ASTVผู้จัดการรายวัน - ทอท.กางแผนป้องกันน้ำท่วมสุวรรณภูมิและแผนปฏิบัติหากเกิดวิกฤติ เคลียร์พื้นที่ย้ายเครื่องบินได้ภายใน 24 ชม. มั่นใจการออกแบบพิเศษเขื่อนดินแข็งแรงสูง 3.5 เมตร พร้อมสถานีสูบน้ำ 2แห่ง สูบได้วันละ1 ล้านลบ.ม.ประเมินระดับน้ำสูงสุดไม่เกิน 1.50 เมตร แต่กังวลปัญหามีคนพังเขื่อน จัดเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนคุมเข้ม
นายสมชัย สวัสดีผล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และรักษาการผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.เปิดเผยว่า มาตรการป้องกันน้ำท่วมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่มีการออกแบบไว้นั้นสามารถรับมือกับน้ำที่ไหลเข้าสู่พื้นที่โดยรอบสนามบินได้อย่างแน่นอน โดยทอท.มีคณะทำงานทำแผนรองรับและคณะกรรมการประเมินความเสี่ยงเมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤติ ซึ่งจะมีแผนประเมินความเสี่ยงและแผนปฏิบัติการในแต่ละระดับ และประสานงานผู้ประกอบการต่างๆ ผู้ขนส่งสินค้า ตลอดจนสาการบินและคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน (AOC) อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ประเมินจากพื้นที่สนามบินประมาณ 1,6000 ต.ร.กม.กรณีเลวร้ายที่สุด หากปริมาณน้ำที่ไหลสู่พื้นที่รอบสนามบินประมาณ 1,500 ล้านลบ.ม. จากปริมาณทั้งหมดประมาณ 2,500 ล้านลบ.ม.โดยประเมินว่าน้ำส่วนหนึ่งไหลเข้าสู่คลองไปบ้าง ระดับน้ำรอบเขื่อนจะอยู่ที่ระดับ 1เมตร หรือหากปริมาณน้ำมากกว่านั้น ก็จะไม่เกิน 1.50 เมตร ซึ่งยังอยู่ต่ำกว่าเขื่อนดินที่สูง 3.5เมตรนอกจากนี้ยังมีสถานีสูบน้ำ 2แห่ง สามารถสูบน้ำได้วันละ1 ล้านลบ.ม.โดยแผนปฏิบัติการขั้นแรกกำหนดระดับน้ำนอกเขื่อนที่ 1.50 เมตร ขั้นสองที่ระดับ 2 เมตร ขั้นสามที่ระดับ 2.50 เมตร ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำภายนอกเขื่อนอยู่ที่ประมาณ 40 เซนติเมตรจึงยังในระดับที่ต่ำกว่าแผน
นายสมชัยกล่าวว่า บริเวณด้านเหนือสนามบินเป็นพื้นที่อ่อนไหวจากการระบายน้ำออกจากสนามบิน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในบริเวณนั้น และมีข้อกังวลว่าอาจจะมีการพันคันกั้นน้ำเกิดขึ้นได้นั้น เจ้าหน้าที่ทอท.และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันลาดตระเวนตลอดแนวคันกันน้ำ และในวันที่ 6 พ.ย.นี้จะมีการหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการในการจัดทำแผนอพยพประชาขนในด้านทิศเหนือของสนามบินด้วย
“ขณะนี้กรมทางหลวง(ทล.) ได้จัดเจ้าหน้าที่ 85คน พร้อมเครื่องมือเครื่องจักรกว่า 40 คัน และวัสดุอุปกรณ์ประจำ 8 จุดรอบสนามบิน ซึ่งหากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือมีรอยรั่วเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์เครื่องจักรไปถึงจุดนั้นๆเพื่อซ่อมแซมได้ภายใน5-10 นาที และสนามบินออกแบบเป็นระบบปิดไม่มีท่อน้ำเชื่อมกับด้านนอกจึงไม่มีปัญหาน้ำซึมหรือผุดตามท่ออย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามขณะนี้มีการติดตามประเมินระดับน้ำที่ประตูสูบน้ำหนองจอกและประตูระบายน้ำมีนบุรี ตลอดเวลา”นายสมชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมาทอท.ได้หารือกับกรมการบินพลเรือน (บพ.) กำหนดให้สนามบินภูมิภาค 5 แห่งเป็นสนามบินสำรอง คือ สนามบินอู่ตะเภา,ขอนแก่น,อุดรธานี,เชียงใหม่และเชียงราย และเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะสามารถเคลื่อนย้ายเครื่องบินและเคลียร์พื้นที่ได้ภายใน 24 ชั่วโมง
นายสมชัยกล่าวว่า ขณะนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารเฉลี่ย 100,000 คนต่อวันมีเที่ยวบินขึ้น-ลงประมาณ 900 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งผู้โดยสารหลักของเอเชีย เช่น จีน,ญี่ปุ่นนั้น ลดลง โดยภาพรวมในเดือนต.ค.54เปรียบเทียบกับต.ค. 53 จำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 6.55% โดยผู้โดยสารภายในประเทศเพิ่มขึ้น กว่า 10% ระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 3% เที่ยวบินเฉลี่ย14.9% หลังจากที่ทอท.เปิดให้ประชาชนนำรถเข้ามาจอดในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้มีผู้นำรถมาจอดแล้ว กว่า 20,000 คัน ดังนั้น เพื่อความสะดวก จึงขอให้ประชาชนใช้บริการรถสาธารณะ และขอให้ผู้ที่จะเดินทางมาสนามบินสุวรรณภูมิ เผื่อเวลาในการเดินทางล่วงหน้า.
