ทอ.จมบาดาลเต็มพื้นที่ ครอบครัวทหารเรือนหมื่นอพยพ ย้ายกองบัญชาการไปอยู่หอประชุม ทอ.แล้ว ด้าน ผบ.ทอ.ลั่นไม่ขอหนีแม้น้ำท่วมบ้านสูงถึงชั้น 1 แจงดูแล “ดอนเมือง” ไม่ใช่หน้าที่ ทอ. แนะสูบน้ำกู้ทุกหน่วยต้องช่วยกัน ยันไม่เหนื่อย-ไม่ท้อ เพราะเป็นทหารต้องทำหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมด้วยคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพอากาศ ได้นำคณะสื่อมวลชนตรวจพื้นที่น้ำ ท่วมในเขตกองทัพอากาศที่ขณะนี้มีน้ำท่วมเต็มพื้นที่กองทัพอากาศ 100% โดยความสูงทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 1 เมตร ส่วนที่บริเวณสนามบินกองบิน 6 ท่วมสูงถึง 1.30 เมตร โดยยังมีเครื่องบินที่จอดเสียอยู่รวม 7-8 ลำ เป็นเครื่องบิน 130 จำนวน 2 ลำ เครื่องบินจี 222 และเครื่องบินฝึก นอกจากนี้ยังมีรถจอดจมอยู่อีกกว่า 100 คัน ส่วนบ้านพักรับรองของ ผบ.ทอ.และนายทหารระดับ 5 เสือ ทอ.ภายในกองทัพอากาศ ต่างถูกน้ำท่วมบ้านพักชั้นหนึ่งจนต้องขึ้นอยู่บริเวณชั้น 2 ของบ้านพัก
พล.อ.อ.อิทธพรให้สัมภาษณ์ท่ามกลางน้ำท่วมหน้ากองบิน 6 ว่า กองทัพอากาศจัดทำแผนเผชิญเหตุป้องกันน้ำท่วมฐานทัพอากาศดอนเมือง ซึ่งเรามีการทำแนวกั้นน้ำ เตรียมเครื่องสูบน้ำ ประชาสัมพันธ์ให้ข้าราชการ ครอบครัวกองทัพอากาศทราบอย่างต่อเนื่อง และยังมีการเฝ้าระวังจากศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ (ศบภ.ทอ.) ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง มีการแจ้งเตือนเป็นขั้นที่ 1 2 และ 3 ขั้นที่วิกฤต คือ ปริมาณน้ำที่ท่วมเข้ากองทัพอากาศผ่านช่องทางต่างๆ สูงมากกว่า 1 เมตร ซึ่งสูงกว่าแนวกั้นน้ำที่เราทำไว้ โดยขณะนี้ได้แจ้งเตือนภัยแล้ว ปกติข้าราชการและครอบครัวกองทัพอากาศมีทั้งหมด 1.3 หมื่นคน ซึ่งหลังจากที่ได้มีการเตือนภัย และได้มีการอพยพ ขณะนี้เหลือกำลังพลที่ยังปฏิบัติภารกิจอยู่ 1.2 พัน คน นอกจากนี้ยังมีผู้อพยพจากอยุธยา และสายไหมมาพักพิงที่ศูนย์พักพิงกองทัพอากาศ แต่สถานการณ์น้ำเข้ามาจนทำให้ผู้พักพิงไม่ปลอดภัย จึงได้เคลื่อนย้ายผู้อพยพทั้งหมดออกไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังเหลืออยู่อีก 50 คนที่ไปไหนไม่ได้จริงๆ เราก็ต้องดูแลเขาต่อไป
“น้ำท่วมในกองทัพอากาศเต็มหมด 100% ส่วนพื้นที่กองบิน 6 ที่เป็นโรงเก็บเครื่องบินต่างๆ โดยเฉพาะเครื่องบินซี 130 ซึ่งเราได้เคลื่อนย้ายอากาศยานทั้งหมดไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ส่วนเครื่องที่เหลืออยู่ คือ เครื่องบินที่ขัดข้องไม่สามารถบินได้ ขณะนี้อยู่ในช่วงปรับระดับสถานการณ์ ซึ่งเราได้มีการย้าย บก.ทอ.