ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ท่ามกลางสถานการณ์อันร่อแร่ของ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีแห่งพรรคเพื่อไทยที่นับวันเสียงสาปแช่งจะขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ ด้วยผลงานที่พิสูจน์ให้เห็นถึงรอยหยักในสมองจากการบริหารมหาอุทกภัยที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“นช.ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็นพี่ชายจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้เกมครั้งใหญ่ เพราะไม่อาจนั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนได้อีกต่อไป ดังนั้น สารพัดกลยุทธ์ทางการตลาดจึงถูกงัดขึ้นมาใช้เพื่อประคับประคองรัฐนาวาแห่งนี้มิใช้จมหายไปกับสายน้ำ
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์แรกที่รังสรรค์ออกมาจากมันสมองของนักโทษชายหนีคดีก็คือการเปิดประเด็นปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อประกอบพิธี “บูชายัญเซ่นสังเวยสายน้ำ” โดยโบ้ยความผิดไปให้รัฐมนตรีที่ทำงานไม่เป็นสับปะรด พร้อมเบี่ยงกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ดังขรมมากขึ้นทุกที
จากนั้นก็สร้างภาพ และ “ขายฝัน” ให้ประชาชนมีความหวังถึงอนาคตในเบื้องหน้าเพื่อให้ลืมความทุกข์ยาก ตลอดรวมถึงความห่วยของน้องสาวตนเอง ด้วยการบัญชาให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ตั้ง “ดร.โกร่งกางเกงแดง-นายวีรพงษ์ รามางกูร” นั่งเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศหรือ กยอ. พร้อมทั้งดึง “ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล” เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนานั่งเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการวางระบบการบริหารจัดการน้ำหรือ กยน.
แต่คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ ทั้งการปรับครม. ทั้งการตั้งดร.โกร่งและดร.สุเมธให้มาช่วยงานก็ดี จะช่วยยื้อชีวิตรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปได้สักกี่มากน้อย
***บูชายัญ 5 รมต. สังเวยเก้าอี้ “นายกฯยิ่งเลอะ”
กล่าวสำหรับเกมการปรับครม.นั้น เป็นที่ชัดเจนว่า มีรัฐมนตรีที่อยู่ใน “บัญชีหนังหมา” ครั้งนี้ 5 คน เพราะได้รับการพิสูจน์แล้วว่า หย่อนสมรรถภาพในการแก้ไขปัญหามหาอุทกภัย จนทำให้น้องสาวสุดที่รักของเขาถูกก่นด่าอย่างสาดเสียเทเสียจนแทบไม่อาจบากหน้าอยู่ในประเทศไทยได้อีกต่อไป
โดย 3 คนสังกัดพรรคเพื่อไทย ส่วนอีก 2 คนสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน
สำหรับคนแรกในบัญชีหนังหมาของ นช.ทักษิณคือ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้รับการปูนบำเหน็จให้นั่งเก้าอี้ตัวนี้ด้วยบทงานการจับสลากได้หมายเลข 1 ให้กับพรรคเพื่อไทยในการลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะไม่มีฝีมือในการทำงาน ทั้งๆ ที่ควบคุมหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน
คนที่สองในบัญชีหนังหมาของ นช.ทักษิณคือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อีกหนึ่งรัฐมนตรีโควตาพรรคเพื่อไทยที่สอบตกในการการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัย
คนที่สามในบัญชีหนังหมาของ นช.ทักษิณคือ น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสื่อของรัฐ เนื่องจากนับตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่เป็นต้นมาแทบไม่ได้มีบทบาทในการกำหนดยุทธศาสตร์การใช้สื่อของรัฐเพื่อช่วยงานรัฐบาลในการแก้ปัญหาน้ำท่วมเลยแม้แต่น้อย
