xs
xsm
sm
md
lg

จะมีการออกพระราชกฤษฎีกาให้บำเหน็จบำนาญนักการเมือง

เผยแพร่:   โดย: อภินันท์ สิริรัตนจิตต์

อภินันท์ สิริรัตนจิตต์
คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่

หากจะว่าไปการใช้ชีวิตออนไลน์ มีประโยชน์ยิ่งที่ทำให้ทราบความเคลื่อนไหวของข้อมูลข่าวสาร อย่างเช่นล่าสุด ที่มีการส่งต่อ (Forward Mail) เรื่องที่จะมีการออกพระราชกฤษฎีกาให้บำเหน็จบำนาญ ส.ส. และ ส.ว.ซึ่งข่าวดังกล่าวไม่ทราบมีการคัดกรองขนาดไหน ถึงรั่วไหลและหลุดออกมาสู่โลกออนไลน์ จะว่าเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนสำหรับผู้เสียภาษี (หน้าดำหน้าแดง) อย่างประชาชนและภาคเอกชนที่ถูกขูด (รีดเลือดกับปู) จึงทำให้รู้สึกได้ว่า รัฐไม่ได้ทำหน้าที่อย่างที่ควรทำ แต่พยายามใช้กฎหมาย (ที่เอื้อประโยชน์ต่อตนและพรรคพวก) มาบังคับใช้กับประชาชนและภาคเอกชนอย่างน่ารังเกียจที่สุด

ธรรมดา ส.ส. และ ส.ว.มีเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง (เงินกินเปล่า) ซึ่งขอยกข้อมูลมาคิดคำนวณพอเป็นแกล้มน้ำลายตามตำแหน่ง (เงินประจำตำแหน่ง+เงินเพิ่ม) ดังนี้

พวกที่ 1 ตำแหน่งประธานรัฐสภา รายได้- 64,000 + 50,000

พวกที่ 2 ตำแหน่งประธานวุฒิสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร รายได้ 63,000 + 45,500

พวกที่ 3 รองประธานรัฐสภารายได้ 63,000 + 45,000

พวกที่ 4 รองประธานวุฒิสภา และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร รายได้ 63,000 + 42,500

พวกที่ 5 ผู้นำฝ่ายค้านในสภา รายได้ 63,000 + 45,500

พวกที่ 6 ประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรรายได้ 63,000 + 42,500

พวกที่ 7 สมาชิกวุฒิสภา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร - 63,000 + 41,000

สรุปพอเป็นทำเนาว่า ส.ส. และ ส.ว.มีเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มรวมแล้ว อย่างน้อย 104,000 บาทต่อเดือน ถ้าจะเขียนเป็นภาษาไทย เผื่ออ่านตัวเลขไม่ออก

“หนึ่งแสนสี่พันบาทถ้วน”

หากจะคิดรวบยอดท่าน ส.ส. และ ส.ว.อย่างน้อย มีเงินเดือนจากภาษีของประชาชนและภาคเอกชนที่ทำงานเหงื่อต่างน้ำแล้วต้องจ่ายภาษี แต่นักการเมืองหรือนักค้ากำไรกลับซื้อขายที่ดิน ทรัพย์สิน ค้าขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือพยายามซื้อขายกิจการ โดยไม่ต้องเสียภาษีแม้แต่สลึงเดียว มันน่าอับอายต่อประชาชนประมาณการคร่าวๆ รายได้ของท่าน ส.ส. ในระยะ 4 ปี อยู่ที่ 4,992,000 บาท อ่านเป็นภาษาไทยว่า

“สี่ล้านเก้าแสนเก้าหมื่นสองพันบาท”

ถ้า เป็น ส.ว. 6 ปี ท่านมีรายได้รวม 7,488,000 บาท อ่านเป็นภาษาไทยว่า

“เจ็ดล้านสี่แสนแปดหมื่นแปดพันบาท”

ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าประชาชน (ตาดำๆ) ที่รักของนักการเมืองจะทำงานกี่ปีกี่ชาติ ถึงจะมีเงินเท่ากับการทำงานเพียง 4 ปีและ 6 ปีของท่าน ส.ส. และ ส.ว. ในฐานะประชนผู้เสียภาษี ควรทราบและรักษาสิทธิ เพราะภาษีที่ได้จากหยาดเหงื่อต่างน้ำกำลังถูกละลาย เพราะการออกกฎหมายนี้

ไม่แน่ใจว่า ท่านผู้ทรงเกียรติ ส.ว. และ ส.ส.ใช้สติปัญญาส่วนไหนคิด และถึงแม้ว่า ในรัฐธรรมนูญจะเปิดโอกาสให้ข้าราชการการเมืองมีโอกาสได้แต่ในความเป็นจริงแล้วควรคำนึงถึงความเหมาะสมและความเป็นไปได้เพื่อส่วนรวม และประชาชนของท่านบ้าง เพราะเหตุผลที่ว่า ประการแรก ท่านผู้ซึ่งได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชน ประการที่ 2 ท่านควรทำหน้าที่ในการออกกฎหมายที่เอื้อต่อประชาชน ไม่ใช่ตนเองหรือพวกเดียวกันและตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร และประการที่ 3 ท่านมีสิทธิพิเศษ และสวัสดิการมากมาย เช่น เดินทางฟรี ขึ้นเครื่องบินฟรี มีเบี้ยเลี้ยงประชุม การเดินทางไปดูงานต่างประเทศ สามารถเบิกได้เต็มที่ 100% เป็นต้น จะกล่าวว่ารายได้ที่มี ไม่ต้องจ่ายก็ได้

แต่นัยของความเคลื่อนไหวที่จะออกพระราชกฤษฎีกาให้บำเหน็จบำนาญ ส.ส.-ส.ว. ส่อไปในทางที่พวกท่านคิดและคิดจะทำ เพื่อเอารัดเอาเปรียบ ประชาชนทั่วไป ภาคเอกชน และ ข้าราชการประจำ บ่งบอกให้เห็นว่า คงจะต้องสะกดคำว่า “ไม่รู้จักพอ” ในหัวใจพวกท่านกันเสียใหม่ หรือคำว่า “ได้คืบ จะเอาศอก” ก็คงจะยังใช้ได้กับนักการเมืองประเทศนี้ ด้วยเหตุผลกลใดมิอาจทราบได้

ผู้เขียนคิดว่า หากจะออกพระราชกฤษฎีกาให้บำเหน็จบำนาญ ส.ส.-ส.ว.ควรจะทบทวนคุณสมบัติ (คุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะที่ดีและจรรยาบรรณในวิชาชีพ) และคุณภาพการทำงานของนักการเมืองกันใหม่เสียที เพราะส่วนใหญ่มีแต่พวกทำงานด้วยปาก ดีแต่พูด หลอกลวงประชาชนไปเรื่อยๆ ด้วยนโยบายประชานิยมล้มเหลว จะเดินหน้าประเทศต่อไปเพื่ออะไรกันในเมื่อ “ผู้ใหญ่” ที่เป็นนักการเมืองในประเทศนี้ ยังหาผู้ที่มี “คุณสมบัติและคุณภาพ” ยากที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง แม้จะมีนักการเมืองสุจริต โปร่งใสทำงานจริง

ประชาชนส่วนใหญ่จะขอให้กำลังใจและให้ท่านทำงานต่อไป ส่วนนักการเมืองที่ทุจริต ชั่วร้าย ขอให้เป็นไปตามกรรมตามวาระ เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่มีใครไม่ผ่านการตรวจสอบ (ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง) จากภาคประชาชน แม้ว่าจะพยายามปกปิดอะไรไว้ แต่คงปิดควันไฟไม่มิด ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ขอฝากหลักคิด เพื่อพิจารณานักการเมืองด้วยคุณสมบัติที่ดีข้อหนึ่ง ตามพุทธวจนะที่ว่า

“ความดี อันคนดี ทำได้โดยง่าย คนชั่วทำได้โดยยาก

ความชั่ว อันคนชั่วทำได้โดยง่าย คนดี ทำได้โดยยาก”
กำลังโหลดความคิดเห็น