ผ่าประเด็นร้อน
อย่าได้แปลกใจที่ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีหลังจากเสร็จสิ้นการ “ซักฟอก” ของฝ่ายค้านผ่านไปหมาดๆ ซึ่งคราวนี้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) โดนเดี่ยวๆเข้าไปเต็มๆ จนหมดสภาพอย่างไม่น่าเชื่อ
ตลอดเวลาหนึ่งวันเต็มที่ฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์คัดเอาเฉพาะตัวหลักแบบเน้นๆเพียงไม่กี่คนรุมถล่ม แม้ว่าจะต้องเจอกับสารพัดวิชามาร ประท้วงแบบสร้าง “ความรำคาญ” สะท้อนมาตรฐานอันต่ำช้าของ ส.ส.ไทยก็ตาม แต่อีกด้านหนึ่งก็ได้เห็นตัวตนของ พล.ต.อ.ประชา ออกมาให้เห็นอย่างหมดเปลือก ชนิดที่ว่าคนเราบางครั้งเมื่อต้องการเอาตัวรอดก็ต้องทำทุกอย่างแม้กระทั่งเรียกใช้บริการของ “กลุ่มโจร” เพื่อมารับมือฝ่ายตรงข้าม ทำนองจะให้เห็นว่า “ถ้ากูชั่วมึงก็เลว” ประมาณนั้น
แต่โดยสรุป พล.ต.อ.ประชา ไม่สามารถตอบคำถาม ชี้แจงข้อสงสัยของสังคมได้เลย ทั้งในเรื่องการบริหารจัดการว่าไม่ได้ล้มเหลวอย่างไร ไม่ได้ทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพ ไม่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ขโมยเอาของบริจาคของชาวบ้านไปแอบอ้างเป็นของตัวเองเพื่อนำไปแจกจ่ายชาวบ้านเพื่อหาเสียงอย่างหน้าด้านๆอย่างไรบ้าง
การตอบคำถามของ พล.ต.อ.ประชา ยิ่งกว่าถามช้างออกม้าเสียอีก เพราะไม่ได้ตอบคำถาม ข้อสงสัยอะไร มีแต่อธิบายจนออกทะเล จนไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมการบริหารจัดการภายในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ถึงบรรยากาศวุ่นวาย โกลาหลอย่างที่เห็น
ไม่มีใครแปลกใจหรอกว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะพร้อมใจกันอุ้มเขาให้รอดพ้นจากญัตติไม่ไว้วางใจด้วยเสียงท่วมท้น เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าไม่มีใครอยากตกขบวนอำนาจเด็ดขาด ก็ต้องลากกันไปแบบทุเรศอย่างที่เห็นนั่นแหละ
อีกด้านหนึ่งถ้าลองไปถามความรู้สึกของชาวบ้านว่าเห็นอย่างไรนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง และนี่คือคำถามที่สื่อต้องถาม นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหลังจากนี้หรือไม่ และคำตอบที่ได้รับสวนกลับมาทันควันก็คือ ไม่ปรับคณะรัฐมนตรีอย่างหนักแน่น
หากพิจารณาจากสาเหตุก็ไม่น่าจะเข้าใจยาก เพราะถ้าใครลองเป็น ยิ่งลักษณ์ ก็ต้องรีบตอบแบบนั้นแน่นอน เพราะรับรู้กันอยู่แล้วว่า การซักฟอก พล.ต.อ.ประชา ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) แท้ที่จริงฝ่ายค้านต้องการให้กระทบชิ่งไปถึง นายกฯยิ่งลักษณ์ นั่นแหละ เพียงแต่ว่าบรรยากาศและความเหมาะสมยังไม่อำนวยหรือ สุกงอมพอ แต่เมื่อชี้ให้เห็นว่า พล.ต.อ.ประชา ล้มเหลว ห่วยแตกก็ย่อมส่งผลไปถึงตัวเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ ในฐานะที่เป็นคนแต่งตั้ง และเข้าไปร่วมประชุมวางแผนอยู่ตลอดเวลา และนี่คือคำตอบว่าทำไมถึงยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงนี้
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในที่สุดแล้วการปรับคณะรัฐมนตรีจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นหลังปีใหม่ไปแล้ว เพราะในตอนนั้นบรรยากาศคงนิ่งสงบลงบ้าง เพราะปิดสมัยประชุมสภานานหลายเดือน แต่ถ้าถึงตอนนั้นก็น่าจะเป็นช่วงของการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีกันเสียมากกว่า เพราะรู้กันอยู่เต็มอกแล้วว่า ยิ่งลักษณ์ ไปต่อไม่ไหวแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเจอกับภาวะไม่ปกติทุกด้านในปีหน้า
หากบอกว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ด้วยข้ออ้างเพื่อความเหมาะสม เพื่อให้รัฐบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่คำถามจากสังคมรอบข้างก็คือ สมควรปรับใครพ้นจากตำแหน่ง เป็น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ที่บริหารงานได้ห่วยแตกซึ่งก็สมควรอยู่ไม่น้อย แต่ความจริงก็คือคนที่มีปัญหาจนสร้างความวายวอดให้กับบ้านเมืองในเวลานี้และจะต่อเนื่องในวันหน้าก็คือตัว ยิ่งลักษณ์ นั่นแหละ เพราะถ้าจะปรับคณะรัฐมนตรีจริงๆแล้วคนที่น่าจะต้องไปเป็นคนแรกก็คือตัวเธอมากกว่า
เมื่อรูปการเป็นแบบนี้มันก็ต้องรักษา “สภาพเดิม” เอาไว้ให้นานที่สุด เพื่อลดแรงกระเพื่อมที่ตามมาจนอาจควบคุมไม่ได้ และที่สำคัญยังไม่ได้ชี้นิ้วสั่งการจากคนที่คุมเกมอยู่ข้างนอก คือ ทักษิณ ชินวัตร เพราะเมื่อพิจารณาจากปัจจัยรอบตัว ยังมีตัวเลือกที่จำกัดจำเขี่ย พวกที่อยู่ในรัฐบาลตอนนี้ หากพิจารณาตามความเป็นจริงก็เป็นแค่ระดับแถวสองแถวสาม มาตรฐานตามปกติยังไม่ถึงขั้นทั้งสิ้น
เมื่ออยู่ในภาวะอึดอัดอย่างที่เป็นอยู่ จะขยับไปทางไหนก็ล้วนแล้วแต่ถูกตั้งคำถาม และทุกสายตาล้วนจับจ้องไปที่ “หุ่นเชิด” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งสิ้น เพราะเธอเป็นตัวแทนของ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อล้มเหลวมันก็ไม่มีอะไรจะพูดมาก ขณะเดียวกันเมื่อจะเปลี่ยนตัวเอาดื้อๆมันก็ยังไม่วางใจ แต่ถ้าจะปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีบางตำแหน่งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจมันก็ไม่ง่าย เพราะจะต้องมีคำถามตามมาอีกว่าต้นเหตุของความล้มเหลวมาจากใครกันแน่ จากยิ่งลักษณ์ หรือใครที่ควรโละออกไปก่อนใครเพื่อน!!
