ศูนย์ข่าวศรีราชา - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานรับมอบแพติดตั้งเครื่องสูบน้ำเร่งช่วยกู้นิคมอุตสาหกรรม พร้อมสนับสนุนพื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศกลับคืนภาวะปกติโดยเร็ว
เย็นวันนี้ (15 พ.ย.54) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานพิธีมอบแพติดตั้งเครื่องสูบน้ำในโครงการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยของกระทรวงพลังงาน จากบริษัท ไทยนิปปอน สตีล เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท ซียูอีแอล จำกัด และบริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด แอนด์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด และโดยมีผู้บริหารหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงพลังงาน และผู้บริหารของบริษัทเข้าร่วมพิธี ที่บริเวณ บริษัท ซียูอีแอล จำกัด
นายพิชัย กล่าวว่า การจัดสร้างและประกอบแพติดตั้งเครื่องสูบน้ำครั้งนี้ ดำเนินการภายในโครงการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยของกระทรวงพลังงาน ซึ่งจะช่วยกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศไทยให้คืนกลับสู่สภาวะปกติ โดยจะดำเนินการสูบน้ำในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่สำคัญ 2 พื้นที่
ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ซึ่งจะใช้แพจำนวนทั้งสิ้น 140 ชุด โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด แอนด์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด และ บริษัท ซียูอีแอล จำกัด บริษัทละ 50 ชุด มูลค่ารวมทั้งสิ้น 5 ล้านบาท บริษัท ไทยนิปปอน สตีล เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น คอร์ปอเรชั่น จำกัด จำนวน 40 ชุด มูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท โดยโครงสร้างแพแต่ละชุดจะจัดทำด้วยถังขนาด 200 ลิตร จำนวน 15 ใบ โครงเหล็กขนาด 2.7 x 3.0 เมตร สามารถรองรับน้ำหนักเครื่องสูบน้ำ และอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองได้ประมาณ 1,200 กิโลกรัม
สำหรับโครงการพื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยการสูบน้ำในนิคมอุตสาหกรรมครั้งนี้ นอกจากการได้รับการสนับสนุนการจัดสร้างและประกอบแพติดตั้งเครื่องสูบน้ำจากบริษัทผู้รับจ้างเหมา ในการประกอบกิจการด้านปิโตรเลียม จำนวน 140 ชุดแล้ว ยังได้รับความร่วมมือจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยในการออกแบบแพติดตั้งเครื่องสูบน้ำ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ดำเนินการจัดซื้อเครื่องสูบน้ำ จำนวน 140 ชุด โดยจะเริ่มดำเนินการสูบน้ำในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ซึ่งมีสภาพน้ำลดลง และเหมาะสำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นพื้นที่แรก ซึ่งจะสามารถดำเนินการได้ทันทีภายหลังติดตั้งเครื่องสูบน้ำแล้วเสร็จ
นอกจากการดำเนินโครงการดังกล่าวแล้ว กระทรวงพลังงาน โดยความร่วมมือจากหน่วยงานภายใต้สังกัดทั้งภาครัฐและเอกชนได้ดำเนินการช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ ประสบภัยในรูปแบบต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันได้มอบความช่วยเหลือไปแล้วมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท
โดยเฉพาะกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ซึ่งดำเนินการภายใต้ความร่วมมือในการสนับสนุนจากบริษัทผู้ประกอบกิจการด้านปิโตรเลียม ได้ดำเนินการช่วยเหลือในรูปแบบของการจัดทำถุงยันชีพ การสนับสนุนเรือ การจัดซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคซึ่งจำเป็นต่อการดำเนินชีวิต ซึ่งมีมูลค่ากว่า 11.5 ล้านบาท