ส่วนอีก 2 คนคือ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โควตาจากพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินที่มีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นเจ้าของพรรคตัวจริง กับผลงานความล้มเหลวในการปกป้องนิคมอุตสาหกรรม ขณะที่คนที่สองก็คือ นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่นายใหญ่มีความเห็นว่า ให้ข้อมูลเรื่องน้ำผิดพลาดจนทำให้น้องสาวสุดที่รักกำลังจะจมหายไปกับสายน้ำ
กรณีนพ.วรรณรัตน์และนายธีระนั้น ดูเหมือนว่า นายใหญ่มุ่งมาดปรารถนาจะเล่นเกมการเมืองเพื่อโยนบาปเพื่อตัดตอนความห่วยของนายกฯ ยิ่งลักษณ์เสียมากกว่าจะมุ่งแก้ปัญหาจริงๆ แม้ข้อเท็จจริงทั้ง 2 คนจะมิได้มีฝีไม้ลายมืออะไรให้เป็นที่ปรากฏก็ตาม
ทั้งนี้ กล่าวสำหรับ นพ.วรรณรัตน์นั้น ถึงกับทำเอา “นายบรรหาร ศิลปอาชา” เจ้าของและผู้มีบารมีตัวจริงแห่งพรรคชาติไทยพัฒนาที่หดหัวอยู่ในกระดองมาได้ระยะหนึ่ง อดรนทนไม่ไหว เพราะโอกาสที่นายธีระผู้เป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงจะกระเด็นตกเก้าอี้มีอยู่สูง แถมไม่ใช่เฉพาะตัวนายธีระเท่านั้นที่จะต้องถูกเฉดหัวออกจากเก้าอี้ หากแต่โควตากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็มีคำบัญชาจากนายใหญ่ให้ยึดคืนกลับมาเป็นของพรรคเพื่อไทยอีกด้วย
แหล่งข่าวยืนยันว่า นายบรรหารกำลังเจรจาต่อรองกับ นช.ทักษิณ ชินวัตรที่เตรียมประกาศยึดโควตากระทรวงเกษตรและสหกรณ์คืนจากพรรคชาติไทยพัฒนาอย่างหนัก
**ตั้ง “โกร่ง-สุเมธ” แค่เกมสร้างภาพ ยื้อชีวิต “ปู”
อย่างไรก็ตาม นอกจากการปรับคณะรัฐมนตรีตามยุทธศาสตร์ตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้แล้ว อีกยุทธศาสตร์สำคัญที่ นช.ทักษิณทำคลอดออกมาล่าสุดเพื่อ “สร้างภาพ” และ “ขายฝัน” ให้ประชาชนมีความหวังถึงอนาคตในเบื้องหน้าก็คือการที่นายห้างตราดูไบมีบัญชาให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ชุดแรกมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศหรือ กยอ.
คณะกรรมการชุดนี้มี “ดร.โกร่งกางเกงแดง-นายวีรพงษ์ รามางกูร” เป็นประธาน พร้อมมียอดกุนซือหูกระต่าย “พันศักดิ์ วิญญรัตน์” ยืนทะมึนเป็นตัวแทน นช.ทักษิณกำกับเกมให้เป็นไปในแนวทางที่นายใหญ่ต้องการ
ส่วนคณะกรรมการคนสำคัญอื่นๆ ที่ประกอบไปด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง.นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์.นายกิจจา ผลภาษี นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ นายวิษณุ เครืองาม นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ก็ต้องบอกว่าล้วนแล้วแต่เป็น “เด็กในบ้าน” และ “เทคโนแครต” ที่นช.ทักษิณเคยใช้บริการมาแล้วทั้งสิ้น
ที่น่าอนาถใจก็คือ ยังไม่ทันที่ ดร.โกร่งกางเกงแดงจะทำงานก็ประกาศโอ้อวดสรรพคุณเอาไว้ล่วงหน้าจนน่าหมั่นไส้ว่า นับจากนี้เป็นต้นไป น้ำจะไม่ท่วมประเทศไทยอีกชั่วกัลปาวสาน
ทั้งนี้ การที่นายห้างตราดูไบสามารถดึง ดร.โกร่งกางเกงแดงเข้ามาร่วมงานได้สำเร็จนั้นมีนัยสำคัญยิ่ง เพราะนั่นหมายความว่า คงอีกไม่นานนักเมื่อมีการปรับครม.และโอกาสที่นายวีรพงษ์จะรับตำแหน่งสำคัญๆ มีสูงยิ่ง เนื่องจากต้องยอมรับกันอย่างไม่อ้อมค้อมว่า หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้คือนายกิตติรัตน์ ณ ระนองนั้น “มือไม่ถึง”และตำแหน่งประธาน กยอ.ก็มีงบประมาณมหาศาลให้ดร.โกร่งใช้บริหารจัดการอย่างเต็มไม้เต็มมือ ซึ่งถ้าทำสำเร็จดัชนีความเชื่อมั่นในตัวเขาก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