ส่วนหน้า และศูนย์อำนวยการกองทัพอากาศส่วนหน้าออกจากพื้นที่กองบัญชาการ เพราะระบบไฟฟ้าในกองทัพอากาศถูกตัดหมดแล้ว เพราะน้ำท่วมถึงหมดจึงจำเป็นต้องย้ายไปอยู่ที่ใหม่ เพื่อดำรงสภาพการปฏิบัติภารกิจของกองทัพอากาศต่อไป เราได้ย้ายไปอยู่ที่หอประชุมกองทัพอากาศตั้งแต่ช่วงเที่ยงของวันที่ 31 ต.ค. เพราะเป็นตึกที่สูงที่สุด ขณะนี้อยู่ในขั้นเตรียมการปรับหน่วยต่างๆ แต่ตอนนี้โชคไม่ค่อยดีเพราะน้ำยังมีปริมาณสูงขึ้น เราจึงต้องคิดต่ออีกว่า ถ้าไม่สามารถอยู่ในหอประชุมกองทัพอากาศได้ เราอาจจะต้องย้ายต่อเป็น บก.ทอ.ส่วนแยก โดย บก.ทอ.ยังอยู่ที่หอประชุมทอ.ตามเดิม ส่วนภารกิจอื่นๆนอกเหนือจากยุทธการ และป้องกันสถานที่ต้องไปที่กรมช่างอากาศ บางซื่อ” ผบ.ทอ.กล่าว
พล.อ.อ.อิทธพรกล่าวว่า ขณะนี้กำลังประเมินสถานการณ์เตรียมแผนอีก ทั้งนี้เราต้องคงอุปกรณ์บางอย่างไว้ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ซึ่งอาจมีความเสียหายบ้างเพราะระดับน้ำสูงกว่าที่คิด ซึ่งเราคงต้องสำรวจ และอาจต้องขอตั้งงบประมาณใหม่ เพราะเป็นยุทโธปกรณ์ ที่ต้องปฏิบัติภารกิจในด้านความมั่นคงในการป้องกันประเทศ ส่วนการตรวจความเสียหายต้องรอให้น้ำแห้งก่อน สำหรับเครื่องบินซี 130 จำนวน 2 ลำที่ยังอยู่ เป็นเครื่องที่ต้องรออะไหล่ ขณะนี้ระดับน้ำอยู่ในระดับล้อของเครื่องบิน ดังนั้นเครื่องยนต์ อุปกรณ์ต่างๆ ในตัวเครื่องยังใช้งานได้อยู่ ซึ่งความเสียหายไม่มาก ส่วนระดับน้ำท่วมขังในกองทัพอากาศยังเพิ่มระดับขึ้น ทำให้การเดินทางในกองทัพอากาศลำบากขึ้น เพราะเราต้องดูแลประชาชนด้วย ส่วนบ้านพักที่ตนอาศัยอยู่ตอนนี้ก็ท่วมสูงถึงชั้น 1 ส่วนกำลังพลกองทัพอากาศเคลื่อนย้ายไปอยู่ในที่สูง
“ส่วนการกู้สนามบินดอนเมือง ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้น้ำมันพร่องออกไปได้ ส่วนที่ตั้งสนามบินดอนเมืองประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นความรับผิดชอบของ กองทัพอากาศ แต่ข้อเท็จจริง สนามบินดอนเมืองมีฝั่งตะวันออกและตะวันตก ซึ่งสนามบินดอนเมืองทหารอยู่ฝั่งตะวันออก ขณะที่ท่าอากาศยานดอนเมืองคือฝั่งตะวันตก ประกอบไปด้วย เทอร์มินัลต่างๆ คลังสินค้า แท็กซี่เวย์ รันเวย์ ทั้งหมดบริษัทท่าอากาศยานไทยเป็นคนดูแลทั้งหมด กองทัพอากาศจะดูแลในส่วนที่เป็นราชการของกองทัพอากาศ ซึ่งการสูบน้ำออกต้องทำร่วมกัน ส่วนการดูแลระบบน้ำ ในสนามบินเป็นการดูแลของบริษัทท่าอากาศยาน ซึ่งคงต้องร่วมกันดูแลว่า จะสูบน้ำอย่างไร สำหรับการระบายน้ำออกจากพื้นที่ตั้งแต่สนามบินดอนเมืองและท่าอากาศยานทั้งหมดต้องร่วมกันอย่างจริงจัง คิดว่าหน่วยงานที่มีส่วนรับผิดชอบต้องมาช่วยกันเพราะพื้นที่ที่เสียหายไม่ใช่ความ รับผิดชอบของ ทอ.เพียงอย่างเดียว รัฐบาลก็ทราบสถานการณ์ เพราะเรียนให้ทราบแล้ว ทั้งนี้ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือท้อ เพราะเป็นทหารต้องทำหน้าที่ และคงไม่ย้ายไปไหนยังคงอยู่ในบ้านพักที่เดิม” ผบ.ทอ.กล่าว