นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.ฎ.เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธาน และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธาน และรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการ พ.ศ.... ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอว่า
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค้างพิจารณามาตั้งแต่สภาผู้แทนราษฎรชุดที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องที่พิจารณา หรือหยิบยกมานำเสนอใหม่ ทั้งนี้ หลังจากที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ได้พิจารณา และปรับขึ้นเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการไปแล้วนั้น ในส่วนของกรรมาธิการกิจการสภาฯ ยังได้พิจารณาประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภาต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของสวัสดิการ อาทิ ค่ารักษาพยาบาล และค่าเดินทาง
สำหรับการรักษาพยาบาล และประกันชีวิตนั้น แบบเดิมได้ใช้การประกันสุขภาพกลุ่มให้กับผู้รับประกัน ในอัตราไม่เกิน 20,000 บาท ต่อคนต่อปี ซึ่งถือว่าไม่เพียงพอ, การรักษาไม่ครอบคลุมโรค รวมถึงมีขีดจำกัดเรื่องสถานพยาบาล ทำให้ต้องมาพิจารณาทบทวนกันใหม่ เบื้องต้นนั้น ได้หารือกับกระทรวงการคลัง แล้วได้ข้อสรุปว่า เรื่องสวัสดิการดังกล่าวนั้น ควรยกให้เทียบเท่ากับข้าราชการ
" ขณะนี้ทราบว่า ทางครม. ได้อนุมัติในหลักการเท่านั้น ยังคงต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ คณะกรรมการกฤษฎีกาอีกครั้งว่า หากการปรับเปลี่ยนสวัสดิการดังกล่าว จะขัดต่อกฎหมายใดหรือไม่ โดยภายหลังจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วเสร็จ จะต้องนำกลับเข้ามาสู่การพิจารณาของครม.อีกครั้ง สำหรับประเด็นค่าตอบแทนอื่นๆ และเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของประธานสภาที่ระบุว่า ให้เท่ากับนายกฯ นั้น ผมไม่ทราบรายละเอียด" นายพิทูร กล่าว
สำหรับรายละเอียดที่ปรากฏตามร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าว อาทิ เงินประจำตำแหน่ง และเงินเพิ่มของประธาน และรองประธานสภาฯ ประธาน และรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาฯ และสมาชิกวุฒิสภา โดยให้ประธานสภาฯ (ประธานรัฐสภา) ได้รับเงินประจำตำแหน่ง และเงินเพิ่มเท่ากับนายกรัฐมนตรีนั้น นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เป็นไปตามพ.ร.ฎ. เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ ส.ว., ส.ส. และ กรรมาธิการ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2554 ไม่ได้มีการพิจารณาปรับเพิ่มขึ้นใหม่ แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของส.ว. และ ส.ส. ตาม พ.ร.ฎ. เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ ส.ว., ส.ส. และ กรรมาธิการ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2554 ระบุไว้ว่า ประธานสภา ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 75,590 บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 50,000 บาทต่อเดือน รวมเป็น 125,560 บาท ซึ่งเท่ากับเงินเดือนของนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับในปัจจุบัน, ประธานวุฒิสภา ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 74,420 บาทต่อเดือน และเงินเพิ่ม 45,500 บาทต่อเดือน รวมเป็น 119,920 บาท
รองประธานสภาฯ, รองประธานวุฒิสภา และผู้นำฝ่ายค้าน ได้รับเงินเดือนเท่ากันทั้ง 3 ตำแหน่ง คือ เงินประจำตำแหน่ง 73,240 บาทต่อเดือน และเงินเพิ่ม 42,500 บาทต่อเดือน รวมเป็น 115,740 บาทต่อเดือน, ส.ส. และ ส.ว. ได้รับเงินเดือนในจำนวนที่เท่ากัน คือ เงินประจำตำแหน่ง 71,230 บาทต่อเดือน และเงินเพิ่ม 42,330 บาทต่อเดือน รวมเป็น 113,560 บาทต่อเดือน
