการลดแรงกดดันในเรื่องขบวนการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด โดยมีการระบุว่า คนที่อยู่เบื้องหลังล้วนแล้วแต่ใกล้ชิดกับรัฐบาลแทบทั้งสิ้น อีกทั้งกรณีเฟซบุ๊ก ของนายกฯเอง ก็ยังผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย เมื่อเชิญชวนให้คนไทยร่วมกันถวายความจงรักภักดีเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา แต่ กลับลงพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 8 ซึ่งหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเป็นความ “จงใจให้ผิดพลาด” แบบเนียนๆ
ขณะเดียวกัน ยังมีเรื่องการเข้ามอบตัวของ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ในช่วงเวลานี้พอดี ลักษณะก็เหมือนกับการต้องการเบี่ยงเบนความสนใจออกมาจากช่วงเวลาแห่งความปลื้มปิติของคนไทยไม่มีผิด
นอกจากนี้ ยังมีการสั่งระงับงานแสง สี เสียง เทิดพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัว ยิ่งสร้างความเคลือบแคลง และความไม่พอใจจากประชาชนที่จงรักภักดีเพิ่มมากขึ้นไปอีก ปรากฏการณ์ดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถูกตำหนิอย่างรุนแรง
ดังนั้นการแต่งตั้ง เฉลิม เข้ามารับงาน ซึ่งเป็นงานสำคัญ ก็ยิ่งทำให้เกิดความโดดเด่น เพิ่มราคาให้สูงขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ ยังมีผลติดปลายนวมในการแย่งชิงพื้นที่ แย่งชิงบทบาทกันภายในพรรคโดยเฉพาะกับคู่อริเก่า นั่นคือ ถ้าพิจารณาให้ดี บทบาทในการปราบปรามเว็บหมิ่นฯ ถือว่าเป็นหน้าที่โดยตรงของกระทรวงไอซีที ที่อยู่ในการดูแลของ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และหากพิจารณาไปถึงแบ็กกราวด์ ก็ต้องเข้าใจว่า อนุดิษฐ์ เป็นสายตรงของ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คนที่เคยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ทำท่าทางขึงขังตรวจน้ำท่วมจนเสียคนไปกับ พล.ต.อ.ประชาในช่วงแรกๆ ไงล่ะ
** ทีนี้เห็นภาพชัดหรือยังว่า เฉลิม กับ สุดารัตน์ นั้นมัน “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ” กันมานานแล้ว
แต่มันช่วยไม่ได้ เมื่อ อนุดิษฐ์ ไม่เอาไหน ไม่มีปัญญาปราบเว็บหมิ่นฯ ที่กำลังระบาดซึ่งจะเป็นเพราะเหตุผล หรือติดขัดอะไรก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้ลูกเข้าเท้า ร.ต.อ.เฉลิม เต็มๆ อีกทั้งคณะกรรมการมีจำนวนถึง 22 คน ล้วนแล้วไม่ธรรมดา เพราะมีระดับปลัดกระทรวงสำคัญมาร่วมกันเพียบ ตั้งแต่ กลาโหม มหาดไทย ไอซีที ยุติธรรม ต่างประเทศ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ รวมทั้ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
**รับรองว่าต้องมีรายการ “แอ็กอาร์ต” กันสนุกแน่
**ขณะเดียวกันสังคมก็ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า การทำหน้าที่จะจริงจัง หรือลูบหน้าปะจมูกแค่ไหน หรือ เป็นแค่เข้ามาตัดเกม และแย่งซีน สุดารัตน์ ชิงพื้นที่อิทธิพลหวังผล “ส้มหล่น” วันหน้าเท่านั้น อีกไม่นานก็เห็นภาพชัด !!