นายสมชัย สวัสดีผล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และรักษาการผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.เปิดเผยว่า มาตรการป้องกันน้ำท่วมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่มีการออกแบบไว้นั้นสามารถรับมือกับน้ำที่ไหลเข้าสู่พื้นที่โดยรอบสนามบินได้อย่างแน่นอน โดยทอท.มีคณะทำงานทำแผนรองรับและคณะกรรมการประเมินความเสี่ยงเมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤติ ซึ่งจะมีแผนประเมินความเสี่ยงและแผนปฏิบัติการในแต่ละระดับ และประสานงานผู้ประกอบการต่างๆ ผู้ขนส่งสินค้า ตลอดจนสาการบินและคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน (AOC) อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ประเมินจากพื้นที่สนามบินประมาณ 1,6000 ต.ร.กม.กรณีเลวร้ายที่สุด หากปริมาณน้ำที่ไหลสู่พื้นที่รอบสนามบินประมาณ 1,500 ล้านลบ.ม. จากปริมาณทั้งหมดประมาณ 2,500 ล้านลบ.ม.โดยประเมินว่าน้ำส่วนหนึ่งไหลเข้าสู่คลองไปบ้าง ระดับน้ำรอบเขื่อนจะอยู่ที่ระดับ 1เมตร หรือหากปริมาณน้ำมากกว่านั้น ก็จะไม่เกิน 1.50 เมตร ซึ่งยังอยู่ต่ำกว่าเขื่อนดินที่สูง 3.5เมตรนอกจากนี้ยังมีสถานีสูบน้ำ 2แห่ง สามารถสูบน้ำได้วันละ1 ล้านลบ.ม.โดยแผนปฏิบัติการขั้นแรกกำหนดระดับน้ำนอกเขื่อนที่ 1.50 เมตร ขั้นสองที่ระดับ 2 เมตร ขั้นสามที่ระดับ 2.50 เมตร ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำภายนอกเขื่อนอยู่ที่ประมาณ 40 เซนติเมตรจึงยังในระดับที่ต่ำกว่าแผน
นายสมชัยกล่าวว่า บริเวณด้านเหนือสนามบินเป็นพื้นที่อ่อนไหวจากการระบายน้ำออกจากสนามบิน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในบริเวณนั้น และมีข้อกังวลว่าอาจจะมีการพันคันกั้นน้ำเกิดขึ้นได้นั้น เจ้าหน้าที่ทอท.และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันลาดตระเวนตลอดแนวคันกันน้ำ และในวันที่ 6 พ.ย.นี้จะมีการหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการในการจัดทำแผนอพยพประชาขนในด้านทิศเหนือของสนามบินด้วย
“ขณะนี้กรมทางหลวง(ทล.) ได้จัดเจ้าหน้าที่ 85คน พร้อมเครื่องมือเครื่องจักรกว่า 40 คัน และวัสดุอุปกรณ์ประจำ 8 จุดรอบสนามบิน ซึ่งหากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือมีรอยรั่วเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์เครื่องจักรไปถึงจุดนั้นๆเพื่อซ่อมแซมได้ภายใน5-10 นาที และสนามบินออกแบบเป็นระบบปิดไม่มีท่อน้ำเชื่อมกับด้านนอกจึงไม่มีปัญหาน้ำซึมหรือผุดตามท่ออย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามขณะนี้มีการติดตามประเมินระดับน้ำที่ประตูสูบน้ำหนองจอกและประตูระบายน้ำมีนบุรี ตลอดเวลา”นายสมชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมาทอท.ได้หารือกับกรมการบินพลเรือน (บพ.) กำหนดให้สนามบินภูมิภาค 5 แห่งเป็นสนามบินสำรอง คือ สนามบินอู่ตะเภา,ขอนแก่น,อุดรธานี,เชียงใหม่และเชียงราย และเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะสามารถเคลื่อนย้ายเครื่องบินและเคลียร์พื้นที่ได้ภายใน 24 ชั่วโมง
นายสมชัยกล่าวว่า ขณะนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารเฉลี่ย 100,000 คนต่อวันมีเที่ยวบินขึ้น-ลงประมาณ 900 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งผู้โดยสารหลักของเอเชีย เช่น จีน,ญี่ปุ่นนั้น ลดลง โดยภาพรวมในเดือนต.ค.54เปรียบเทียบกับต.ค. 53 จำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 6.55% โดยผู้โดยสารภายในประเทศเพิ่มขึ้น กว่า 10% ระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 3% เที่ยวบินเฉลี่ย14.9% หลังจากที่ทอท.เปิดให้ประชาชนนำรถเข้ามาจอดในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้มีผู้นำรถมาจอดแล้ว กว่า 20,000 คัน ดังนั้น เพื่อความสะดวก จึงขอให้ประชาชนใช้บริการรถสาธารณะ และขอให้ผู้ที่จะเดินทางมาสนามบินสุวรรณภูมิ เผื่อเวลาในการเดินทางล่วงหน้า.