ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ค่ำวันที่ 31 ต.ค. 2554 สำนักงานบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (นาซ่า) ได้เผยแพร่ภาพสนามบินดอนเมืองที่ถ่ายโดยดาวเทียมนาซ่า โดยเฉพาะตัว “ รันเวย์และแท๊กซี่เวย์” แสดงให้เห็นชัดว่าน้ำได้ทะลักเข้าท่วมสนามบินดอนเมือง อดีตที่ทำการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) กว่า100% ท่วมจมบาดาล
จะเห็นจากภาพถ่ายของหลายสำนักข่าวฯว่า เรือของท่าอากาศยาน พยายามจะเข้าไปสังเกตการณ์เพื่อเตรียมการกู้ตัวเครื่องบินออกจากรันเวย์ในเร็วๆนี้
เมื่อวันที่ 26 ต.ค. “น้ำท่วมรันเวย์สนามบินดอนเมืองลามถึงคลังสินค้า กินพื้นที่ 90%”
เหมือนป้องกันได้ส่วนหนึ่งแล้ว แต่วันนั้นมวลน้ำจากถนนวิภาวดีนรังสิต ได้ไหลมาจากด้านเหนือของสนามบินจนทะลักท่วมรันเวย์ท่าอากาศยานดอนเมือง ขยายวงกว้างกินพื้นที่รันเวย์เกือบ 90% และท่วมไปจนถึงคลังสินค้า แถมวันต่อมาก็กระทบศูนย์กระจายสินค้าของ ศปภ. บริเวณชั้น 1 ท่าอากาศยานดอนเมือง จนเห็นภาพสิ่งของบริจาคลอยน้ำกระจายไปทั่ว!
ความแรงของน้ำที่ขึ้นมาทางท่อระบายน้ำ ทำให้หลายฝ่าย! คาดการณ์ได้ว่าอีกไม่นานจะท่วมเต็มพื้นที่รันเวย์ทั้งหมด ขณะที่เครื่องบินพาณิชย์ขนาดใหญ่และกลาง ยังจอดทิ้งอยู่กว่า 10 ลำ ส่วนอุปกรณ์ทางการบินอื่น ๆ เจ้าหน้าที่ขนย้ายออกนอกพื้นที่หมดแล้ว
ทำให้วันนั้น“สายการบินนกแอร์” และ “สายการบินโอเรียนท์ไทย”ก็ได้ประกาศหยุดบิน รวมทั้งโครงสร้างทางวิ่งและทางขับ ระบบไฟฟ้าสนามบิน ระบบเครื่องช่วยเดินอากาศ ระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า ก็หยุดไปโดยปริยาย สร้างความเสียหายแล้ว 99%
วันต่อมา “นาวาอากาศเอกกันต์พัฒน์ มังคละศิริ” ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง (AOT) แถลงว่า ขณะนี้ท่าอากาศยานดอนเมืองได้ปิดทางวิ่งทั้งสองเส้นทางเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.เวลา 14.00 น.- วันที่ 1 พ.ย. เวลา 17.00 น. เนื่องจากมีปริมาณน้ำจำนวนมากได้ไหลเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ทางด้านทิศเหนือ ทำให้กระทบต่อแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าของสนามบินและมีผลต่อเครื่องช่วยในการเดินอากาศแบบทัศนวิสัย
“AOT” ย้ำว่า การที่น้ำท่วมทำให้ค่าแรงเสียดทานของทางวิ่งต่ำกว่าเกณฑ์ที่มาตรฐานกำหนด ซึ่งอาจจะทำให้อากาศยานลื่นไถลออกนอกทางวิ่งได้ ดังนั้นจึงต้องประกาศปิดสนามบิน!!!
