ผ่าประเด็นร้อน
ไม่ต้องขยี้ตาเพ่งมองซ้ำ รับรองว่าไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากที่เห็นแน่นอน ขณะเดียวกันนาทีนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ ใครก็เป็นนายกรัฐมนตรีได้ทั้งนั้น เพราะขนาดคนที่มีสติปัญญาแบบ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังเป็นนายกรัฐมนตรีได้ หรือย้อนกลับไปไม่นานคนอย่าง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่มีบุคลิกดูแล้วทึ่มๆ ยังเป็นได้ ทุกคนในประเทศนี้ก็น่าจะมีความสามารถเป็นได้หมด รวมไปถึงรัฐมนตรีทั้งหลายในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยแทบทั้งหมดความหมายก็ไม่ได้แตกต่างกัน
ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามความรู้สึกของตัวเองเปรียบเทียบดูเอาเองก็ได้ว่า ประทับใจกับการทำหน้าที่ของ ยิ่งลักษณ์ สำหรับการแก้ปัญหาน้ำท่วมในรอบสองสามเดือนที่ผ่านมาหรือไม่ คิดว่าการพูดผิดพูดถูกในหลายๆเรื่องเป็นความพลั้งเผลอหรือว่าเป็นเพราะขาดความรู้เบื้องต้น ขาดความรู้รอบตัวหรือไม่ ในครั้งแรกๆก็คงไม่มีปัญหาเพราะไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์ผิดพลาดกันได้ บางคนอาจพูดคล่อง พูดไม่คล่อง อ่านไม่คล่อง แต่นานไปเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันต่อเนื่องกันหลายครั้งมันก็ทำให้ปักใจเชื่อได้เหมือนกัน
อย่างไรก็ดีถ้าให้ความหมายกระชับเข้ามาอีกก็ต้องบอกว่าหากใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ได้ก็ต้องผ่านการเห็นชอบของ ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น การพูดแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเกินเลย เพราะถ้าย้อนกลับไปก็เห็นชัดเจนว่าตั้งแต่ ยุค สมัคร สุนทรเวช ต่อเนื่องมาจนถึง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาจนถึง ยิ่งลักษณ์ คนปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่ได้รับไฟเขียวจากเขาโดยเฉพาะ ยิ่งลักษณ์ ด้วยประสบการณ์ทางการเมืองเพียงแค่ 49 วันเท่านั้นก็ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างง่ายดาย ดุจพลิกฝ่ามือ
ด้วยสโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ยิ่งลักษณ์ โคลนนิ่ง” ง่ายๆกระจอกๆแค่นี้ ก็ได้รับการสนับสนุนมาตั้ง 15 ล้านเสียง มี ส.ส.เกือบเต็มสภา ได้รัฐบาลที่เลอเลิศ ได้รัฐมนตรีที่ผ่านการกลั่นกรองอย่างดี เราจึงได้เห็น สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่เดินทางไปเยือนประเทศไหนได้เชิดชูเอกลักษณ์ภาษาไทยให้โดดเด่น ไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษ ต้องใช้ล่ามแปลทุกครั้ง
มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานอย่าง พิชัย นริพทะพันธุ์ หรือแม้แต่ รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ให้คนไทยได้ภาคภูมิใจ
นั่นเป็นแบ็กกราวด์และความเป็นมาเพื่อชี้ให้เห็นว่าใครก็ได้สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่ที่สำคัญต้องได้รับการสนับสนุนจาก ทักษิณ ชินวัตร
เมื่อความจริงเป็นแบบนี้ก็อย่าได้แปลกใจที่ได้เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างที่ “ล้ำหน้า” ออกมาอย่างผิดสังเกต ส่วนเป้าหมายก็เพื่อ “หวังอะไรบางอย่าง” เป็นการตอบแทนหรือไม่ ถือว่าน่าติดตามอย่างยิ่ง