บอกได้ว่างานนี้มีแต่กำไร สำหรับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กับการเข้าร่วมอยู่ในรัฐบาลที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้นำที่พิสูจน์ให้เห็นเรื่อยๆว่า “กลวง” เกินความหมาย ทำอะไรด้วยตัวเองไม่เป็นสักอย่าง มันก็ช่วยไม่ได้ที่ย่อมเปิดช่องให้พวก “เขี้ยวลากดิน” ทางการเมือง ใช้เป็นโอกาสถีบตัว สร้างอำนาจขึ้นมาได้ไม่ยาก
หากพิจารณากันตามความรู้สึก เชื่อว่าตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งที่ฟอร์มคณะรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ขึ้นมาใหม่ๆ เพราะรับรู้อยู่ว่าเป็นตำแหน่งลอย ไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการโดยตรง ต่างกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ อย่างสิ้นเชิง มีงบประมาณ มีบุคลากรมีอำนาจสั่งการได้อย่างเต็มที่ และยังเชื่อว่าตำแหน่งที่เขาชมชอบที่สุดก็คือ เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรืออย่างน้อยก็ต้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งในปัจจุบันตามโครงสร้างถือว่ามีอำนาจไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่า โดยเฉพาะการได้ควบคุมกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกรมราชทัณฑ์ เป็นต้น
แต่นาทีนี้ ถ้าให้มองข้ามช็อตเขาอาจจะมองผ่าน และกำลังฝันหวานไปไกลถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี “ส้มหล่น” หลังจากได้เห็นความไม่เอาไหนของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากขึ้นทุกวัน และสังคมกำลังมองด้วยสายตาสมเพชอยู่เรื่อยๆ
** ที่สำคัญหากคนอย่างยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ ทำไมคนอย่างเขา จะเป็นนายกรัฐมนตรีบ้างไม่ได้
อย่างน้อยเมื่อเทียบกันคำต่อคำ เอาเข้าจริงระดับภาษาอังกฤษก็ไม่น่าแตกต่างกันนัก นั่นคือ “ไม่รู้เรื่อง” ทั้งคู่
ขณะเดียวกันหากพิจารณาในเรื่องสติปัญญา ระดับสมองเมื่อเทียบกับรัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็ไม่ได้แตกต่างกัน แต่รับรองว่าในเรื่องการสร้าง “ปมเด่น” รู้จักมุมกล้อง รู้จักพูด มีลีลาให้เป็นข่าวได้ทุกวัน เวลาให้สัมภาษณ์กับสื่อโทรทัศน์ ก็มีการปล่อยเสียงโม้ได้ทุกวัน ทุกเรื่อง จริงไม่จริงไม่รู้ สามารถเป็นข่าว เป็นประเด็นพาดหัวได้ทุกวันก็แล้วกัน
เทียบกับ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี คนที่หนึ่ง ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลบไปเลย หรือ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่พูดจาเงอะๆงะ โดยเฉพาะคนหลังนี่ “หมดสภาพ” ไปแล้ว หลังจากยอมให้ครอบงำ “บอกบท” ในวันถูกฝ่ายค้านซักฟอกในสภาเมื่อหลายวันก่อน เวลานี้ความโดดเด่นเทียบกันไม่ติด
สิ่งที่ เฉลิม กำลังสะสมแต้มเพื่อให้เข้าตา นายทักษิณ ถ้าเปรียบกับการชกมวย ก็รัวหมัดมั่วๆเอาไว้ก่อน ในสิบหมัดมันก็ต้องเข้าเป้าสักหมัดสองหมัดแหละน่า แต่อย่างน้อยก็ต้องสร้างความประทับใจเอาไว้ก่อน และที่สำคัญงานนี้มีแต่กำไรกับเสมอตัว ไม่มีขาดทุนแน่นอน
เริ่มจากทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์ปู ทำหน้าที่ตอบกระทู้ เป็นหนังหน้าไฟชนกับฝ่ายค้านในสภา และแถมด้วยการยกยอปอปั้น ทักษิณ ด้วยการส่งเสียงให้ได้ยินไปถึงแดนไกล และผลงานที่โดดเด่นก็คือความพยายามผลักดันขอพระราชทานอภัยโทษ แม้จะไม่สำเร็จ แต่ก็น่าจะได้ใจบ้าง อีกทั้งยังมัดใจ สร้างความหวังต่อ ด้วยการประกาศว่าจะผลักดันพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ในวันหน้าให้ได้
แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ลืมที่จะต้องเชิดชูความโดดเด่นให้กับ “พี่เมียนาย” นั่นคือ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะรู้ว่าสำหรับคนๆนี้ จะล้ำเส้นไม่ได้เป็นอันขาด
