รมว.พลังงานยังมั่นใจ ศปภ.ใหม่น้ำท่วมไม่ถึง แต่เตรียมตัดทางเชื่อมตรงจากโทลล์เวย์หนีน้ำ ระดมเครื่องสูบน้ำจากจีน-ญี่ปุ่นกู้นิคมฯ พร้อมยันเอ็นจีวีไม่ขาดแคลนแน่ รับปากคุมราคาน้ำมัน ระบุเขื่อนขนาดใหญ่ปล่อยน้ำน้อยลง
วันนี้ (30 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.10 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน กล่าวถึงความพร้อมของที่ทำการ ศปภ.แห่งใหม่ที่อาคารเอนเนอร์ยี คอมเพล็กซ์ กระทรวงพลังงานว่า พื้นที่กระทรวงพลังงานมีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 2.20 เมตร หากท่วมพื้นที่นี้ก็เชื่อว่า กทม.ก็จะท่วมทั้งหมด ส่วนด้านถนนวิภาวดีรังสิตอาจมีระดับที่ต่ำกว่าเล็กน้อย แต่ก็กำลังจะมีการดำเนินการเชื่อมต่อเส้นทางจากทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ลงมาที่ถนนด้านหน้าอาคารได้เลย ซึ่งได้มีการเตรียมแผนไว้แล้ว หากเกิดน้ำท่วมก็สามารรถทำได้ทันที และแล้วเสร็จภายใน 2 วัน โดยทางกระทรวงคมนาคมจะเป็นผู้รับผิดชอบในการวางแผนและดำเนินการ
“ลักษณะจะเป็นสะพานหินโรยลงมา เพราะหากใช้เหล็กค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ยืนยันว่าไม่น่าเป็นห่วง เพราะหากสังเกตจะเห็นว่าสถานที่นี้ได้เตรียมการมานานแล้ว มีแผ่นเหล็กกั้นน้ำเตรียมไว้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่เชื่อว่าน้ำจะท่วมถึงขนาดนั้น มิเช่นนั้นคงไม่กล้าชวนให้มาอยู่ที่นี่” นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวอีกว่า ขณะนี้รัฐบาลได้เริ่มดำเนินแผนในการฟื้นฟู โดยเฉพาะในจังหวัดที่น้ำลดแล้ว เช่น จ.นครสวรรค์ และ จ.พิษณุโลก รวมไปถึงในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่กระทรวงพลังงานจะเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นหลัก เบื้องต้นได้มีการสั่งเครื่องปั๊มน้ำ 140 เคริ่องจากประเทศจีน รวมกับเจเพาเวอร์ ประเทศญี่ปุ่น ที่ส่งมาให้เพิ่มเติมอีก 40 เครื่อง เพื่อเข้ามาช่วยในการกู้พื้นมที่นิคมอุตสาหกรรม โดยไล่ตั้งแต่นิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ทางเหนือซึ่งน้ำเริ่มลดก่อน เพื่อต้องการให้การผลิตของประเทศกลับมาเป็นปกติ ส่งผลให้การจ้างงานกลับมาเช่นเดิม ดังนั้นเรื่องฟื้นฟูถือเป็นเรื่องหลักที่ต้องทำให้เร็วและดี
ผู้สื่อข่าวถามถึงการขยายวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษเพิ่มเติมจากเดิมวันที่ 27-31 ต.ค. นายพิชัย กล่าวว่า คงเป็นเรื่องที่ทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้พิจารณาอีกครั้ง ซึ่งในวันนี้จะมีการประชุมหารือในเรื่องดังกล่าวด้วย
เมื่อถามถึงสถานการณ์ของสถานีน้ำมันหรือแก๊สที่ไม่สามารคถเปิดให้บริการได้จะมีผลกระทบต่อผู้บริโภคหรือไม่ นายพิชัยกล่าวตอบว่า ปั๊มน้ำมันที่ต้องปิดบริการมี 200 กว่าแห่ง ซึ่งก็เป็นพื้นที่ที่ประสบภัย ดังนั้นจึงไม่กระทบต่อผู้บริโภค เพราะรถยนต์ในบริเวณดังกล่าวก็ไม่สามารถวิ่งได้อยู่แล้ว ส่วนสถานีก๊าซเอ็นจีวีต้องยอมรับว่าปั๊มหลัก 4 ปั๊มของเราจมน้ำ ทำให้การกระจายมีปัญหา แต่ไม่ถึงกับขาดแคลน เพียงแต่ต้องส่งก๊าซจากที่อื่นเข้ามาแทน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการขนส่งบ้าง ทั้งนี้ในส่วนของราคาน้ำมัน ก่อนหน้านี้เราพยายามควบคุมให้เต็มที่ แต่ตอนนี้ราคาในตลาดโลกสูงขึ้นก็พยายามที่จะดรึงราคาให้ต่ำเต็มที แต่อย่างบางประเภท เช่น ดีเซลที่ไม่มีกองทุนน้ำมันและถาษีสรรพสามิตเข้ามาช่วยอาจจะลำบากบ้าง อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นเรื่องที่น่าห่วง เพราะจากการประเมินเศรษฐกิจโลกราคาน้ำมันไม่น่าจะปรับขึ้นสูงมาก
ส่วนกรณีการปล่อยน้ำจากเขื่อนต่างๆนั้นที่อาจกระทบต่อสถานการณ์น้ำท่วมมากยิ่งขึ้นนั้น นายพิชัยเปิดเผยว่า ผู้บริหารของกระทรวงมีการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและพบว่าขณะนี้ปริมาณน้ำที่ปล่อยออกมาจากเขื่อนต่างๆ ลดลงมาก เช่นที่เขื่อนภูมิพลขณะนี้มีน้ำอยู่ 99.42 เปอร์เซ็นต์ และปล่อยน้ำอยู่ที่ประมาณ 29 ล้าน ลบ.ม./วัน น้อยกว่าเดิมที่ปล่อยถึง 100 ล้าน ลบ.ม.เป็นต้น