การเคลื่อนไหวของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่กำลังเดินหน้าอย่างเข้มข้น โดยไม่สนใจความรู้สึกของสังคมรอบข้าง ซึ่งน่าติดตามอย่างยิ่ง
ที่ผ่านมา หากสังเกตให้ดีจะพบว่ากรณีการเสนอร่าง พระราชกฤษฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ด้วยการสอดไส้ให้เอื้อประโยชน์ไปถึง ทักษิณ ชินวัตร แม้ว่าจะถูกสังคมรุมประณามคัดค้านอย่างรุนแรงจนต้องถอยกลับไปชั่วคราว นั้น มีชื่อของ เฉลิม เป็นคนร่วมผลักดันอย่างสำคัญ อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีแรงต้านแค่ไหนก็ตามเขาก็ยังไม่ยอมหยุด เพราะล่าสุดยังได้ประกาศว่าจะเดินหน้าเสนอร่าง พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมให้ ทักษิณ ให้จงได้ โดยอ้างตรรกะแบบพิลึกว่าเมื่อประชาชนเลือกมา 15 ล้านเสียงแล้ว ความหมายก็คือชาวบ้านต้องการให้พ้นผิด หรือผิดถูกตัดสินกันด้วยการเลือกตั้งนั่นแหละ
เชื่อว่าความคิดแบบนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ยึดมั่นในหลักนิติธรรม นิติรัฐคงรับไม่ได้แน่นอน แต่สำหรับ เฉลิม อยู่บำรุง เชื่อว่าเขาไม่แคร์ เพราะถ้าตราบใดที่ทำให้คนที่สามารถชี้นิ้วบันดาลตำแหน่งให้เขาได้เขาก็จำเป็นต้องทำ
การเคลื่อนไหวของ เฉลิม ที่ผ่านมาถูกมองว่าทำหน้าที่เพื่อปกป้อง ยิ่งลักษณ์ ทั้งในและนอกสภา ขณะเดียวกันเหมือนกับ “รับงาน” เฉพาะกิจมาบางอย่าง เช่น มาส่วนในการร่วมผลักดันให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ พี่เมียของ ทักษิณ ได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผลสำเร็จ
ในตอนนี้ก็กำลังเปิดข้อมูลสำคัญในสภาเกี่ยวกับข้อมูลกล่าวหาเรื่องการรับสินบนโครงการรถไฟฟ้าของปลัดกระทรวงคมนาคม สุพจน์ ทรัพย์ล้อม แม้ว่ามองอย่างฉาบฉวยก็ต้องยอมรับว่ามีความน่าเชื่อถือ และสังคมก็สงสัยมานานแล้ว แต่สำหรับ เฉลิม แล้วน่าจะมีเป้าหมายไปไกลมากนั้น เพราะถ้ามองอย่างเข้าใจก็ต้องบอกว่านี่เป็นแผนที่หวังผลหลายต่อ ไม่ว่าจะเป็นการเบี่ยงเบนจากความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในเรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วม ให้หันเหความสนใจไปที่ฝ่ายค้าน ทั้งพรรคภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ ที่กำลังจะถล่ม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งรับรองว่าจะต้องลากเอา ยิ่งลักษณ์ มาขึ้นเขียงด้วย
ที่สำคัญการเคลื่อนไหวเที่ยวนี้ต้องการทำผลงานโชว์ให้ “เข้าตานาย” อีกสักดอก นอกจากเป็นการสกัดคู่แข่งอย่าง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ให้พ้นทางออกไป และหากพิจารณากันด้วยฝีปากและลีลาแล้ว เฉลิม ก็มั่นใจว่าน่าจะเหนือกว่า นี่คือเกมที่หวังไว้กินหลายต่อ แม้ว่าในบั้นปลายแล้วมันไม่ง่าย แต่ในสถานการณ์ที่มีตัวเลือกจำกัด อีกทั้งถึงที่สุดแล้วคนที่ชี้นิ้วไฟเขียวอยู่ที่ ทักษิณ คนเดียว เขาก็ต้องเร่งทำแต้มเอาใจ และก็มีสิทธิ์ฝันเป็น “นายกฯส้มหล่น” สักครั้งในชีวิตแบบที่ไม่ต้องลงทุนมากมาย
แต่ขณะเดียวกันไม่ต้องมาถามความรู้สึกของคนไทยหากมี นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เพราะนาทีนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น !!