พร้อมกับว่าท่าอากาศยานรองรับ เช่น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานภูเก็ต
“พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี” ประธานคณะกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ย้ำว่า ได้สั่งปิดทางวิ่ง (รันเวย์) สนามบินดอนเมือง ทั้งสองเส้นเป็นการชั่วคราว ในวันเวลาดังกล่าว เนื่องจากน้ำได้ไหลเข้าท่วมบริเวณรันเวย์ของสนามบินดอนเมือง
ขณะที่ได้ ประสานไปยัง“กรมการบินพลเรือน” ให้ประกาศหยุดทำการบินห้ามไม่ให้การบินขึ้นลงของเครื่องบินเพื่อความปลอดภัยด้านการบิน ขณะที่น้ำที่ไหลเข้าท่วมรันเวย์นั้น ได้ไหลมาจากทางด้านทิศตะวันออกของสนามบิน
โดยไหลซึมออกมาจากบริเวณ “ฐานทัพอากาศ ดอนเมือง” ซึ่งเดิมเป็นทิศทางที่สนามบินดอนเมืองไม่ได้ทำแนวกระสอบทราย เนื่องจากมั่นใจว่าแนวคันกั้นน้ำของ “ฐานทัพอากาศ ดอนเมือง” จะสามารถสกัดน้ำไม่ให้ไหลเข้าท่วมสนามบินได้
ล่าสุด ทอท. ยังแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ได้ปิดทางวิ่งทั้งสองเส้นเป็นการชั่วคราวและ ทอท. ได้ออกประกาศนักบิน (Notice to Airman: NOTAM) เพื่อแจ้งเตือนนักบินและผู้เกี่ยวข้องให้ทราบและเตรียมแผนปฏิบัติด้านการบินในเรื่องดังกล่าว และได้รายงานอธิบดีกรมการบินพลเรือนแล้ว เป็นประกาศนักบิน(NOTAM) ปิดทางวิ่งฝั่งตะวันออก งดการขึ้นลงของอากาศยานทุกชนิด เนื่องจากน้ำท่วมทางวิ่งทำให้อากาศยานไม่สามารถขึ้นลงได้ รวมทั้ง หอบังคับการบินก็หยุดปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน
ด้าน“ว่าที่ ร.ท.อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทอท. ก็ยอมรับว่าไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายจากน้ำท่วมสนามบินดอนเมืองได้ เนื่องจากระดับน้ำยังท่วมสูงประมาณ 1 เมตร รวมทั้งยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาเท่าใดในการฟื้นฟูเพื่อให้สนามบินดอนเมืองกลับมาให้บริการตามปกติ
ทั้งนี้ ได้ตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูสำนักงานใหญ่ ทอท. และสนามบินดอนเมือง แล้วเพื่อทำหน้าที่สำรวจความเสียหาย ประเมินมูลค่าความเสียหาย และกำหนดแนวทางฟื้นฟู โดยใช้งบประมาณของบริษัทในการฟื้นฟูก่อน
โดนทอท.ได้ย้ายไปปฏิบัติงานที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นการชั่วคราวแล้ว
ขณะที่ “บิ๊กทอท.” ยอมรับว่า “สนามบินดอนเมือง” เรียกได้ว่าต้องสร้างใหม่เกือบทั้งหมด
ส่วนพื้นที่ “ฐานทัพอากาศ ดอนเมือง” หรือ“กองบัญชาการกองทัพอากาศ”
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. “พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์” ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมด้วยคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพอากาศได้นำคณะสื่อมวลชนตรวจพื้นที่น้ำท่วมในเขตกองทัพอากาศ พบว่า มีน้ำท่วมเต็มพื้นที่กองทัพอากาศ 100 % มีความสูงประมาณ 1 เมตร
ส่วนที่บริเวณ “สนามบินกองบิน 6” ท่วมสูงถึง 1.30 เมตร มีเครื่องบินที่จอดเสียรอซ่อมแซม จำนวน 8 ลำ เช่น เครื่องบินลำเลียงซี 130 จำนวน 2 ลำ เครื่องบินจี 222 และเครื่องบินฝึก เป็นต้น