**นั่นคือบทบาทของ เฉลิม อยู่บำรุง ที่อาศัยความ “เขี้ยว” ที่เหนือกว่าคนอื่น สร้างความโดดเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่น่าจับตาก็คือล่าสุด เขาได้รับการมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ให้เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการกำหนดนโยบายการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมาย หรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ความหมายก็คือ เพื่อดำเนินการปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
**ต้องบอกว่านี่ไม่ธรรมดาสำหรับ เฉลิม เพราะสามารถกินได้สองต่อ
อย่างแรก เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องการลดแรงกดดันในเรื่องขบวนการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด โดยมีการระบุว่า คนที่อยู่เบื้องหลังล้วนแล้วแต่ใกล้ชิดกับรัฐบาลแทบทั้งสิ้น อีกทั้งกรณีเฟซบุ๊ก ของนายกฯเอง ก็ยังผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย เมื่อเชิญชวนให้คนไทยร่วมกันถวายความจงรักภักดีเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา แต่ กลับลงพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 8 ซึ่งหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเป็นความ “จงใจให้ผิดพลาด” แบบเนียนๆ
ขณะเดียวกัน ยังมีเรื่องการเข้ามอบตัวของ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ในช่วงเวลานี้พอดี ลักษณะก็เหมือนกับการต้องการเบี่ยงเบนความสนใจออกมาจากช่วงเวลาแห่งความปลื้มปิติของคนไทยไม่มีผิด
นอกจากนี้ ยังมีการสั่งระงับงานแสง สี เสียง เทิดพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัว ยิ่งสร้างความเคลือบแคลง และความไม่พอใจจากประชาชนที่จงรักภักดีเพิ่มมากขึ้นไปอีก ปรากฏการณ์ดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถูกตำหนิอย่างรุนแรง
ดังนั้นการแต่งตั้ง เฉลิม เข้ามารับงาน ซึ่งเป็นงานสำคัญ ก็ยิ่งทำให้เกิดความโดดเด่น เพิ่มราคาให้สูงขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ ยังมีผลติดปลายนวมในการแย่งชิงพื้นที่ แย่งชิงบทบาทกันภายในพรรคโดยเฉพาะกับคู่อริเก่า นั่นคือ ถ้าพิจารณาให้ดี บทบาทในการปราบปรามเว็บหมิ่นฯ ถือว่าเป็นหน้าที่โดยตรงของกระทรวงไอซีที ที่อยู่ในการดูแลของ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และหากพิจารณาไปถึงแบ็กกราวด์ ก็ต้องเข้าใจว่า อนุดิษฐ์ เป็นสายตรงของ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คนที่เคยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ทำท่าทางขึงขังตรวจน้ำท่วมจนเสียคนไปกับ พล.ต.อ.ประชาในช่วงแรกๆ ไงล่ะ
** ทีนี้เห็นภาพชัดหรือยังว่า เฉลิม กับ สุดารัตน์ นั้นมัน “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ” กันมานานแล้ว
แต่มันช่วยไม่ได้ เมื่อ อนุดิษฐ์ ไม่เอาไหน ไม่มีปัญญาปราบเว็บหมิ่นฯ ที่กำลังระบาดซึ่งจะเป็นเพราะเหตุผล หรือติดขัดอะไรก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้ลูกเข้าเท้า ร.ต.อ.เฉลิม เต็มๆ อีกทั้งคณะกรรมการมีจำนวนถึง 22 คน ล้วนแล้วไม่ธรรมดา เพราะมีระดับปลัดกระทรวงสำคัญมาร่วมกันเพียบ ตั้งแต่ กลาโหม มหาดไทย ไอซีที ยุติธรรม ต่างประเทศ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ รวมทั้ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
**รับรองว่าต้องมีรายการ “แอ็กอาร์ต” กันสนุกแน่
**ขณะเดียวกันสังคมก็ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า การทำหน้าที่จะจริงจัง หรือลูบหน้าปะจมูกแค่ไหน หรือ เป็นแค่เข้ามาตัดเกม และแย่งซีน สุดารัตน์ ชิงพื้นที่อิทธิพลหวังผล “ส้มหล่น” วันหน้าเท่านั้น อีกไม่นานก็เห็นภาพชัด !!