หน.ประชาธิปัตย์ ชี้ ปัญหาป่วน ปตร.พระยาสุเรนทร์ เป็นหน้าที่ ศปภ.ซัด “ประชา” โบ้ยงาน กทม.ไม่ตัดสินใจเอง เชื่อส่อขัดแย้งบานปลาย จี้รับผิดชอบ ชี้ “เสงี่ยม” จัดม็อบป่วนสะท้อนรัฐไม่ทำหน้าที่คิดแต่การเมือง ระบุรายงานผู้ว่าฯ สองแคว ชัด “พิชัย” พูดเท็จกวนน้ำให้ขุ่นทำสังคมไขว้เขว้ ปัด “หมอวรงค์” ข่มขู่จุ้น ขรก.ไล่ไปเช็กพวกห่วงทรัพย์พ่นชื่อบนเรือรัฐบริจาค ท้ารัฐจะสอบผู้ว่าฯ ควรเช็ก ส.ส.พรรคอื่นด้วย
วันนี้ (30 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.เสงี่ยม สำราญรัตน์ แกนนำเสื้อแดง และข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นำชาวบ้านไปเปิดประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ ว่า ปัญหาทั้งหมดเป็นหน้าที่ของ ศปภ.โดยตรง ซึ่งวันนี้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผอ.ศปภ.ก็เดินทางไปในพื้นที่แต่กลับไม่มีทางตัดสินใจเชิงนโยบาย นอกจากโยนมาให้ กทม.ทั้งที่ ศปภ.ต้องตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่าย ทั้งจากผู้ว่าฯ กทม.และประชาชนที่เดือดร้อน เพื่อตัดสินใจนำไปสู่การบริหารที่มีประสิทธิภาพ แต่เมื่อ ศปภ.ไม่ทำก็จะนำไปสู่ความขัดแย้งต่อไป ซึ่งอาจจะลุกลามไปยังพื้นที่อื่นด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การโยนไปให้ กทม.ตัดสินใจจะทำให้แรงกดดันไปอยู่ที่ผู้ว่าฯ กทม.ต้องเผชิญหน้ากับประชาชนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ แต่ผู้ว่าฯ กทม.ก็ต้องอธิบายให้ประชาชนรับทราบว่าขอบเขตอำนาจของท่านเป็นอย่างไร และการที่ ศปภ.จะมอบให้ผู้ว่าฯ กทม.ตัดสินนั้นก็ต้องอยู่ภายใต้นโยบายที่ ศปภ.เคยให้ในการปกป้องพื้นที่อย่างไร แต่ขอย้ำว่า หน้าที่การตัดสินใจต้องเป็นของ ผอ.ศปภ.ในฐานะผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ตนก็ยังหวังว่าปัญหาจะไม่ขยายจนถึงขั้นเกิดการปะทะกันระหว่างประชาชนสองฝั่ง แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความล้มเหลวที่เกิดจากการบริหารงานของ ศปภ.เพราะการบริหารขาดประสิทธิภาพ และเพิ่มความแตกแยกตรงกับที่เราอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกอย่าง ยิ่งมีการเคลื่อนไหวของคนที่เกี่ยวข้อง ยิ่งต้องให้ ผอ.ศปภ.และรัฐบาลเป็นผู้กำหนดแนวทางตรงนี้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเรื่องการเมืองขัดแย้งกันและลุกลามไปถึงการขัดแย้งเรื่องน้ำ
ผู้สื่อข่าวถามที่ว่า พ.ต.ต.เสงี่ยม มีตำแหน่งข้าราชการการเมืองสำนักเลขาธิการนายกฯ ถือว่าเหมาะสมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฏหมายและอยู่ในขอบเขตหน้าที่ของตนเอง ส่วนพฤติกรรมเช่นนี้จะยังเหมาสมที่จะดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไปหรือไม่นั้น เป็นสิ่งที่ ผอ.ศปภ.ควรจะให้คำตอบกับสังคมได้แล้วว่าจะบริหารจัดการอย่างไรในสถานการณ์ที่มีความเดือดร้อนและต้องการประสิทธิภาพ ความสามัคคีในการแก้ปัญหาให้กับประชาชน แต่ถ้ายังบริหารงานภายใต้แรงกดดันของมวลชน โดยเอาเรื่องมวลชนเป็นหลัก ไม่ดูตามหลักการระบายน้ำที่ถูกต้องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่สุดประชาชนก็จะเดือดร้อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ต.เสงี่ยม ประกาศว่า พร้อมจะนำมวลชนไปเปิดประตูระบายน้ำจุดอื่นด้วยจะเกิดปัญหาตามมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะ ผอ.ศปภ.ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองเป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลคิดแต่ในแง่การเมือง ทั้งที่ควรแก้ปัญหาให้ประชาชนมากกว่า เมื่อถามที่ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกำลังจะนำไปสู่กรณี ว่า รัฐบาลมาได้เพราะคนเสื้อแดง แต่กำลังจะเกิดปัญหาเพราะคนเสื้อแดงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แต่อยากให้ศปภ.เน้นประสิทธิภาพ ความโปร่งใส และเป็นธรรมในการแก้ไขปัญหาเป็นสิ่งที่ศปภ.ต้องทำความชัดเจนให้เกิดขึ้น