ส่วน “เครื่องบินขนาดเล็ก” และที่ไม่ได้ปฏิบัติภารกิจในการช่วยเหลือประชาชนได้เคลื่อนย้ายออกไปเก็บไว้ที่กองบิน 1 โคราช จ.นครราชสีมา สนามบินอู่ตะเภา จ.ชลบุรี และกองบิน 41 จ.เชียงใหม่
นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ชนิดต่าง ๆของ “กองทัพอากาศ”และกำลังพลจอดจมอยู่อีกกว่า 100 คัน ขณะที่บ้านพักรับรองของผบ.ทอ.และนายทหารระดับ 5 เสือทอ.ภายในกองทัพอากาศ ต่างถูกน้ำท่วมบ้านพักชั้นหนึ่ง จนต้องขึ้นอยู่บริเวณชั้น 2 ของบ้านพัก
“แม่ทัพฟ้า” ยอมรับว่า “กองทัพอากาศ “ เตรียมแผนเผชิญเหตุป้องกันน้ำท่วมฐานทัพอากาศดอนเมืองอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการเฝ้าระวังจาก “ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ (ศบภ.ทอ.)” ติดตามสถานการณ์ รวมทั้งสามารถแจ้งเตือนเป็นขั้นที่ 1 2 และ3 ขณะที่ “ข้าราชการและครอบครัวกองทัพอากาศ” กว่า 1.3 หมื่นชีวิต และผู้อพยพจาก จ.พระนครศรีอยุธยา และเขตสายไหม ที่มาพักพิงที่ศูนย์พักพิงกองทัพอากาศ คาดว่าจะเคลื่อนย้ายผู้อพยพทั้งหมดออกไป
ดังนั้น จึงบอกได้ว่า “น้ำท่วมกองทัพอากาศ เต็มหมด 100 %” แล้ว
ส่วนพื้นที่ “กองบิน 6” ที่เป็นโรงเก็บเครื่องบินต่างๆ โช่น เครื่องบิน ซี130 มีการเคลื่อนย้ายอากาศยานทั้งหมด เหลือเพียงเครื่องบินที่ขัดข้องไม่สามารถบินได้ ที่อยู่ในช่วงปรับระดับสถานการณ์
นอกจากนั้น“กองทัพอากาศ” ยังได้ย้าย “บก.ทอ.ส่วนหน้า”และ“ศูนย์อำนวยการกองทัพอากาศส่วนหน้า” ออกจากพื้นที่กองบัญชาการ เพราะขณะนี้ “ระบบไฟฟ้าในกองทัพอากาศถูกตัดหมดแล้ว”
ล่าสุด“กองทัพอากาศ” ได้ย้ายไปอยู่ที่ “หอประชุมกองทัพอากาศ” โดยบก.ทอ.จะยังอยู่ที่หอประชุมทอ.ตามเดิม ส่วนภารกิจอื่นๆนอกเหนือจากยุทธการ และป้องกันสถานที่ต้องไปที่กรมช่างอากาศ บางซื่อ”
ผบ.ทอ. ยอมรับว่า อาจต้องสำรวจและอาจต้องขอตั้งงบประมาณใหม่ ในเรื่องของ “ยุทโธปกรณ์” ที่ต้องปฏิบัติภารกิจในด้านความมั่นคงในการป้องกันประเทศ
แต่ที่สำคัญ “แม่ทัพฟ้า”ประกาศลั่น บ้านพักที่อาศัยอยู่ตอนนี้ น้ำท่วมสูงถึงชั้น 1ผมคงไม่ย้ายไปไหนยังคงอยู่ในบ้านพักที่เดิม”
ท้ายที่สุด ผบผ.ทบ.ประกาศว่า “ภารกิจการกู้สนามบินดอนเมือง” ไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบของ กองทัพอากาศ แต่บางส่วน ของสนามบินดอนเมืองฝั่งตะวันตก คือ เทอร์มินอลต่างๆ คลังสินค้า แท๊กซี่เวย์ รันเวย์ ทั้งหมด “บริษัทท่าอากาศยานไทย” เป็นคนดูแลทั้งหมด ขณะที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้บัญชาการทหารบก ก็พร้อมที่จะส่งกำลังพลมาช่วยกู้เช่นกัน
ล่าสุดมีการกำหนดภารกิจ “สูบน้ำออกจากท่าอากาศยานดอนเมืองแล้ว” โดยกองทัพและกรมชลประทาน ประสานที่จะสูบน้ำออกจากให้ได้ก่อนอย่างน้อยในวันศุกร์ที่ 4 พ.ย.นี้ ขณะที่ทาง ทอ.ได้ทำแพและทุ่นให้เฮลิคอปเตอร์สามารถลงจอดที่ดอนเมืองได้ด้วย
ท่ามกลางข่าวลือว่า “ศปภ.” ที่นำโดย “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”นายกรัฐมนตรี และ“พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก” ผอ.ศปภ.อยากจะกลับไปทำงานที่เดิม เนื่องจากมียุทธศาสตร์และฮวงจุ้ย สุดยอด!!!