ที่สำคัญคือ ดร.โกร่งเองก็ไม่ใช่คนนอก หากแต่เป็นคนที่อิงแอบแนบชิดอยู่กับระบอบทักษิณมาโดยตลอด หากยังจำกันได้ก่อนหน้านี้เขาเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของทีมเศรษฐกิจรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ดังนั้น การตั้ง ดร.โกร่งให้คุมทั้งงานและเงินระดับเมกะโปรเจ็กต์ครั้งนี้ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า เพื่อเป็นการปูทางสู่เก้าอี้เสนาบดี
ส่วนจะไปไกลถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น คงต้องวัดใจ นช.ทักษิณว่าจะกล้าหรือไม่
ส่วนชุดที่สองคือ คณะกรรมการวางระบบการบริหารจัดการน้ำหรือกยน. ชุดนี้มี น.ส.ยิ่งลักษณ์นั่งถ่างขาเป็นประธาน โดยมี “ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล” เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนานั่งเป็นที่ปรึกษา ซึ่งก็ต้องบอกเช่นกันว่า ชื่อของ ดร.สุเมธที่ปรากฏนั้นถือเป็น “บิ๊กเซอร์ไพรส์” ที่ไม่ธรรมดา
แม้ ดร.สุเมธจะให้สัมภาษณ์ว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์โทรศัพท์ชักชวนให้มาร่วมงานแต่ว่ากันว่า งานนี้ นช.ทักษิณลงทุนต่อสายถึง ดร.สุเมธด้วยตนเองเลยทีเดียว
ทั้งนี้ สิ่งที่สังคมกำลังตั้งคำถามกลับไปก็คือ การที่ดร.สุเมธเข้ามาทำหน้าที่ในคณะกรรมการชุดนี้มีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร เพราะต้องไม่ลืมว่า ดร.สุเมธคือเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา
อย่างไรก็ตาม การปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขกลไกการบริหารราชการแผ่นดินที่ง่อยเปลี้ยเสียขาเพียงประการเดียว รวมถึงการดึง ดร.โกร่งและดร.สุเมธมาสร้างเกมขายฝันครั้งใหม่ คงช่วยอะไรไม่ได้มากนัก เพราะสุดท้ายก็จะเข้าอีหร็อบเดิมเหมือนคณะกรรมการหลายต่อหลายชุดที่เคยมีในประเทศไทยก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทยที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และหรือคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศไทยที่มีนพ. ประเวศ วะสี เป็นประธาน
ที่สำคัญคือ ตราบใดที่หัวหน้ารัฐบาลยังชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สถานการณ์ก็จะยังไม่เปลี่ยนแปลง
ดังเช่นที่ “ปริชาติ วัฒนเขจร” แกนนำชาวบ้านหมู่ 22 ต.บึงทองหลาง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานีที่ระบายความรู้สึกคับแค้นใจออกมาอย่างลึกสุดใจในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายนว่า.....
“พวกเราชาวบ้านแถบนี้เลือกพรรคเพื่อไทยมาตลอดเพราะเรารักท่านนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และคิดว่าน้องสาวท่าน นายกฯ ยิ่งลักษณ์จะช่วยพวกเราได้ดีกว่านี้ ที่ผ่านมาขยับหนีน้ำต่อไม้กระดานสูงขึ้นมาตลอด จนวันนี้ไม่รู้ว่าจะหนีไปไหนแล้ว ถุงยังชีพสักถุงหรือมาโผล่หน้ามาคุยมาถามไถ่พวกเราบ้างก็ไม่เคย พวกเราเสียสละจนไม่มีที่ไปแล้ว”
“เกือบ 3 เดือนมานี้แทบไม่เคยมีใครมาเหยียบเลย ที่นี่มีทั้งหมด 62 ครัวเรือน ท่วมร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เคยได้ถุงยังชีพจาก ศปภ.หรือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่เราได้ถุงยังชีพพระราชทานมาแล้วรอบหนึ่งที่วัดสุวรรณ แต่ได้เพียง 27 ครัวเรือน ส่วนรัฐบาลถ้าจะมีเงินชดเชยครอบครัวละ 5,000 บาท มารอบแรกก็ไม่ครบ เพราะ 62 หลังคาเรือน ได้มา 33 ครัวเรือน ทีเหลือล็อต 2 ยังต้องรอเงินก่อนไม่รู้เมื่อไหร่”
“ว่ากันตามตรงเราพื้นที่สีแดง ทำไมความช่วยเหลือให้ไม่ถึง เราเลือกนายกฯ หญิงมาเพราะหวังว่าจะเห็นใจเรา จะช่วยเรา เราเสียใจ พูดจากใจเราเลยนะ รักคนลำลูกกาเราบ้าง คะแนนจากลำลูกกาไม่ใช่น้อยๆ นะ ถ้าไม่รักท่านนายกฯ ทักษิณ คนลำลูกกาคงไม่ให้พรรคเพื่อไทย แต่ถ้ายังเป็นอย่างนี้เราคงไม่รักกันแล้ว เราบอกตามตรงเราผิดหวังท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์”