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.เพื่อไทย จะยื่นถอดถอนกรณีนำถุงยังชีพของกระทรวงพลังงานไปแจกประชาชน ว่า ในเอกสารของผู้ว่าฯ พิษณุโลก ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับตน มีแต่ระบุว่าสถานการณ์บังคับเป็นการยืนยันว่า นายพิชัย นริพทะพันธ์ รมว.พลังงาน พูดเท็จ เพราะ นายพิชัย ระบุว่า มีแผนแจกจ่ายถุงยังชีพอยู่แล้ว แต่ผู้ว่าฯ รายงานว่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีถุงอยู่ แสดงว่า เป็นการพูดขัดแย้งกันเอง กล่าวเท็จเพื่อหวังผลการเมืองเป็นยุทธวิธีกวนน้ำให้ขุ่น เพราะเรื่องนี้ไม่เหมือนกับที่พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายไม่ไว้วางใจและยื่นถอดถอน ส.ส.เพื่อไทย น่าเสียดายที่สื่อบางฉบับและคอลัมนิสต์ก็ออกทะเลไปด้วย เพราะกรณีของ ผอ.ศปภ.นั้นเป็นการแต่งตั้งให้ ส.ส.เข้าไปบริหารจัดการถุงยังชีพ เพื่ออนุมัติในการกระจายที่ต่างๆ แต่กรณีที่ นพ.วรงค์ เดชวิกรม ส.ส.พิษณุโลก ขอความอนุเคราะห์ในการลงไปช่วยชาวบ้าน และมีการแจกถุงยังชีพโดยแสดงชัดเจนว่าเป็นของราชการเป็นคนละเรื่องกับการนำถุงมาใส่ชื่อตัวเอง ซึ่งในวันนั้นตนก็พูดชัดเจนว่าเป็นของกระทรวงพลังงาน แต่เชื่อว่า ความพยายามที่จะกวนน้ำให้ขุ่นนี้คงไม่ทำให้สังคมไขว้เขว หรือเสียสมาธิเพราะการเดินหน้าถอดถอนคนที่ทำผิดกฏหมายเป็นเรื่องที่ต้องทำ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรเพื่อไทย จะยื่นถอดถอนนั้น ตนยืนยันว่า ไม่มีการกระทำขัดรัฐธรรมนูญแน่นอน ไม่มีการแทรกแซงข้าราชการ ซึ่งผู้ว่าฯ ก็พูดชัดว่าได้รับการประสานจาก นพ.วรงค์ เมื่อเป็นการประสานตามปกติจะผิดกฎหมายได้อย่างไร เพราะในเอกสารของผู้ว่าฯ พิษณุโลก ระบุด้วยว่า กลัวว่า ถ้ามีประชาชนเดือดร้อนแล้วไม่ดูแลก็จะถูกตำหนิ จะกล่าวหาว่า ส.ส.พรรคไปข่มขู่ได้อย่างไร ซึ่งไม่เกี่ยวกับตนด้วย
“สิ่งที่รัฐบาลทำทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนเกิดความสับสนเกี่ยวกับกลไกการตรวจสอบ ผมจึงบอกว่าสังคมอย่าไขว้เขว เพราะถ้ารัฐบาลจะพูดแบบนี้บอกได้เลยว่า ส.ส.ทั่วประเทศไปช่วยแจกจ่ายถุงยังชีพและคนที่ห่วงทรัพย์ขนาดพ่นชื่อสกุลบนเรือ ทั้งที่มีเลขและชื่อหน่วยงานอยู่ นี่ต่างหากที่ควรไปดู” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกรัฐบาล ระบุว่า จะมีการสอบถามไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ มีเหตุการณ์ลักษณะเดียวกับที่จ.พิษณุโลกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าจะทำก็ขอให้สอบถามทั้งหมดว่า มี ส.ส.เข้าไปประสานขอความช่วยเหลือจากทางจังหวัดอย่างไร อย่าเลือกเฉพาะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ถ้าทำเช่นนั้นก็เท่ากับรัฐบาลจงใจว่าจะช่วยเหลือเฉพาะประชาชนที่เป็นฐานสนับสนุนตนเองเท่านั้น ซึ่งถือเป็นการเลือกปฏิบัติ เป็นใบเสร็จถึงความไม่สมควรที่จะดำรงตำแหน่งที่จะบริหารเรื่องนี้อีกต่อไป ซึ่งข้าราชการมีหน้าที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา หลายครั้งคนของพรรคประสานงานเพื่อขอความอนุเคราะห์ เมื่อบอกว่าไม่มีก็จบ หรือมีความจำเป็นต้องไปดูที่อื่นก่อนก็จบ โดยไม่เคยไปทำอะไรที่สร้างปัญหา เพราะพยายามที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหามาโดยตลอด และในสมัยที่ตนเป็นนายกฯ ก็ถือหลักการว่าทุกคนมีสิทธิ์ประสานขอความร่วมมือจากทางราชการได้โดยไม่ต้องมีความกังวล
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ ว่า ในการลงพื้นที่ต่างๆ ก็ไม่ควรมีปัญหา แต่อยู่ที่ว่ารัฐบาลต้องลดเรื่องการเล่นการเมือง หันไปแก้ปัญหาให้ประชาชน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทำให้ตนหยุดการช่วยเหลือประชาชนเพราะตนจะทำในสิ่งที่ควรทำ