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางของ ส.ส., ส.ว.,กรรมาธิการสภา, กรรมาธิการวุฒิสภา, กรรมาธิการรัฐสภา, และกรรมาธิการร่วมกันของ 2 สภา ที่ระบุไว้ว่าให้นำพ.ร.ฎ.ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ มาใช้บังคับโดยอนุโลม และให้ได้รับสิทธิ์ในอัตราเดียวกันกับหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ส่วนกรรมาธิการฯ ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสภาฯ, วุฒิสภา ให้ได้รับค่าพาหนะเดินทางนั้น
ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบสิทธิประโยชน์ของสมาชิกรัฐสภา และกรรมาธิการ (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2554) พบว่า ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศ ส.ส., ส.ว. และกรรมาธิการ จะได้รับเบี้ยเลี้ยง แบบเหมาจ่าย 250 บาท ต่อวัน ค่าเช่าที่พัก กรณีเบิกตามจริง จะได้รับ แบบห้องพักคนเดียวจะได้รับ 2,500 บาทต่อคน ต่อวัน , ห้องพักคู่จะได้รับ 1,500 บาทต่อคนต่อวัน แต่หากเป็นแบบเหมาจ่าย จะได้รับ 1,200 บาท ต่อวันต่อคน
สำหรับค่าพาหนะเดินทางไปราชการในประเทศ ในส่วนของพื้นที่จังหวัดที่มีเขตติดต่อกับกรุงเทพฯ หรือข้ามเขตจังหวัดที่ติดต่อกับกรุงเทพฯ จะสามารถเบิกค่าเช่าได้ เที่ยวละไม่เกิน 600 บาท ส่วนการเช่าพาหนะข้ามเขตไปจังหวัดอื่นๆ ผู้ที่เดินทางสามารถเบิกได้เที่ยวละไม่เกิน 500 บาท
ส่วนค่าชดเชยค่าพาหนะส่วนตัวที่ใช้ในการเดินทาง สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลจะได้รับเงินชดเชย กม. 4 บาท, รถจักรยานยนต์ ได้รับเงินชดเชย กม.ละ 2 บาท
สำหรับการเดินทางไปราชการในต่างประเทศ ประธานสภา และประธานวุฒิสภา ได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับนายกฯ ส่วนรองประธานสภา, รองประธานวุฒิสภา, ผู้นำฝ่ายค้าน จะได้รับอัตราเดียวกับรองนายกฯ ส่วน ส.ส.และ ส.ว. จะได้รับสิทธิอัตราเดียวกับข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง โดยจะได้รับเบี้ยเลี้ยง 3,100 บาทต่อวัน, ค่าเช่าโรงแรม จะเบิกได้ไม่เกิน 10,000-4,5000 บาทต่อวัน ต่อคน แล้วแต่ประเภท เป็นต้น
ส่วนเบี้ยประชุมกรรมาธิการ ที่ระบุให้เพิ่มเป็นครั้งละ 1,500 บาทนั้น พบว่าเพิ่มจากเดิมที่ให้อัตราไม่เกินคนละ 1,200 บาท , เบี้ยประชุมคณะอนุกรรมาธิการที่ระบุให้รับได้ 800 บาทนั้นยังคงเป็นอัตราเดิม
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค้างพิจารณามาตั้งแต่สภาผู้แทนราษฎรชุดที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องที่พิจารณา หรือหยิบยกมานำเสนอใหม่ ทั้งนี้ หลังจากที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ได้พิจารณา และปรับขึ้นเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการไปแล้วนั้น ในส่วนของกรรมาธิการกิจการสภาฯ ยังได้พิจารณาประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภาต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของสวัสดิการ อาทิ ค่ารักษาพยาบาล และค่าเดินทาง
สำหรับการรักษาพยาบาล และประกันชีวิตนั้น แบบเดิมได้ใช้การประกันสุขภาพกลุ่มให้กับผู้รับประกัน ในอัตราไม่เกิน 20,000 บาท ต่อคนต่อปี ซึ่งถือว่าไม่เพียงพอ, การรักษาไม่ครอบคลุมโรค รวมถึงมีขีดจำกัดเรื่องสถานพยาบาล ทำให้ต้องมาพิจารณาทบทวนกันใหม่ เบื้องต้นนั้น ได้หารือกับกระทรวงการคลัง แล้วได้ข้อสรุปว่า เรื่องสวัสดิการดังกล่าวนั้น ควรยกให้เทียบเท่ากับข้าราชการ
" ขณะนี้ทราบว่า ทางครม. ได้อนุมัติในหลักการเท่านั้น ยังคงต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ คณะกรรมการกฤษฎีกาอีกครั้งว่า หากการปรับเปลี่ยนสวัสดิการดังกล่าว จะขัดต่อกฎหมายใดหรือไม่ โดยภายหลังจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วเสร็จ จะต้องนำกลับเข้ามาสู่การพิจารณาของครม.อีกครั้ง สำหรับประเด็นค่าตอบแทนอื่นๆ และเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของประธานสภาที่ระบุว่า ให้เท่ากับนายกฯ นั้น ผมไม่ทราบรายละเอียด" นายพิทูร กล่าว
สำหรับรายละเอียดที่ปรากฏตามร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าว อาทิ เงินประจำตำแหน่ง และเงินเพิ่มของประธาน และรองประธานสภาฯ ประธาน และรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาฯ และสมาชิกวุฒิสภา โดยให้ประธานสภาฯ (ประธานรัฐสภา) ได้รับเงินประจำตำแหน่ง และเงินเพิ่มเท่ากับนายกรัฐมนตรีนั้น นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เป็นไปตามพ.ร.ฎ. เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ ส.ว., ส.ส. และ กรรมาธิการ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2554 ไม่ได้มีการพิจารณาปรับเพิ่มขึ้นใหม่ แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของส.ว. และ ส.ส. ตาม พ.ร.ฎ. เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ ส.ว., ส.ส. และ กรรมาธิการ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2554 ระบุไว้ว่า ประธานสภา ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 75,590 บาทต่อเดือน เงินเพิ่ม 50,000 บาทต่อเดือน รวมเป็น 125,560 บาท ซึ่งเท่ากับเงินเดือนของนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับในปัจจุบัน, ประธานวุฒิสภา ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 74,420 บาทต่อเดือน และเงินเพิ่ม 45,500 บาทต่อเดือน รวมเป็น 119,920 บาท
รองประธานสภาฯ, รองประธานวุฒิสภา และผู้นำฝ่ายค้าน ได้รับเงินเดือนเท่ากันทั้ง 3 ตำแหน่ง คือ เงินประจำตำแหน่ง 73,240 บาทต่อเดือน และเงินเพิ่ม 42,500 บาทต่อเดือน รวมเป็น 115,740 บาทต่อเดือน, ส.ส. และ ส.ว. ได้รับเงินเดือนในจำนวนที่เท่ากัน คือ เงินประจำตำแหน่ง 71,230 บาทต่อเดือน และเงินเพิ่ม 42,330 บาทต่อเดือน รวมเป็น 113,560 บาทต่อเดือน
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางของ ส.ส., ส.ว.,กรรมาธิการสภา, กรรมาธิการวุฒิสภา, กรรมาธิการรัฐสภา, และกรรมาธิการร่วมกันของ 2 สภา ที่ระบุไว้ว่าให้นำพ.ร.ฎ.ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ มาใช้บังคับโดยอนุโลม และให้ได้รับสิทธิ์ในอัตราเดียวกันกับหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ส่วนกรรมาธิการฯ ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสภาฯ, วุฒิสภา ให้ได้รับค่าพาหนะเดินทางนั้น
ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบสิทธิประโยชน์ของสมาชิกรัฐสภา และกรรมาธิการ (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2554) พบว่า ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศ ส.ส., ส.ว. และกรรมาธิการ จะได้รับเบี้ยเลี้ยง แบบเหมาจ่าย 250 บาท ต่อวัน ค่าเช่าที่พัก กรณีเบิกตามจริง จะได้รับ แบบห้องพักคนเดียวจะได้รับ 2,500 บาทต่อคน ต่อวัน , ห้องพักคู่จะได้รับ 1,500 บาทต่อคนต่อวัน แต่หากเป็นแบบเหมาจ่าย จะได้รับ 1,200 บาท ต่อวันต่อคน
สำหรับค่าพาหนะเดินทางไปราชการในประเทศ ในส่วนของพื้นที่จังหวัดที่มีเขตติดต่อกับกรุงเทพฯ หรือข้ามเขตจังหวัดที่ติดต่อกับกรุงเทพฯ จะสามารถเบิกค่าเช่าได้ เที่ยวละไม่เกิน 600 บาท ส่วนการเช่าพาหนะข้ามเขตไปจังหวัดอื่นๆ ผู้ที่เดินทางสามารถเบิกได้เที่ยวละไม่เกิน 500 บาท
ส่วนค่าชดเชยค่าพาหนะส่วนตัวที่ใช้ในการเดินทาง สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลจะได้รับเงินชดเชย กม. 4 บาท, รถจักรยานยนต์ ได้รับเงินชดเชย กม.ละ 2 บาท
สำหรับการเดินทางไปราชการในต่างประเทศ ประธานสภา และประธานวุฒิสภา ได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับนายกฯ ส่วนรองประธานสภา, รองประธานวุฒิสภา, ผู้นำฝ่ายค้าน จะได้รับอัตราเดียวกับรองนายกฯ ส่วน ส.ส.และ ส.ว. จะได้รับสิทธิอัตราเดียวกับข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง โดยจะได้รับเบี้ยเลี้ยง 3,100 บาทต่อวัน, ค่าเช่าโรงแรม จะเบิกได้ไม่เกิน 10,000-4,5000 บาทต่อวัน ต่อคน แล้วแต่ประเภท เป็นต้น
ส่วนเบี้ยประชุมกรรมาธิการ ที่ระบุให้เพิ่มเป็นครั้งละ 1,500 บาทนั้น พบว่าเพิ่มจากเดิมที่ให้อัตราไม่เกินคนละ 1,200 บาท , เบี้ยประชุมคณะอนุกรรมาธิการที่ระบุให้รับได้ 800 บาทนั้นยังคงเป็นอัตราเดิม